15 พ.ค. 2021 เวลา 08:03 • สุขภาพ
สุดยอดอาหารบำรุงไต
2
สุดยอดอาหารบำรุงไต
มาทำความรู้จักโรคไต
โรคไตเป็นกลุ่มโรคที่เกิดจากระบบการทำงานของไตผิดปกติ ทำให้ไตไม่สามารถขับของเสีย หรือรักษาความสมดุลของเกลือแร่และน้ำในร่างกายได้ ซึ่งโรคไตมีสาเหตุหลายอย่าง ได้แก่ โรคซึ่งเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น โรคถุงน้ำในไต โรคที่ทำให้เกิดการอักเสบของไต โรคที่เกิดจากการอุดตันของทางเดินปัสสาสะ เช่น จากนิ่ว และที่สำคัญคือ โรคที่เกิดจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่มีรสเค็มจัด หวานจัด ความเครียดสะสม พักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่ออกกำลังกาย ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อม โรคความดันโลหิตสูง และเกิดโรคเบาหวานตามมา ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายที่พบบ่อยที่สุด
อาหารที่บำรุงไต
การรับประทานอาหารหลาย ๆ อย่างที่มากเกินความจำเป็น จะทำให้ร่างกายของเราได้รับสารอาหารบางชนิดเกินกว่าความต้องการและอาจทำให้ "ไต" ต้องทำงานหนักและเสื่อมเร็วได้ แต่สำหรับอาหารบางชนิดเมื่อรับประทานแล้วมีส่วนช่วยบำรุงไตให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
- น้ำดื่ม
โดยปกติแล้ว 80% ของร่างกายประกอบไปด้วยน้ำ น้ำดื่มจึงเป็นองค์ประกอบสำคัญของร่างกาย เราควรจะดื่มน้ำให้ได้วันละ 6 – 8 แก้ว หรือประมาณ 1.5 – 2 ลิตร แต่ใครที่อยู่ในระยะไตเสื่อม ค่าการทำงานของไต 44 ลงมา ไตในระยะนี้จะขับน้ำส่วนเกินได้ไม่เต็มที่ ควรคิดปริมาณการดื่มน้ำแต่ละวันคือ เอาปริมาณปัสสาวะในแต่ละวันบวกด้วย 500 น้ำที่ควรดื่มจะต้องเป็นน้ำเปล่า น้ำสะอาด หรือจะดื่มน้ำแร่ก็ได้ แต่หากใครมีภาวะไตเสื่อม ก็ควรจะดื่มน้ำแร่ในปริมาณที่เหมาะสม หากจะดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลม ก็ควรดื่มในปริมาณที่น้อยและควบคุมความหวาน เพราะความหวานจะทำให้เซลล์เสื่อมง่าย
- อาหารกลุ่มโปรตีน
หลัก ๆ คือ ไข่ และปลา ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพสูง ส่วนโปรตีนคุณภาพต่ำ ได้แก่ เอ็นหมู, ไก่, วัว ข้อไก่ คากิ ตีนเป็ด, ไก่ กระดูกอ่อน เหล่านี้จะได้กรดอะมิโนที่จำเป็นแบบไม่ครบ ทั้งยังได้ของเสียจากการย่อยเยอะมาก จะทำให้ไตทำงานหนัก ส่งผลต่อคนที่มีภาวะไตเสื่อม การทานปริมาณของโปรตีนที่พอดีต่อวัน ของคนเท่าไป คือ 1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ส่วนคนที่มีภาวะไตเสื่อมระยะท้าย ๆ คือ 0.6 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
1
- ผักและผลไม้
เราควรทานผักและผลไม้ให้หลากหลายเพื่อที่จะได้เกลือแร่ที่หลากหลายด้วย ข้อจำกัดสำหรับคนที่เข้าสู่ระยะไตเสื่อมการขับเกลือแร่จะทำได้น้อยลง
• กะหล่ำปลี
มีวิตามินซี กรดโพลิก เส้นใยสูงทำให้ช่วยลดภาระการทำงานของไต และช่วยป้องกันโรคหัวใจ ลดความดันโลหิต
• หอมหัวใหญ่
มีสารประกอบธรรมชาติอย่างโพสตาแกรนติน ที่มีคุณสมบัติในการลดความหนืดของเลือด ลดความดันโลหิต ลดภาระการทำงานของไต เหมาะสำหรับผู้ที่มีคลิตินินสูง
• เห็ดหูหนูดำ
ช่วยบำรุงไต บำรุงระบบย่อยอาหาร ช่วยฟอกเลือด ลดคลอเรสเตอรอล เห็ดหูหนูมีฤทธิ์เย็นไม่ควรกินเยอะเกินไปเพราะจะทำอ่อนเพลีย ท้องร่วง ท้องอืด
• ถั่วดำ
ช่วยบำรุงไต บำรุงม้าม ขับชื้น มีโปรตีน ไขมัน ถั่วดำยังช่วยหล่อลื่นลำไส้เป็นยาระบายอ่อน ๆ แต่ถั่วดำ มีข้อเสียคือ ไม่เหมาะกับคนที่ท้องอืด ลมในท้องมากเพราะจะทำให้อาการหนักมากขึ้น
1
• หนวดข้าวโพดหรือไหมข้าวโพด
ต้มแล้วดื่มแทนน้ำ จะช่วยขับปัสสาวะจึงสามารถลดอาการความดันโลหิตสูงและอาการบวมน้ำได้ ทั้งยังช่วยรักษานิ่วในไตระยะแรก ลดเบาหวาน แก้คลื่นไส้ อาเจียนได้ หนวดข้าวโพดมีฤทธิ์เย็นถ้ารับประทานมากเกินไปจะทำให้อ่อนเพลีย ท้องร่วงได้
- ข้าวเหนียวดำ
มีสารสำคัญชื่อแกมมา-โอไรซานอล (gamma oryzanol) ซึ่งสามารถลดคลอเลสเตอรอล,ไตรกลีเซอร์ และยังเพิ่มระดับของ HDL รวมทั้งมีผลในการป้องกันการเกิดมะเร็งอัมพฤกษ์โรคหัวใจความดันโลหิตเส้นเลือดตีบ โรคเก๊าท์ไมเกรนลดความเครียดช่วยให้นอนหลับ แก้ปัญหาวัยทองและปวดประจำเดือน สารแอนโทไซยานิน (anthocyanin) สามารถลดการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ ในการแพทย์แผนจีนข้าวเหนียวดำ ช่วยบำรุงตับ บำรุงไต อบอุ่นระบบย่อยอาหาร แก้ปวดเมื่อยเอว เข่า ทั้งยังรักษาผมหงอกก่อนวัย ได้อีกด้วย
#สาระจี๊ดจี๊ด
อาหารทุกอย่างมีข้อดีและข้อเสีย ควรรับประทานแต่พอดี หลายหลาย และรับประทานให้เหมาะกับร่างกายของตัวเอง รู้จักสังเกตตัวเอง ไม่รับประทานมากเกินไป หากอาการดีขึ้นแล้วก็ควรเปลี่ยนไปกินอย่างอื่น ไม่ใช่ว่าได้ยินคนอื่นมาว่าอันนั้นดีอันนี้ดีก็กินกันซะจนเป๋ ควรทานอาหารให้หลากหลายและเป็นเวลา พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายให้เหมาะสม
#Wasabi ขอเพียงมีส่วนเล็ก ๆ ที่ช่วยให้คุณ!
"เจริญเติบโต ก้าวหน้า สำเร็จ อย่างภาคภูมิใจ"
#สาระจี๊ดจี๊ด #Wasabi #ความรู้ขึ้นสมอง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา