29 พ.ค. 2021 เวลา 05:13 • หนังสือ
วันที่รู้ว่ากูผิด
1
ชีวิตเหมือนหินแม่น้ำ
ยิ่งเติบโตผมยิ่งมองเห็นความจริงข้อนี้ชัดเจนขึ้น นั่นเป็นเหตุผลให้มีนิสัยชอบลูบคลำหินแม่น้ำเล่นทุกครั้งที่พบ หลวงใหลเนียนนวลของผิวสัมผัสเรียบลื่นไร้รอยสะดุด เพียงได้ลูบเล่นก็รู้สึกสบายใจ
เติบโตจึงเข้าใจมากขึ้นว่า กว่าหินในมือจะกลายมาเป็นอย่างที่เห็นต้องผ่านกระบวนการยาวนานไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยปี บางทีอาจมากกว่านั้น เพื่อผ่านวันเวลาและกระบวนการ ‘ลบคม’ จากกระแสธารเชี่ยวกราก
กว่าจะน่ารักเป็นก้อนกลมไม่ใช่เรื่องง่าย
3
กาลเวลามอบของขวัญให้โลกใบนี้ เปลี่ยนหินขรุขระเต็มไปด้วยเหลี่ยมมุมให้กลายเป็นหินกลมกลึงเนียนมือเนียนตา
1
จากอันตรายกลายเป็นมิตร
2
มิเพียงเป็นของขวัญกับโลกใบนี้ หากยังเป็นของขวัญแก่ตัวก้อนหินเองด้วย
3
2
มิใช่หรือว่า มนุษย์ก็ไม่ต่างกับหินขรุขระทั้งหลาย เราเกิดมาพร้อมคุณสมบัติบางอย่าง สะสมความหยาบกร้านตามวันวัย ช่วงหนุ่มสาวเราคิดว่าเหลี่ยมแหลมคมคายนั้นคือความงาม นอกจากทำให้โดดเด่นยังสามารถใช้งานได้อย่างใจ ปกป้องตนเองได้ ฟาดฟันกับใครก็ชนะ
2
ยิ่งสะสมเหลี่ยมคมมากขึ้นก็ยิ่งมั่นอกมั่นใจ พร้อมใช้ความรู้ความสามารถที่มีเชือดเฉือนโดยไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม
ในวันวัยนั้นเหมือนช่วงเวลาสั่งสมอาวุธ
เราชอบแหลมมากกว่ามน
ชอบคมมากกว่าทื่อ
2
เราถืออาวุธที่มีไปทุกที่ ประกาศศักดาว่าข้าแน่ ถ้าแพ้ก็บอบช้ำ ทว่ารอวันขย้ำกลับ
ความพ่ายแพ้เป็นเรื่องปวดร้าวยากยอมรับ ชัยชนะคืออาหารหล่อเลี้ยงอัตตาภายใน
3
ยิ่งชนะตัวตนยิ่งใหญ่ ยิ่งมั่นใจ ยิ่งฮึกเหิม
ดูคล้ายคนกล้า หากแท้ที่จริงกลับซ่อนความกลัวใหญ่หลวงไว้ภายใน ความกลัวที่ว่าก็คือ—กลัวแพ้!
1
ยิ่งเก่งยิ่งกลัวพลาด ยิ่งฉลาดยิ่งกลัวโง่ ยิ่งโดดเด่นยิ่งกลัวดาษดื่น
1
ในเวลาอัตตาพองตัวนั่นคือช่วงน่ากลัวอย่างยิ่ง เพราะนั่นคือสภาวะอ่อนแอที่สุด ไม่ต่างจากลูกโป่งพองลมเต็มที่ ยิ่งใหญ่ผิวยิ่งบาง และถูกเจาะแตกได้โดยง่าย
1
ความกลัวทำให้เราปกป้องตนจากคำตำหนิ วิพากษ์วิจารณ์ และถ้อยคำที่เป็นลบ ไม่ยอมรับว่าตัวเองอ่อนด้อย โง่เง่า สู้เขาไม่ได้ ทำทุกอย่างเพื่อปิดจุดอ่อน ซ่อนไว้ไม่ให้ใครเห็น หลอกกระทั่งตัวเองว่าจุดอ่อนนั้นไม่มีอยู่
1
เหมือนหินขรุขระที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองน่าเกลียด
นั่นคือสภาวะอันตราย เพราะความกลัวเช่นนี้เองทำให้พลาดโอกาสได้เรียนรู้จากผู้แนะนำสั่งสอน วิพากษ์วิจารณ์ หรือกระทั่งคำด่าว่าที่เป็นคุณ
แข็งแรงภายนอก แต่อ่อนแอภายในมากขึ้นทุกวัน
3
แต่แล้วชีวิตจะลากพาไปสู่ ‘ไฟต์บังคับ’ ให้ต้องขึ้นชกกับใครบางคน เหตุการณ์บางอย่าง สถานการณ์บางประเภทที่เราไม่สามารถซ่อนความกระจอกงอกง่อยได้อีกต่อไป ในเวลานั้นเราจะพบสิ่งเลอค่าอย่างหนึ่งที่ซ่อนไว้ภายในตัวเองมาเนิ่นนาน
1
สิ่งนั้นคือ ‘จุดอ่อน’
1
เมื่อพบจุดอ่อนย่อมแปลว่าเรากำลังจะพัฒนาไปเป็นคนที่เก่งกว่าเดิม หรือสมบูรณ์กว่าเดิม
จุดอ่อนคือสิ่งที่เราขาด สิ่งที่ทำให้พลาดแบบเดิมบ่อยๆ สิ่งนี้ที่ถูกซ่อนไว้-ไม่ยอมรับ-จะเผยออกมาพร้อมความล้มเหลวในวันใดวันหนึ่งซึ่งอาจเกิดจากอัตตาที่สูงจนล้นนำมาซึ่งความมั่นใจผิดๆ ไม่ฟังใคร ประมาท จองหอง และอีกสรรพสิ่งที่มาพร้อมอหังการ์
ไฟต์บังคับนี้เราถูกทุบจนน่วม ครวญครางกับชะตากรรม และยอมรับอย่างหมดทางสู้ว่า “โอเค กูโง่” “โอเค กูผิด”
และนั่นคือพรวิเศษ
การยอมรับในความผิดพลาดและความไม่ฉลาดของตัวเองคือจุดเริ่มอันประเสริฐที่มนุษย์ผู้เปี่ยมอัตตากำลังเปลี่ยนทิศทางชีวิตกลายเป็นคนที่น่ารักกว่าเดิม
1
นุ่มนวล เปิดกว้าง ยืดหยุ่น รับฟัง
1
คุณสมบัติเหล่านี้ประดิษฐ์ไม่ได้ มันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงภายในซึ่งเกิดขึ้นได้ผ่านประสบการณ์จริง เจ๊งจริง เจ็บจริง จุกจริง แล้วจึงสลายตัวตน ลบเหลี่ยมลบคมที่เคยฟาดฟันผู้คนไปทั่วกลายเป็นหินก้อนกลมที่น่าอยู่ใกล้
1
4
หลังเรย์ ดาลิโอ นักการเงินผู้มั่นใจประสบความล้มเหลวครั้งใหญ่ เขาเรียนรู้บทเรียนสำคัญ โดยบอกว่า “ความผิดพลาดของผมเป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้น เพราะมันทำให้ผมมีความอ่อนน้อมถ่อมตน” เขาค้นพบตัวตนอีกด้านและเปลี่ยนคำถามกับตัวเอง “ผมได้รู้ซึ้งถึงความกลัวที่จะคิดผิด จนเปลี่ยนความคิดจากเดิมที่เชื่อเสมอว่า ‘ผมถูก’ กลายเป็น ‘ผมจะรู้ได้อย่างไรว่าผมถูก’
1
นี่คือคำถามสำคัญ หากใครสักคนกลับด้านความคิดที่มีต่อตัวเองไปในลักษณะนี้ คุณสมบัติในตัวเขาจะพลิกกลับไปเป็นอีกด้านทันที
‘ฉันถูก’ เปลี่ยนเป็น ‘รู้ได้อย่างไรว่าฉันถูก’
2
นั่นสิ เราไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าเราถูกต้องที่สุด ถูกอยู่คนเดียว ถูกโดยไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย ถูกเสียจนไม่จำเป็นต้องฟังคำท้วงติงจากใคร—นั่นสิ เรามั่นใจได้อย่างไรว่าเราถูก
“เราอาจจะผิดก็ได้” นี่คือคาถาที่ผมทดใส่ใจหลังผ่านเหตุการณ์มากมายที่ผ่านเข้ามาเพื่อเขกกะโหลกว่าอย่าได้มั่นใจเกินไปนัก และผมพบว่านี่คือพรของชีวิต
ผมให้คุณค่ากับความไม่มั่นใจมากขึ้น สิ่งนี้เสมือนบานประตูที่เปิดออกให้เราได้เรียนรู้จากผู้อื่น ไม่ว่าอาวุโสกว่าหรือเยาว์วัยกว่า ไม่ว่ามิตรหรือศัตรู ไม่ว่าครูหรือศิษย์
เมื่อไม่มั่นใจ เราย่อมได้เรียน
2
ความคมคายในความคิดและตัวตนกลับกลายเป็นเรื่องไม่สำคัญ ไม่ต้องมองเห็นเด่นเป็นสง่า ไม่ต้องอยู่บนแท่นรางวัลที่เหนือกว่าใคร ไม่ต้องต่อยอีกคนล้มคว่ำเพื่อครองเข็มขัด ไม่จำเป็นเลย ตราบที่เราได้เรียนรู้ พัฒนา และเติบโต
เป็นการเติบโตที่ไม่ใช่อัตตา หากคือเติบโตเพื่อเข้าใจและอยู่ร่วม
1
เข้าใจโลก เข้าใจคนอื่น เข้าใจตัวเอง กลมกลืนกับสิ่งต่างๆ มากขึ้น สบายใจและเป็นสุข
2
5
1
‘วันที่รู้ว่ากูผิด’ จึงเป็นวันที่หัวใจเปิดออก ความกลัวถูกปลดล็อก แท้จริงแล้วเราไม่ได้ดี ไม่ได้เก่ง ไม่ได้เจ๋งอย่างที่พยายามบอกกับคนอื่น เราเป็นเพียงปุถุชนคนทั่วไป อ่อนหัด กระจอกงอกง่อย โง่งม ยังต้องเรียนรู้อีกมาก และแน่นอน เราพลาดได้เสมอ
5
เมื่อไม่ปกป้องตัวเองด้วยเหลี่ยมคมแหลมอันตราย ผู้คนย่อมอยากเข้าใกล้ แนะนำ สั่งสอน ไม่ต่างจากหินแม่น้ำที่นวลเนียนน่าสัมผัสจับต้อง
2
แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ก็ต้องผ่านวันเวลาแห่งการหลงผิด ผ่านกระแสธารชีวิตที่ขัดเกลาจากเรื่องราวผิดถูก ดีชั่ว สุขทุกข์ โง่ฉลาด แต่ทั้งหมดนั้นคือ ‘พร’ ของชีวิต เหมือนสายน้ำที่ไหลผ่านตัวตนอัปลักษณ์ของเราไป เกลาเหลี่ยมมุมให้ค่อยๆ มนกลมมากขึ้นและต้านทานกระแสธารน้อยลง อยู่อย่างกลมกลืนมากขึ้นทุกวัน
เมื่อหินเหลี่ยมแหลมกลายเป็นหินแม่น้ำ ในแง่หนึ่งเป็นของขวัญสำหรับหินก้อนนั้น
ในอีกแง่, ย่อมเป็นของขวัญกับโลกด้วย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา