ตอนที่16.PANTHEON Basilica Santa Maria ad Martyres ศาสนจักรกับวิทยาศาสตร์
XVI. Pantheon 2
ตรอกซอกซอยก่อนเข้า Pantheon
.....ปกติ ผมเป็นคนไม่ค่อยชอบดูหนัง แต่เมื่อมาที่โรมดูงานสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมต่างๆหนังเรื่องนี้แทบจะเรียกว่าไม่ดูไม่ได้ Angels & Demons จริงๆแล้วหนังออกจะโม้ๆหน่อยที่พระเอก(ชาวอเมริกันที่เก่งเสมอ ก็หนังอเมริกันนี่) รู้สึกจะเป็นนักสัญลักษณ์วิทยา (เพิ่งทราบว่ามีผู้เชี่ยวชาญสาขานี้ด้วย) เข้ามาไขปัญหาลึกลับต่างๆและการฆาตกรรมโป้บในวาติกัน แม้จะโม้แต่การดำเนินเรื่องเร็วสนุกสนานมาก เข้าฉายเมื่อประมาณสักสามปีที่แล้ว(ถึงตรงนี้ก็สิบกว่าปีแล้ว) และมีกระแสตอบรับอยู่หลายกระแสทั้งชอบและไม่ชอบ อย่างไรก็ตามบ้านเราก็มีคนแปลเรื่องนี้เป็นภาษาไทยด้วยมุมกล้องที่โรมถือว่าสวยแปลกตาหลายมุม
..
....
....
.....แต่กระแสของหนังนั้นผูกพันไปถึงการท่องเที่ยวในพื้นที่ด้วยหลายอย่าง นับแต่ขนาดมีการจัดทัวร์ตามรอยภาพยนต์กันเป็นเรื่องเป็นราวเห็นคนที่นี่บอกว่าทัวร์หนึ่งวันตั้ง50 ยูโรเชียว หรือสถานที่ที่มีการระบุไว้ในหนังหลายแห่งก็มีนักท่องเที่ยวมาชมและพิจารณารายละเอียดมากกว่าเดิม กลายเป็นว่าการท่องเที่ยวของอิตาลีได้ประโยชน์จากหนังอเมริกันเรื่องนี้คงเพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นอเมริกัน แม้เนื้อหาหลายบทหลายตอนดูไม่ค่อยเป็นมิตรกับวาติกันนัก และการท่องเที่ยวของอิตาลีอาจจะไม่เห็นด้วยในรายละเอียดนัก
...
...
..
....
.....
....
....
ดูเสกลคนกับเสกลเสาซิครับน่าอัศจรรย์จริง
.....ที่นี่ Pantheon เป็นตอนสองต่อจากตอนที่แล้ว ต้นเรื่องของหนังกล่าวถึงหลุมศพของราฟาเอลศิลปินที่เสียชีวิตแต่อายุยังน้อย ราวสักสามสิบเจ็ดปี แต่ยิ่งใหญ่จริงๆ ถ้าใครเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ที่วาติกัน ก่อนจะถึงห้องซิสทีนจะมี ห้องราฟาเอลอันวิจิตรตระการตา ในศาสนวิหารระดับศูนย์กลางของอาณาจักรการให้ที่พำนัก (หลุมศพ) ถือเป็นการให้เกียรติอันยิ่งใหญ่ต่อศิลปินท่านนี้เพราะตรงข้ามในวิหารเดียวกันเป็นหลุมศพกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของอิตาลี เอมมานูเอล2 ผู้รวบรวมประเทศอิตาลีจากการเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อย แม้จะต่างยุคต่างเวลากัน แต่หลุมศพกษัตริย์และหลุมศพศิลปินอยู่ตรงข้ามกัน ศิลปินนั้นคงไม่ธรรมดา และถ้าไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ผมคงไม่รู้จักกับหลุมศพแห่งนี้ และไม่ได้มาพิจารณาความละเอียดลออ ของมหาวิหารแห่งนี้
.....วันนั้นออกจากบ้านแต่เช้า ขออาศัยรถเจ้าถิ่นให้มาส่งแปะไว้ที่นี่ ก่อนแปดโมงครึ่งตัววิหารยังไม่เปิด ว่าแล้วก็เดินไปหากาแฟกินกาแฟที่ย่านนี้เป็นสุดยอดวิชากาแฟว่ากันว่าอร่อยที่สุดในโรม(สมัยนั้นบ้านเราคนยังไม่กินกาแฟมากเท่าปัจจุบันและมาโรมอย่าไปสั่งกาแฟเย็นเข้าล่ะฝรั่งมันไม่รู้จักหรอก) เดิมรู้จักอยู่ร้านหนึ่งจากที่มีคนแน่ะนำแพคเกจของแกเป็นสีแดง(ความเดิมตอนก่อนที่นี่ที่เขียนเมื่อปีที่แล้ว) เอ๊กซ์เพรสโซ่ของแกถ้วยเล็กนิดเดียวแต่เหมือนบรั่นดีอันเข้มข้น กาแฟอะไรกันหอมร้ายกาจและข้นจริงๆกระดกสองทีหมดเสียดายรสชาติตะหงิดๆจริงๆควรจะกระดกทีเดียวแต่ยังกลัวความร้อนอยู่ แต่วันนี้มีโพยว่าในบริเวณนี้ยังมีเจ้ายุทธจักรอีกที่หนึ่งแต่เป็นจอมยุทธิ์คาปูชิโน่ จอมยุทธิ์เหลืองเพราะแพคเก็จของห่อกาแฟแกสีเหลือง ก็ไปจนเจอร้านแกเล่นเทินเครื่องทำกาแฟไว้เหนือระดับเคาน์เตอร์อีกระดับหนึ่งเวลารับออเดอร์ แล้วต้องขึ้นไปยืนอีกระดับราวกลัวว่าใครจะไปแอบดูแกทำกาแฟ เนื้อของฟองนมแกแน่นข้นและอูมอวบขึ้นมาเหนือถ้วยกาแฟรสนมและกาแฟเลยละเมียดมันๆ โอ้อร่อยจัง
...
Phi
.....รีบตัดบทเรื่องกาแฟกลับเข้ามาที่หน้า Pantheon อย่างที่กลิ่นกาแฟยังค้างอยู่ในปาก ทัวร์ต่างๆต่างทะยอยเข้ามาบ้างแต่คนยังไม่มากนักเพราะยังไม่ถึงเวลาเปิดประตูคือ 0830 น. หาที่นั่งหน้าน้ำพุแล้วเอาอุปกรณ์เครื่องเขียนออกมางานออกมาเริ่มร่างไปหน่อยหนึ่ง แต่อารมณ์สดนี่หาไม่ได้แล้วมีครั้งเดียวเขียนอีกทีอาจจะปรระณีตกว่านี้ และตรงหน้าน้ำพุและโอบิลิสก์ที่หน้ามหาวิหารแห่งนี้ คือที่ที่ในฝันที่จะมาวาด งานอาจไม่สวยอย่างที่คาด แต่โอกาสเช่นนี้ไม่ได้มีบ่อยนักพลังสดนั้นยังติดค้างอยู่ในรูป เริ่มเป็นหน้าร้อนแล้วแดดเริ่มแรง การวาดบนแดดนี่เหนื่อยทีเดียวผู้คนรอบตัวบริเวณน้ำพุเริ่มเยอะขึ้น ข้างๆมีน้องหญิงอิตาเลียนคนหนึ่งแกนั่งวาดรูปอยู่ด้วยเหมือนกันมีลุงแก่กับสาวอีกคนเดินเฉียดกรายจนเกือบจะเตะจานสีและถ้วยน้ำระบายสีเชียว มีคนมาจ้องดูแบบดีดีและแบบไม่ค่อยเกรงใจนักโดยเฉพาะทัวร์จีนแม้จะวอกแวกบ้างแต่นี่คือความยากของการวาดรูปนอกสถานที่คือความไม่นิ่ง ภาษาของนักเสก็ตช์เชอร์ เขาเรียกว่า on location วันนั้นนั่งวาดไปสักพักก็เริ่มร้อนแต่ผู้คนที่นั่งรอบตัวเราเขาก็นั่งกันกลางแดด โอบิลิสก์เสน่ห์ของโรมและทุกอย่างรอบตัวในวันนั้น ก็ล้วนบรรจุอยู่ในรูปนี้
....
ออนโลเคฉั่น
.....ก่อนที่จะต่อไปยัง Pantheon ตอนต่อไป อาจจะต้องอารัมภบท เรื่อง illuminati ไว้บ้าง แม้เรา จะดูจากภายนอก ของPantheon ว่า เป็นอาคารโบราณประเภทหนึ่ง แต่เมื่อเข้าไปภายในเราจะเห็น ปริมาตรของทรงกลม เหมือนเราตัวเล็กๆ แล้วเข้าไปอยู่ในลูกปิงปอง เห็นปริมาตรครึ่งวงกลม การก่อสร้างในยุคนั้น แทบจะทำไม่ได้เลยถ้ามนุษย์ไม่รู้จักคำว่า Pi หรือ Phi แม้ pi จะถูกคิดค้นในยุคของสมัยของกรีกอริสโตเติ้ล ต้นทางที่มนุษย์จะรู้ระยะทางของเส้นรอบวง และปริมาตรของวงกลม วิทยาศาสตร์ดาราศาสตร์มาพร้อมกับการคำนวณ และ pi กลายเป็นสัญลักษณ์ต้นทางอันซับซ้อนเมื่อกล่าวถึงการพัฒนาของวิทยาศาสตร์ ผ่านยุคสมัยต่างๆมา ความก้าวหน้านั้นทำให้โลกที่แบนกลายเป็นทรงกลมโลกที่มีมิติและที่ว่าง ทำให้เรารู้จักการแกว่งไกวอันไม่รู้จบของลูกตุ้ม ทำให้เรารู้ว่าก้อนหินและไม้เมื่อโยนจากที่สูงเมื่อมีปริมาตรเท่ากันจะลงถึงพื้นพร้อมกัน การก้าวออกมาจากโลกที่แบนในยุคที่แล้วการกำหนดให้พระอาทิตย์เป็นศูนย์และทุกอย่างหมุนรอบมันแทนโลกที่เคยเป็นศูนย์กลางจักรวาลเดิม และที่สำคัญนั่นทำให้การตีความ ของพระคัมภีร์เบี่ยงเบนไป ศรัทธาในพระเจ้า กำลังถูกวิทยาศาสตร์ท้าทาย นักวิทยาศาสตร์ในยุคแรกๆ ถูกศาสนจักรจับตามอง และเริ่มมีความเห็นขัดแย้งระหว่างกัน พระเอกของเรื่องนี้มีหลายคนพระเอกคนสำคัญคือกาลิเลโอและโคเปอร์นิคัส พวกเขากลายเป็นสัญลักษณ์ ของอิลลูมิเนติ แหมอยากเรียกว่าพรรคแสงสว่างหรือพรรคจรัส(ในหนังจีน)เหมือนโซโรเอสเตอร์ในเปอร์เซียจริง ศาสนจักรกับอิลลูมิเนติ ที่เป็นตัวแทนของวิทยาศาสตร์เป็นตัวแทนของโลกสมัยใหม่ก็สู้รบปรบมือกันแม้ด้วยความคิดมาตลอดตัวอย่างในยุคที่ผ่านมายังมีเรื่องราวอย่างการทำแท้งความถูกผิดการตีความ ความคิดเห็นของโลกที่เจริญที่ท้าทายความเชื่อดั้งเดิมในไบเบิ้ล
...
....
...
แต่งตัวซอมซ่อนั่งกับพื้นอย่างนี้ไม่มีใครมาขโมยกระเป๋าหรอกครับ ที่ฐานโอบิลิสก์หน้า Pantheonไปคว้าคนเดินผ่านไปมาแถวนั้นมาถ่ายให้
...
..
ยังมีต่อตอนที่สาม
โคลงชมวัด
ทางแก้ว
ชมPantheon
ชม Pi
- 1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
