21 พ.ค. 2021 เวลา 10:30 • ไลฟ์สไตล์
#เปลี่ยนคนหัวร้อนให้เป็นคนสุขใจ ด้วย 5 วิธี
คุณเป็นคนที่หัวเสียอยู่บ่อยๆหรือเปล่า?
หลายๆอย่างในชีวิตประจำวันมักไม่ได้ดั่งใจใช่ไหม?
ฉันถูก ... เค้าผิด เพราะฉะนั้นฉันต้องทำให้เค้ารู้ว่าใครถูก ใครผิด กันแน่ ... คือสถานการณ์ที่คุณเจออยู่ประจำ ?
ถ้าคุณตอบว่า “ใช่ ใช่ ใช่” นั่นแปลว่า คุณเป็นคนหัวร้อน ส่วนร้อนระดับไหนนั้น ก็คงแล้วแต่ดีกรีของแต่ละคน
Image by ErikaWittlieb from Pixabay
เมื่อก่อนเราก็เป็นคนหัวร้อนระดับนึงเลย ขึ้นแล้วลงไม่เป็น แบบไปให้สุดทาง "ฆ่าได้ หยามไม่ได้" อะไรทำนองนั้น
เคยมีอยู่ครั้งนึง เมื่อนานมาแล้ว ถึงขั้นไปทะเลาะกับแม่ค้าขายแป้งจี่กลางสยามสแควร์ คนยืนมองกันเพียบ ชั่วโมงนั้นไม่มีคำว่าความอาย ก็ของมันขึ้นแล้ว จุดพีคคือ เมื่อแม่ค้าแป้งจี่เป็นเพื่อนกับแม่ค้าขายผลไม้ซึ่งขายอยู่ใกล้ๆกัน แม่ค้าขายผลไม้ถือมีดมายืนด่ากับเราอยู่พักนึง จำไม่ได้ว่าเรื่องราวมันจบยังไง แต่ผลสรุปก็คือแยกย้ายกันไป
เวลาผ่านไป จนมาถึงปัจจุบัน มักมีข่าวทำร้ายกันบ้าง ฆ่ากันตายบ้าง เพียงเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ เราก็มานั่งย้อนคิดถึงเหตุการณ์นั้น โอ้ว!! เราช่างโชคดีจริงๆ ที่เหตุการณ์ในวันนั้นไม่บานปลายมากไปกว่าเอามีดมาขู่
คนเราสมัยนี้ช่างโหดร้ายกว่าเมื่อก่อนเยอะ และปล่อยพลังกันแบบไม่ยั้ง ถ้าวันนี้เรายังใช้นิสัยแบบเดิมๆอยู่ เราคงอยู่ไม่ถึงแก่เป็นแน่แท้
ใครที่ยังเป็นคนหัวร้อนอยู่ ลองใช้ 5 วิธีนี้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดู ถือซะว่า เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของตนเอง แถมจิตใจก็จะสงบสุขมากขึ้น ไม่ถูกกระตุ้นให้ร้อนเป็นไฟได้ง่ายๆ
เกริ่นนำมาเนิ่นนาน มาๆๆ เข้าเรื่องกันดีกว่า
5 วิธี ที่จะเปลี่ยนคนหัวร้อน ให้กลายเป็นคนสุขใจ
วิธีที่ 1. นับ 1 ถึง 10, นับ 1 ถึง 100, นับ 1 ถึง พัน
Image by nile from Pixabay
เมื่อคุณรู้สึกโกรธ พยายามออกมาจากตรงนั้นถ้าเป็นไปได้ แล้วให้นับ 1 ถึง 10 ในใจ ... ไม่พอหรอก ... นับ 1 ถึง 100 ในใจ ... ถ้ายังไม่พออีก นับ 1 ถึง พัน เลย
ประเด็นของการนับคือ เพื่อดึงใจคุณให้คิดเรื่องอื่นแทน หรือคุณจะไม่นับก็ได้ นั่นไม่ใช่ปัญหา แต่ที่สำคัญคือ อย่าเพิ่งพูดอะไร อย่าเพิ่งพิมพ์โต้ตอบอะไรเด็ดขาดเวลาโกรธ และที่สำคัญที่สุด ห้ามตัดสินใจอะไรในยามความโกรธเข้าครอบงำ ให้นิ่งเข้าไว้ ไม่จำเป็นต้องเชือดเฉือนกันด้วยคำพูด ความสะใจอาจจะบังเกิดในตอนแรก แต่ความเสียใจจะบังเกิดในตอนหลัง
คุณเคยสังเกตไหม สิ่งที่พ่นออกจากปากคุณในตอนนั้น มันคือความโกรธล้วนๆ มันไม่ใช่ปัญญา มันคือความบ้า และแทบไม่ได้มีเนื้อหาสาระอะไรเลย ส่วนที่ทำให้แย่ลงไปอีก คือการที่โต้ตอบกันไปมา ยิ่งมีแต่ทำให้จากไม่พอใจหนึ่งเรื่อง จะกลายเป็นสองเรื่อง สามเรื่อง
มากไปกว่านั้น คุณเคยสังเกตไหมว่าหลังจากการพูดจากระแทกกระทั้นกันไปมา ทำให้อารมณ์โกรธของคุณพลุ่งพล่านมากกว่าตอนแรกซะอีก เหมือนเอาน้ำมันไปราดให้กับกองไฟเล็กๆจนลุกโชนขึ้นมา
ถ้าคุณหยุดวงจรนี้ได้ ....
เมื่อความโกรธของคุณสงบลงแล้ว คุณจะรู้สึกเหมือนเป็นพระอรหันต์เลยทีเดียว “โอ้ว! ฉันตัดความโกรธได้” จริงๆนะ ในครั้งแรกที่ทำได้ มันรู้สึกภูมิใจในตัวเอง และดีใจที่สุด ที่เมื่อก่อนหน้านี้ ไม่ได้พูดอะไรงี่เง่าๆออกไป
ถ้าถามว่ายังรู้สึกโกรธอยู่ไหม บางครั้งก็ยังโกรธอยู่นะ แต่ก็จะอยู่ในประเด็นตรงๆว่าเราไม่พอใจเพราะอะไร ในจุดไหน ไม่เวิ้นเว้อ แต่ในบางครั้งความคิดแบบมีเหตุผล เหตุผลแบบที่ไม่เข้าข้างตัวเองก็มาแทนที่ ว่า เออ จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้เรื่องใหญ่อะไรนะ ปล่อยผ่านไปเถอะ
ครั้งแรกอาจจะรู้สึกขัดใจตัวเองตะหงิดๆ แต่พอทำๆไปเรื่อยๆ มันก็กลายเป็นเรื่องธรรมดา และที่สำคัญ จิตใจจะสงบสุขขึ้นเยอะ
วิธีที่ 2. Say “No” to ถ้อยคำหยาบคายรุนแรง
Image by Ana Krach from Pixabay
การใช้ถ้อยคำหยาบคายรุนแรงในยามโกรธนั้น เสมือนเป็นการเติมเชื้อไฟดีๆนั่นเอง
ชีวิตบนท้องถนนในกรุงเทพมันช่างน่าหงุดหงิดและทำให้อารมณ์เสียได้เสมอๆ ทั้งรถติด รถขับเบียด รถขับปาดหน้า รถขับคร่อมเลน รถจอดซื้อของ มอเตอร์ไซด์ย้อนศรแล้วชี้หน้าด่าคุณ
ยิ่งคนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่บนถนนวันละหลายๆชั่วโมง ยิ่งต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านั้นมากกว่าคนอื่น คงจะต้องมีอารมณ์โกรธบ้างเป็นแน่ แล้วเราจะจัดการกับความโกรธนั้นยังไงดี
เราได้สังเกตตัวเองหลังจากที่เราหยุดด่า และ หยุดยกนิ้วกลางให้ กับพฤติกรรมแย่ๆของรถบางคัน เราใช้วิธีบ่นเบาๆแทน เช่น รถมาปาดหน้า แทนที่จะเร่งเครื่อง ขับขึ้นไปตีคู่ ยกนิ้วกลางให้ แล้วด่าว่า xxx เราก็จะบ่นเบาๆของเราแค่เพียง "ขับรถแย่จริงๆ" เชื่อหรือไม่ว่า เพียงเท่านั้นแหละ เราก็ได้ระบายออกกับเรื่องหัวเสียนี่ โดยไม่จำเป็นต้องใช้คำรุนแรงให้อารมณ์มันโหมกระพือเลย
การที่เราด่า หรือ ยกนิ้วกลางให้ อาจนำไปสู่การทะเลาะวิวาทได้ง่ายๆ ซึ่งในปัจจุบันนี้มันก็อันตรายมากทีเดียว เพราะเราไม่รู้เลยว่า เราจะไปเจอกับใคร คู่วิวาทของคุณมีความบ้าบิ่นมากแค่ไหน อันตรายจริงๆนะ ทั้งกับตัวคุณ และทุกชีวิตที่อยู่ในรถของคุณอีกด้วย
หากคุณไม่หลงไปกับอารมณ์ในตอนนั้น เพียงแค่ 5 นาที หรือ 10 นาที ให้หลัง ทุกอย่างก็จะเป็นปกติสุข ไม่มีความคุกรุ่นในใจ เพราะรถคันนั้น กับ รถของคุณ ก็ไปไหนต่อไหนแล้ว
ขับรถเปิดฟังเพลงชิลๆ ดีกว่าที่จะต้องมาเสียเวลากับความโกรธ ที่โกรธไปแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไรขึ้นมาเลยแม้แต่นิดเดียว มีแต่เสียกับเสีย แค่เจอรถติด มันก็แย่มากพออยู่แล้ว
วิธีที่ 3. เลิกการเอาชนะ
Image by Ryan McGuire from Pixabay
เราอาจหาเหตุผลร้อยแปดพันเก้า เพื่อเข้าข้างตัวเอง เรามักมีเหตุผลดีๆเสมอ เพื่อที่จะบอกว่า ฉันถูก เค้าผิด
แล้วการประกาศศักดาให้อีกฝ่ายรับรู้ และ ให้อีกฝ่ายยอมรับ ว่าตัวเค้านั้นผิด ตัวเค้านั้นไม่มีเหตุผล ถามว่า ทำแล้ว มันจะได้อะไรขึ้นมา ถึงแม้ว่าตัวคุณจะเป็นฝ่ายถูกจริงๆก็เถอะ
ถ้าคุณไม่ได้ทำผิดอะไร นั่นก็ดีอยู่แล้วมิใช่หรือ ไม่มีความจำเป็นต้องติดป้ายประกาศว่า “ข้านี่แหละ คือผู้ชนะ” คุณไม่ได้ไปออกรบที่ไหนนะ
เมื่ออีกฝ่ายเป็นคนที่คุณรัก เป็นคนในครอบครัวคุณ เป็นเพื่อนคุณ มันจะมีประโยชน์อะไรที่จะต้องฟาดฟันให้รู้ไปว่า ใครถูก หรือ ใครผิด มันจำเป็นเหรอ? เพราะท้ายที่สุด คุณก็คงไม่อยากถึงขั้นแตกหัก หรือตัดเค้าออกจากชีวิตหรอก ... ใช่ไหม
เมื่ออีกฝ่ายเป็นบุคคลแปลกหน้า ยิ่งไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปเอาเป็นเอาตาย เพื่อบอกว่า ฉันนี่ถูก คุณนั่นแหละผิด เพราะคนแปลกหน้า เค้าไม่สนหรอกว่าคุณน่ะเป็นคนมีเหตุผลแค่ไหน สุดท้ายแล้วต่างคนก็คือคนแปลกหน้าซึ่งกันและกัน ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ ต่างคนก็ต่างไปมีชีวิตของตัวเอง
การเอาชนะในทุกๆเรื่อง บางทีมันก็ส่งผลเสียมากกว่าผลดี มันทำให้คุณต้องไปอารมณ์เสียกับเรื่องที่ไม่จำเป็นซะเปล่าๆ
ถ้าคุณไม่ได้ทำผิดอะไรเลย นั่นก็ดีอยู่แล้ว หรือบางที มันก็ไม่มีใครถูก ใครผิดหรอก เพียงแค่ ... ต่างคนต่างมอง ด้วยเหตุผลจากคนละมุม ก็เท่านั้นเอง
มันเป็นแค่เส้นบางๆ ที่แบ่งแยกระหว่าง คำว่า “ถูกต้อง” และ “การเอาชนะ”
ลองคิดดีๆ ว่าคุณกำลังทำเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง หรือ เป็นเพียงแค่ การเอาชนะ กันแน่
วิธีที่ 4. ลด negative เพิ่ม positive
Image by Gerd Altmann from Pixabay
สิ่งเร้าในโลกปัจจุบันมาในรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งผู้คน ข่าวสาร ทีวี และโลกออนไลน์
สิ่งเร้า คือ สิ่งที่มากกระตุ้นอารมณ์ของเราให้เกิดภาวะอย่างใดอย่างหนึ่ง
สิ่งเร้าจึงมีทั้งด้านลบ (negative) และด้านบวก (positive)
ถ้าเราเสพแต่ด้าน negative คุณคิดว่ามันจะส่งผลให้จิตใจเราเป็นแบบไหน
ข่าวส่วนใหญ่ที่นำเสนอ เป็นเรื่องในแง่ลบเกือบทั้งสิ้น ฉ้อโกง ฆาตกรรม ปล้นชิงทรัพย์ ลักพาตัว ข่มขืน หลอกลวง ฯลฯ
จริงอยู่ว่าเราควรติดตามข่าวสาร เพื่อที่จะได้รู้ความเป็นไปของสังคม ความเป็นไปของโลกนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้หมายความว่า คุณจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ติดตามอยู่ตลอดเวลา ติดตามทุกเรื่อง ติดตามทุกช่องทาง จนกลายเป็นการหมกมุ่นกับการเสพข่าว
ในเรื่องของโลกออนไลน์ ก็มีทั้งเพิ่มพลังบวก และเพิ่มพลังลบ หากเราเลือกเสพแต่สิ่งดีๆ เสพแต่สิ่ง positive ดูแล้วจรรโลงใจ อ่านแล้วเพิ่มความรู้ อ่านแล้วให้แง่คิดดีๆ ก็เป็นการเพิ่มพลังบวกให้กับจิตใจเรา
พยายามลดการเสพสิ่ง negative โดยไม่จำเป็นลง เช่น ข่าวซุปซิปนินทา พวก comment ตามข่าวต่างๆ ที่ดูเหมือนโกรธกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน "ขอให้มันตายทั้งโคตร" "สมน้ำหน้า" อะไรแบบนี้
การที่เราเสพแต่สิ่ง negative เข้าไปเรื่อยๆๆ มันก็ทำให้จิตใจเราหม่นหมอง และ เกิดความหงุดหงิด โดยไม่รู้ตัว ในขณะเดียวกัน หากเราเสพแต่สิ่ง positive เข้าไปเรื่อยๆๆ มันก็ทำให้จิตใจเราแจ่มใส กลายเป็นคนคิดบวกไปแบบไม่รู้ตัวเช่นกัน
และการคิดบวกนี้เอง มันก็ส่งผลต่อคนรอบข้าง คนที่อยู่รอบตัวเรา ก็จะได้รับพลังบวกจากตัวเราไป จากความโลกสวยของเรา
ความโลกสวย ไม่ใข่การหลอกตัวเอง แต่คือการคิดบวกต่อสิ่งรอบตัว บนพื้นฐานของความจริง
คุณไม่อยากให้โลกของคุณดูสวยงามเหรอ?
วิธีที่ 5. หางานอดิเรกทำ
การหางานอดิเรกทำ จะเกี่ยวกับการช่วยลดความหัวร้อนยังไง? ก็เพราะว่า เวลาที่คุณทำงานอดิเรก คุณต้องใช้สมาธิ จิตใจจดจ่อ หรือ โฟกัส กับสิ่งที่ทำอยู่ เวลาดูเหมือนหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ถ้าเป็นฉากในภาพยนตร์ คงเหมือนฉากที่เรานิ่งอยู่กับที่ ในขณะที่สิ่งรอบตัวเราเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย มีแต่ความวุ่นวาย เร็วราวกับแสงวิ่งไปมา อาจเรียกได้ว่า "ตกอยู่ในภวังค์"
ช่วงเวลาที่คุณตกอยู่ในภวังค์ มันเป็นช่วงเวลาที่ทำให้จิตใจคุณสงบลง ความรีบเร่งในชีวิตได้ถูกพักไปในช่วงเวลานี้
เพราะฉะนั้น หากคุณหมั่นทำงานอดิเรกอย่างสม่ำเสมอ มันจะช่วยขัดเกลาจิตใจของคุณให้เยือกเย็นลง ให้สงบลง ทีละนิดๆ จนในที่สุด แม้ยามที่ไม่ได้ทำงานอดิเรก จิตใจของคุณก็ยังคงสงบสุขอย่างต่อเนื่อง
หากใครอยากอ่านรายละเอียด เกี่ยวกับการหางานอดิเรกทำและมันดียังไงกับชีวิต สามารถไปอ่านได้ที่ "ทำไมเราทุกคนควรมีงานอดิเรก?"
... หวังว่า 5 วิธีนี้ จะช่วยลดความหัวร้อนของคุณ
... ลองทำดู เป็นกำลังใจให้นะคะ
... ไม่ช้าก็เร็ว คุณจะเปลี่ยนจากคนหัวร้อน เป็นคนสุขใจ
#สมองสองช้อน ขอบคุณผู้อ่านทุกคน ที่เข้ามาเป็นกำลังใจ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา