29 พ.ค. 2021 เวลา 05:13 • สุขภาพ
Day 9 ระบบการทำงานของร่างกายเริ่มดีขึ้นอย่างชัดเจน
6:00 ตื่นมาทานยา favipiravir 4 เม็ด
วันนี้หายใจคล่องขึ้นไม่อึดอัด เหมือนอากาศถ่ายเทได้ตามปกติ แต่ก็ยังคงเฝ้าระวังตนเองกลัวว่าจะพลาดดูอะไรไป
อุณหภูมิวัดได้เช้านี้ 36.5
ออกซิเจนตอนเช้า 98 ถึงจะคงที่มาหลายวัน แต่มันเหมือนเสพติด ต้องวัดตลอด พอตกเล็กน้อยก็รู้สึกไม่ดี ทั้งๆทึ่ค่าเข้าขั้นปกติแล้ว ก็คนเคยอยู่ในสภาพไม่ปกติมาก่อน ก็จะเฝ้าระมัดระวังตน
8:20 ทานข้าวกับผัดหมูสับใส่แครอทหอมใหญ่ แบบจืดๆเลยต้องใส่น้ำปลาพริกเล็กน้อย เพิ่มรสชาติ
ทานเสร็จก็ทำกิจกรรมเหมือนเดิม ส่งข้อมูลบุคคลให้บุคลากรแพทย์นำไปประมวล
อุณหภูมิ ก็ 36.5
ออกซิเจนเริ่มคงที่ 98 อัตราการเต้น 91
พอออกกำลังกาย ออกซิเจนก็อยู่ในระดับ 97-98 แสดงว่าระดับออกซิเจนเริ่มมีการแลกเปลี่ยนในทิศทางที่แข็งแรงขึ้น
มานั่งคิด เห็นเลยในสภาพที่เราไม่สามารถช่วยตัวเองได้ คนในครอบครัวทุกคนล้วนช่วยเหลือตัวเอง ทั้งภรรยาที่ยังไม่หายดี ก็ต้องมาเป็นผู้นำทำในสิ่งที่ยากลำบากหลากหลายสิ่ง ลูกชายจากที่กังวลว่าเขาจะดูแลตนเองอย่างไร เพราะขับรถก็ไม่เคยจำเส้นทาง ปรากฏว่าเกือบ 10 วัน ที่ผ่านมา เค้าสามารถขับรถนำตัวเองไปพบแพทย์ตามนัดได้ตลอด เป็นผู้ใหญ่ขึ้นแล้วพร้อมดูแลตนเองและคนในครอบครัวได้น่าชื่นใจ
ส่วนลูกสาว แม้จะคอยเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง แต่เนื่องจากเป็นอาทิตย์ที่เขามีสอบออนไลน์ ก็คิดว่าเขาก็ปฏิบัติตัวในกรอบของเขาอยู่ การเป็นหมอเป็นสิ่งที่แกภูมิใจ เราก็ได้แต่ช่วยสนับสนุน เพราะในสภาพการณ์ตามที่ประสพมา เราต้องการบุคลากรทางการแพทย์อีกมาก
เราเฝ้าเห็นกำลังใจจากบุคคลหลากหลาย ทั้งสนิททั้งไม่สนิทมากมายทุกกำลังใจที่ส่งผ่านไม่อยากบอกเลยว่ามันมีพลังบางอย่าง จากคนที่ไม่รับไม่ปฏิเสธเรื่องสัมผัสไม่ได้เหล่านี้ กลายเป็นมีความเชื่ออยู่บ้าง การส่งผ่านแต่สิ่งที่ดี พลังงานเหล่านี้จะเป็นภูมิคุ้มกันอันดี แก่ทั้งตนเองและคนใกล้ตัว
ช่วงนี้ภาพคนต่างๆผุดขึ้นมาให้เห็นแบบแปลกๆ เหมือนสมองเริ่มกลับมาประมวลผลที่สลับซับซ้อนขึ้น จากเดิมที่มันขี้เกียจแม้จะคิด บางครั้งถึงขนาดไม่คิดรับชม มันรู้สึกหนักๆไปหมด ขนาดบางครั้งเปิดอัลบั้มภาพในโทรศัพท์เพื่อชมดู แต่มันหนักไปหมด สมองไม่ลำดับภาพเหตุการณ์ ไม่ค่อยเชื่อมโยงความทรงจำ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว ภาพความทรงจำในอดีตหลากหลายเห็นแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม หลากหลายภาพเป็นภาพแห่งความสุขลึกลงไปบางครั้งทำเอาน้ำตาไหลก็มี ชีวิตมันดีอย่างงี้นี่เอง นี่น่าจะเป็นกระบวนการปรับสภาพร่างกายแบบหนึ่ง ทำให้เราเริ่มมีความคิดในเชิงซับซ้อนได้หลากหลายยิ่งขึ้น
เข้าใจเลยว่าเวลาที่สมองไม่สามารถทำการคิดกระบวนการยากๆนั้นในยามที่ร่างกายอ่อนเพลีย คนไข้ไม่อยากรับรู้เรื่องที่สลับซับซ้อนมากมายนัก การสื่อสารควรเป็นไปแบบกระชับสั้นชัดเจน ไม่เป็นไปในลักษณะที่เขาต้องใช้กระบวนการคิดเพิ่มขึ้น อย่าคิดว่าจะได้คำตอบที่พึงพอใจ พยายามอย่าเอาความรู้จักนึกคิดที่คิดว่าเขารู้เขาทำได้มาเพื่อหาคำตอบ มันจะยิ่งทำให้คนไข้ หมดความอดทนและจะไม่อยากสื่อสาร ก็รู้นะว่าสภาพร่างกายยังไม่พร้อม บางครั้งการนั่งลำดับเหตุการณ์เพื่อเขียนออกมาก็ยากลำบาก การลำดับข้อมูลจะสับสน วนไปมาเล็กน้อย แต่ก็พยายามบอกเล่าความรู้สึกออกมา
ก็น่าจะเป็นสิ่งชี้นำในทางที่ดีขึ้นๆไป เมื่อการคิดวิเคราะห์เริ่มสลับซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
ก็เป็นกำลังกันต่อไปนะ และขอให้ทุกคนห่างไกลโรคภัยนี้ ใครที่รักษาตัวอยู่ค่อยๆดูแลตัวเองไปนะ มีกำลังใจมากมายที่อยากให้ทุกคนหายป่วยในเร็ววัน ทำใจให้สงบ ไม่ต้องคิดเยอะ ไม่ต้องคิดว่าเรื่องแค่จะตอบแค่นี้ทำไมตอนนี้มันคิดไม่ออก อาจเป็นแค่ในช่วงนี้ที่สภาพไม่พร้อมก็ได้ พักผ่อนให้มาก คิดให้น้อยลง การลำดับข้อมูลจะค่อยๆชัดเจนขึ้น เข้าใจสภาพไร้ค่าเลย ไม่ใช่แค่ร่างกาย แม้แต่กระบวนการคิดยังไร้ค่าเลย แต่เราจะกลับมาเหมือนเดิมมหัศจรรย์แห่งร่างกายจะค่อยๆฟื้นฟูกลับมาเอง
ส่วนตัวก็ยังพยายามอยากสื่อสาร จากที่ต้องนอนจำเจ เปลี่ยนเป็นค่อยๆเรียบเรียง ถือเป็นการถ่ายทอดความรู้สึกจากผู้ป่วยคนหนึ่งสู่คนอื่นๆอีกด้วย เมื่อเราต่างเข้าใจและรับรู้สภาพที่เป็นไป การปฏิบัติดูแลและเข้าใจจะมีมากขึ้น คงไม่เบื่อกันนะ
12:30 ทานเที่ยง ข้าวกับผัดน้ำตกไก่รสแซป เป็นอาหารที่เผ็ดมากทีเดียว
18:00 ทานยา favipiravir อีก 4 เม็ด
วันนี้เป็นวันแรกที่ ไม่ค่อยพักผ่อน ไม่เหนื่อยเหมือนทุกวัน เมื่อสมอง เริ่มลำดับเหตุการณ์ ภาพการมองเห็นก็เริ่มแจ่มชัดขึ้น ไม่รู้สึกอึดอัด เวลามอง อ่าน รึคิดตรึกตรอง ทำให้เริ่มใส่ใจ บริเวณโดยรอบ เริ่มอยากอ่าน สิ่งรอบๆตัว รับรู้ว่าเพื่อนร่วมห้องมีอาการท้องเสีย มาหลายวัน ได้แต่ให้กำลังใจ ว่าเป็นอาการทั่วๆไปที่หลายคนพบเจอได้ แต่ก็เท่านั้น ได้แต่หวังว่าเขาจะฟื้นฟูพลังขึ้นมา
พอวันนี้สายตา สมอง ระบบประสาทต่างๆเริ่มไ ม่เกียจคร้าน ก็เลยดู room service มันมีอาหารให้สั่งทานด้วย เลยสั่งอาหารมาเลี้ยงเพื่อนร่วมห้องซะเลย ด้วยอาหารทานง่ายๆเบาๆอย่างเกี้ยวน้ำ ส่วนตัวเองขอซุปข้าวโพดมาทานดีกว่า มีขนมปังทาเนย แยมทานเล่นๆเบาๆให้ร่างกายสดชื่นขึ้นช่างน่ารื่นรมย์ เหมือนกับที่ใครๆก็รู้เรื่องราวผ่านความเป็นตาย เมื่อหลุดพ้น คนก็ไขว่คว้าหาสิ่งที่ชอบต่อไป สัจธรรมชีวิตนั่นเอง เมื่ออยู่ระหว่างความเป็นตาย ก็เลือกให้ตนอยู่รอด ครั้นเมื่อรอดก็หนีไม่พ้นรักความสะดวกสบาย
เย็นนี้ข้าวหมูกะเทียมเป็นหมันไปเลย
ส่วนสาเหตุที่สั่งซุปข้าวโพด เพราะชอบทานและเหมือนกับที่เขียนเล่าในคืนวันที่ 8 หลังจากดูเมนูแล้วคิดเลยทันที ว่าอาหารสีทองนี่แหล่ะ แล้วรสชาติก็ช่างดียิ่ง ถึงจะเรียบๆง่ายๆ แต่อร่อยมาก รวมไปถึงขนมปังทาเนยทาแยม มันเป็นความรู้สึกล้วนๆว่าอร่อยจัง แต่แอบสั่งเครื่องดื่มตัวหนึ่ง ซึ่งใครที่รู้จักผมดีพอ จะรู้ทันทีว่านั่นก็คือ โค๊กหรือเครื่องดื่มน้ำดำอะไรก็ได้พร้อมน้ำแข็งเย็นๆสักแก้ว มันเป็นความเคยชินมากว่า 3-40 ปีพอได้ทานสมองและระบบประสาททำงานพร้อมกันอย่างครื้นเครง สายตาไม่อึมครึม ความคิดไม่กระจัดกระจาย แขนขามีพลัง เรากลับมาแล้ว เราต้องผ่านอีกไม่กี่วันนี้ให้ได้ และไม่ตั้งอยู่บนความประมาทอีก
แล้วก็มีบทสนธนาในไลน์ห้องญาติๆให้ผ่านสายตา เรื่องที่เขียนอัศจรรย์คืนวันที่ 8 เพราะคุณแม่ได้เซ่นไหว้วันครบรอบคุณพ่อที่เสียชีวิตในวันที่ 7 พ.ค. พอดี มันแปลกและช่างบังเอิญเสียนี่กระไร เสียใจนะที่ตัวเองลืมแม้กระทั่งวันเสียคุณพ่อ ทุกปีก็จะมีคุณแม่นี่แหล่ะคอยเตือนให้ไปไหว้ แต่ปีนี้มันไม่ไหวจริงๆ รักและระลึกถึงทุกคนตลอดไม่คิดว่าอายุปูนนี้ยังสร้างความกังวลให้คุณแม่อยู่อีก ผ่านเหตุการณ์นี้ทำให้รักคุณแม่มาก เข้าใจถึงความกังวล รักและเอาใจใส่เราตลอดไม่ว่ายามเราสุขหรือทุกข์ จะบังเอิญหรือไม่อย่างใด แต่มันคือปาฏิหาริย์หนึ่งในชีวิตที่พานพบมา
ระหว่างเขียนแอบเห็นเพื่อนร่วมห้อง ขยับแข้งขา ออกกำลังกาย วอมอัพร่างกาย ดูเหมือนกระชุ่มกระชวยขึ้น ดีใจจัง น่าจะแข็งแรงขึ้นแล้วหล่ะ
20:15 วัดอุณหภูมิ 36.7
อัตราออกซิเจน 97 อัตราการเต้น 82
อัตราการหายใจ 11/นาที
หลังออกกำลังกาย 97
ค่ำคืนนี้ขอให้กำลังใจคนป่วยทุกท่าน ขอให้มีกำลังใจยึดมั่นว่าตนเองต้องรอดปลอดภัย ขอเป็นกำลังใจให้เหล่าเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานกันอย่างยากลำบากเพื่อให้คนไข้กลับไปใช้ชีวิตในปกติได้ในเร็ววันขอส่งผ่านกำลังใจนี้สู่ทุกๆคน
โฆษณา