14 พ.ค. 2021 เวลา 01:00 • ประวัติศาสตร์
เมื่อไม่นานมานี้ได้มีข่าวจาก IRS (International Revenue Service) หรือกรมสรรพากรของสหรัฐฯ ได้ประกาศรับรองให้โบสถ์ซาตานเป็นองค์กรทางศาสนาอย่างเป็นทางการ โดยจะได้รับการคุ้มครองทางกฎหมาย แต่รู้หรือไม่ว่าในอดีตนั้นอเมริกาเคยเกิดเหตุการณ์ล่าแม่มดที่เรียกได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์อันน่าหดหู่อย่าง “การล่าแม่มดในซาเล็ม”
6
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 300 ปีที่แล้ว เมืองเล็ก ๆ ในแถบอเมริกาเหนือชื่อว่าซาเล็มได้ถูกก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มผู้อพยพชาวพิวริแตนอังกฤษ และมีศูนย์กลางของชุมชนอยู่ที่โบสถ์ คำสอนของศาสนากลายเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในหมู่บ้าน และผู้คนต่างหวาดกลัวต่อสิ่งที่เหนือธรรมชาติ
กระทั่งวันหนึ่งมีเด็กสาวในหมู่บ้านคนหนึ่งชื่อว่า เบตตี แพร์ริส ได้ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน และโวยวายว่าเจ็บปวดตามร่างกาย ตามมาด้วยเด็กสาวอีก 2 คน คือ อาบิเกล วิลเลียมส์ และแอน พัตแนม ที่เริ่มตะโกนคำพูดที่ฟังไม่ได้ศัพท์ออกมา ผู้คนต่างพากันวิตกหวาดกลัว เพราะคิดว่าสิ่งที่เด็ก ๆ เป็นนั้นอาจเกิดจากสิ่งเหนือธรรมชาติ สุดท้ายบาทหลวงจึงสรุปว่าเด็กทั้ง 3 นั้นโดนคำสาปของ "แม่มด"
2
และนั่นได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ล่าแม่มดที่น่าพรั่นพรึงในเวลาต่อมา เมื่อบาทหลวงบังคับให้เด็กสาวไล่ชื่อหญิงสาวในเมืองมาทีละคนเพื่อหาว่าใครคือแม่มดตัวจริง ชาวเมืองในเมืองต่างพากันระแวงกันเอง และป้ายสีคนอื่นเพื่อให้ตนเองพ้นความผิด จนการล่าแม่มดกลายเป็นเครื่องมือที่ถูกใช้ในการกำจัดคนเร่ร่อน ไปจนถึงคนที่เกลียด จำนวนคนที่ถูกจับด้วยข้อหาเป็นแม่มดจึงมีมากกว่าร้อยคน โดยมีทั้งผู้หญิง และผู้ชาย
2
หญิงสาวจำนวนมากถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด
ต่อมาได้มีการจัดตั้งศาลพิเศษเพื่อไต่สวน โดยนำกฎหมายของอังกฤษที่บัญญัติให้การเป็นแม่มดเป็นความผิดร้ายแรงถึงขั้นประหารด้วยการแขวนคอมาใช้พิจารณาคดี โดยมีเคหาสน์แม่มดซาเลม ซึ่งเป็นบ้านของผู้พิพากษา โจนาทาน คอร์วิน ได้ถูกใช้เป็นสถานที่ในการแขวนคอ โดยมีชายคนหนึ่งถูกประหารชีวิตด้วยการวางหินทับร่างจนตาย ส่วนภรรยาก็ถูกนำตัวมาแขวนคอตายเช่นกัน
1
การทรมานโดยการนำหินทับจนตาย
ต่อมาวิลเลียม ฟิปส์ ผู้ว่าการจังหวัดได้สั่งยุบศาลพิเศษทิ้งแล้วจัดตั้งศาลชั้นสูงขึ้นมาใหม่เพื่อพิจารณาคดีโดยปฏิเสธหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหนือธรรมชาติทั้งหมด ในระหว่างนั้นมีผู้ถูกคุมขังในคุกกว่า 60 คน และมีผู้ถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอไปแล้วกว่า 19 คน นอกจากนี้ยังมีเด็กทารกหนึ่งคนเสียชีวิตในคุก ในที่สุดฟิปส์ก็ได้ตัดสินให้ผู้ถูกกล่าวหาหลายคนพ้นผิดและอภัยโทษให้แก่ผู้ที่รอรับโทษ การไต่สวนล่าแม่มดแห่งซาเล็มจึงปิดฉากลงในที่สุด
1
เหตุการณ์พิจารณาคดีแม่มดซาเล็มถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างอุปาทานหมู่ที่เลวร้ายอันเกิดจากความสุดโต่งทางศาสนา และความผิดพลาดของกระบวนการยุติธรรมที่ได้พรากชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปนับร้อยชีวิต ต่อมาในปี ค.ศ. 1992 ได้มีการสร้างสวนสาธารณะเพื่อรำลึกถึงเหยื่อ และเมืองซาเล็มก็ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยมีการนำความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ลี้ลับ และเวทมนตร์ต่าง ๆ มาเป็นจุดขายที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมชมที่นี่อย่างไม่ขาดสาย
3
ภาพเคหาสน์แม่มดซาเลมในปัจจุบัน
ขอบคุณข้อมูลจาก
ตำนานล่าแม่มด แห่งซาเลม การไต่สวนที่น่าพรั่นพรึงที่สุดในประวัติศาสตร์ (trueid.net)
ซาเลม เมืองแม่มดและการรื้อฟื้นเพื่อความยุติธรรม (2) (thematter.co)
การพิจารณาคดีแม่มดที่ซาเลม - วิกิพีเดีย (wikipedia.org)
โฆษณา