31 พ.ค. 2021 เวลา 22:15 • นิยาย เรื่องสั้น
ชีวิตมันก็บัดซบแบบนี้แหละ
นิวยอร์กนั้นได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งความฝัน เป็นเมืองที่มีโอกาสลอยอยู่แทบจะทุกแห่งทุกหน แต่ละปีมีนักล่าความฝันจากทั่วโลกเดินทางมาที่นิวยอร์กเป็นล้านคน ทุกคนพกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋า จะไปให้ถึงฝั่งฝัน จนถึงกับมีคำคมที่บอกไว้ว่า ‘ขอเพียงคุณไม่ละทิ้งความพยายามและทำต่อไปไม่ย่อท้อ วันหนึ่งต้องประสบความสำเร็จ’ ส่วนถ้าใครยังไปไม่ประสบความสำเร็จนั้น ก็แปลได้ว่า เอ็งยังพยายามไม่มากพอ! จงพยายามต่อไป พูดอย่างกับอาจารย์เฉลิมชัย
เรื่องของการต่อสู้ดิ้นรนจนตราบสิ้นลมหายใจ ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงกะเหรี่ยงต่างชาติอย่างเราที่ก้มหน้าก้มตาทำงานเป็นกุลี เป็นเลเบอร์กันอยู่ที่นี่ ผมเชื่อว่าทุกคนต่างก็มีความฝัน ไม่ได้พูดเลียนแบบพี่ตูน Bodyslam นะ ส่วนฝันนั้นจะเป็นอะไรก็เป็นเรื่องของปัจเจกรายบุคคล บ้างก็ฝันจะมาทำงานหาเงินส่งให้ทางบ้าน เอาไปผ่อนหนี้ผ่อนสินที่กู้ยืมเขามา บ้างก็มาเรียนต่อ จบกลับไปทำงานตามที่ฝันไว้ บ้างก็มาพร้อมกับอุดมการณ์สายฝ. ฝ.นี่ก็ย่อมาจาก ‘ฝรั่ง’ คือมาเอาฝรั่งทำสามี ทำภรรยา ได้ยินว่า เบ้ามันดี ตาสีฟ้า จมูกโด่งแบบไม่ต้องศัล ส่วนจะเป็นฝรั่งจริง บ้านรวย ทำงานดี หรือเป็นฝรั่งขี้นก ตกยากมาเกาะเมีย หลอกผู้สาวให้หวังว่าจะได้ใบเขียว ไอ้ที่ได้มั่งก็มี ที่ไม่ได้มั่งก็มีให้เห็นอยู่เนือง ๆ ก็กลายเป็นเรื่องเล่าเป็นขี้ปากชาวบ้านชาวช่องกันไป
ไอ้พวกฝันสูงหน่อย อยากจะประสบความสำเร็จ ฝันจะเป็นนักเขียน ผู้กำกับหนัง สุดท้ายก็ยังไปไม่ถึงไหนก็มี เอ้า กูเองนี่หว่า! 555 แต่เชื่อครับว่าตราบใดที่ยังไม่หยุดฝัน และตราบใดที่ยังไม่ตาย สักวันมันต้องไปถึงฝันจนได้แหละวะ!
แต่ว่าไม่ใช่แค่มนุษย์ห้องครัวอย่างเราเท่านั้น ที่ต้องใช้ชีวิตทรหดรันทนแบบโอชิน คนอเมริกันก็ตามล่าหาความฝันอยู่เหมือนกัน อย่างที่ผมได้เจอมา ถึงกับต้องยกนิ้วหัวแม่มือให้เลย อย่างเรื่องของ ‘ลุงเจมส์ แฟรงค์กลิ้น’
ลุงเจมส์เป็นนักล่าฝัน African-American แปลง่าย ๆ แบบที่เราชอบเรียกกันก็คือ พี่มืด แกเป็นคนจาไมก้า ครอบครัวอพยพมาที่อเมริกาตั้งแต่วัยเบบี๋เมื่อ 70 กว่าปีก่อน ผมเจอลุงเจมส์ครั้งแรกตอนที่แกประกาศหาคนตัดต่อวิดีโอจากทาง Craigslist ที่เป็นเหมือนเว๊ปพันทิปหรือเว๊ปประมูลบ้านเรานั่นแหละ หลังจากผมส่งอีเมล์ไป แกก็ตอบกลับมาว่าเจอกันที่บ้านแก ตอนนั้นก็แอบกลัวนะ เพราะต้องไปตัดต่องานที่บ้านใครก็ไม่รู้ แต่ก็เอาวะ เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้อาศัยวิชาที่เรียนรู้มาพอยาไส้ได้บ้าง ไม่ต้องแบกจานวันนึง ก็พอให้หัวใจมันชุ่มชื่นขึ้นมาบ้าง
งานวิดีโอที่ลุงเจมส์ต้องการตัดต่อนั้น เป็นวิดีโอตลก ล้อเลียนราชวงศ์อังกฤษ แกเอาวิดีโอที่ Queen Elizabeth ที่สอง ตอนกล่าวอวยพรปีใหม่มาใส่เสียงพากษ์ใหม่ลงไป แต่เรื่องที่พากษ์ใหม่มันเป็นเรื่องใต้สะดือทั้งนั้น จะของเจ้าฟ้าชายชาร์ล, เจ้าชายวิลเลี่ยม, เจ้าชายแฮรี่ แม้แต่เจ้าหญิงไดอาน่าที่เสียไปแล้วเป็นสิบปี แกยังไปขุดขึ้นมาจากหลุม เอามาเล่นด้วยเล๊ย เฮ้ย! เล่นเรื่องราชวงศ์แบบนี้ ลุงไม่อยากแก่ตายใช่ไหม? ผมคิดในใจ ลุงเจมส์คงเห็นหน้าผมที่ซีดเป็นไก่ต้ม เลยเล่าว่าทำไมแกถึงอยากทำงานนี้
“ลุงมีทำเว๊ปไซด์อยู่ชื่อ lifeisallfuckedup เป็นเรื่องอะไรที่แย่ ๆ ของชีวิต เอาข่าวที่เราเห็นว่ามันไม่เข้าท่า จะเป็นเรื่องพวกนักการเมืองที่ทำอะไรชั่ว ๆ หรือจะเป็นราชวงศ์เจ้าขุนมูลนายก็ไม่สน เพราะสุดท้ายไม่ว่าเขาจะทำอะไรกัน ชาวบ้านตาดำ ๆ อย่างเราก็มักจะกลายเป็นผู้รับเคราะห์ กับเรื่องเหรี้ย ๆ เหล่านั้น สุดท้ายเราหาทางออกไม่ถูก พอไม่รู้จะไปทางไหน เราก็มักจะได้แต่ปลอบตัวเองว่า ‘life is all fucked up’ แปลเป็นไทยก็ประมาณ ชีวิตแมร่ง...บัดซบว่ะ!” ลุงเจมส์เล่ายาว ก่อนที่จะขยายความต่อว่า
“การเมืองมันสกปรก มีแต่พวกโกหกที่เข้ามาเพื่อหวังจะกอบโกยผลประโยชน์ตลอดเวลา ถ้าเราทำเป็นเงียบ ๆ เฉย ๆ ปล่อยให้มันผ่านไป คนที่แม่มชั่ว ๆ ก็จะยิ่งได้ใจ ยิ่งได้ใจ...สุดท้ายแมร่งก็ยิ่งแดก!” ลุงเจมส์ขยายความแบบตลก ๆ แต่ผมไม่ตลกด้วยเลย ๆ ๆ คือ กูกลัวว่าจะโดนฟ้องร้อง พวกหมิ่นประมาท หรือทำราชวงศ์เสื่อมเสีย เดี๋ยวโดนอุ้มไปเผานั่งยาง ติดคุกไปสิบปียี่สิบปี กะเหรี่ยงต่างด้าวอย่างผมใครจะมาสนใจล่ะค้าบบบบ ลุงอายุเจ็ดสิบกว่าแล้ว จะกลัวไรล่ะ โดนฟ้องร้องขึ้นศาล ลุงก็ตายพอดี แต่หนุ่ม ๆ ตูดหวาน ๆ อย่างผมล่ะค้าบบบ
ลุงเจมส์แกคงเห็นหน้าอึ้ง ๆ ของผม ก็เลยถามว่าเป็นไงบ้าง แล้วประเทศยู ทำแบบนี้ได้ไหม แบบที่เอาพวกนักการเมืองหรือว่าเล่นเรื่องเกี่ยวกับราชวงศ์น่ะ
“โอ๊ย! ลุงเจมส์ เรื่องการเมืองผมน่ะ มันละเอียดอ่อน แต่ถ้าไปยุ่งมากเข้า ก็อาจจะละเอียดเป็นผุยผงได้ ส่วนเรื่องราชวงศ์นั้นห้ามแตะเด็ดขาด ถ้าแตะก็อาจหัวขาดได้!” ผมตอบไปพลางทำท่ามือปาดคอแบบขำ ๆ แต่ลุงเจมส์เห็นท่าแล้วไม่ขำ
“ประเทศยูเป็น Commie เหรอ?” ลุงเจมส์ถามหน้าตาจริงจัง Commie (คอมมี่) ก็คือ Communist (คอมมิวนิสต์) อารมณ์แกคงแอบขึ้นอ่ะนะ เอ้า อยากฟังก็จะเล่าให้ฟัง ผมเลยขยายความต่อ
“คือ ประเทศไทยมีระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย แต่ว่ามันดูเป็นประชาธิปไตยปลอม ๆ ก็เพราะว่าเราไม่มีอิสระอย่างที่ควรเป็น เราไม่มีอิสระในการวิพากษ์ วิจารณ์เรื่องราวเหล่านี้ในที่สาธารณะ คือ เราเป็นประเทศที่มีการปฏิวัติโดยทหารบ่อยมาก ครั้งล่าสุดก็เพิ่งผ่านมาไม่นาน อำนาจทางเมืองจึงมีทหารเป็นคนควบคุมอยู่ ไม่ใช่อำนาจของประชาชนอย่างที่ประชาธิปไตยควรจะเป็น” ผมร่ายยาว พูดถูกมั่งผิดมั่ง ก็พยายามอย่างถึงที่สุดล่ะนะที่จะอธิบายให้ลุงแกเข้าใจ
“ฟังแล้วมันงง ๆ บอกว่าเป็นประชาธิปไตย แต่ไม่สามารถมีสิทธิ์ที่จะวิจารณ์ทางการเมืองได้ นี่มันประชาธิปไตยขี้ควาย!” ลุงเจมส์บอก Bull Shit! อารมณ์ก็ขึ้นอีกแล้ว ลุงเจมส์ค้าบ แก่ขนาดนี้จะอารมณ์ขึ้นไรนักวะเนี่ย กรูกลัว!
“แล้วลุงทำไปทำไมเหรอ เว๊ปไซด์นี้เนี่ย” ผมเปลี่ยนเรื่องถาม เพราะอยากอยู่ดูหน้าลูกหลาน แกนิ่งเงียบไปซักพัก ก่อนจะตอบกลับมาว่า
“ก็....เพื่อเงินไง ที่ทำพวกล้อเลียนแรง ๆ แบบนี้ เผื่อมีคนทวีตต่อ แชร์ต่อ เรื่องขายได้ก็จะได้ขายของที่ระลึกของเว๊ปด้วย สติ๊กเกอร์ เสื้อยืด” ลุงเจมส์ตอบ
“อ้าว ไหนลุงบอกเพื่ออุดมการณ์ไง?” ผมถาม ปรับอารมณ์ไม่ถูก
“อุดมการณ์อย่างเดียวมันพอแดกป่ะละ บ้านก็ต้องเช่า ข้าวก็ต้องซื้อ ไม่ทำแบบนี้จะเอาไรรับประทานล่ะห๊ะ!” ลุงเจมส์ตอบ ผมแอบตะลึง ในความคิดของลุงเจมส์ ที่อายุปาเข้าไปจะแปดสิบ แต่ยังมานั่งเล่น Twitter ทำเว๊ปไซด์ หาตัง ทำความฝันที่แกต้องการ คิดแล้วแอบอายตัวเองแทนที่อายุก็ปาไปหลักสี่แล้ว ยังหาไรเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้เลย...
วันนั้นผมก็ทำการตัดต่อหน้าควีนอลิซาเบต คุณโอบาม่ากับใส่เสียงเพลงพากษ์ใหม่ลงไป ใช้เวลาไปสี่ชั่วโมงกว่า พอเสร็จลุงเจมส์แกก็เอาตังมาให้สองร้อย ส่วนที่เหลือเป็นทิป
“เธอใส่เสื้อเบอร์อะไรเหรอ” ลุงเจมส์ถาม
“ไซส์ M ครับ” ผมตอบ ก่อนที่ลุงจะเดินเข้าไปหลังบ้านเอาเสื้อสีดำที่สกรีนชื่อเว๊ปไซด์ lifeisallfuckedup ของแก ที่มีรูปโลโก้เป็นนิ้วโป้ง แบบกด Like ของ Facebook แต่นิ้วโป้งทิ่มลงพื้น เดี๋ยวนะลุง คือ ไม่ได้ขอไง 555 กลัวว่าใส่เสื้อนี้ไปเดินกลางถนน เดี๋ยวจะมีทัวร์ลง โดนจิ้มหรือเปล่า
“ขอบคุณมาก อยากได้อยู่เลย” ผมตอบพลางทำตาซึ้ง เก็บเสื้อใส่กระเป๋า ก่อนจะลาจากลุงเจมส์ พี่มืดวัยหลังเกษียณ อายุ 75 ปี ผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์ทางการเมือง...และการเงิน
เวลาผ่านไปปีกว่า ๆ ผมไม่ได้ข่าวคราวของลุงเจมส์แกอีกเลย ไม่รู้ว่าแกถูกจับขังคุกขี้ไก่ หรือว่าโดนอุ้มไปนั่งยางที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ ดูจากเรื่องราวในเว๊ปไซด์ของแกแล้วก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกซักเท่าไหร่ ถ้าแกจะโดนอย่างนั้นนะ 555 แต่วันหนึ่งแกก็ส่งข้อความมาหา
“มีงานให้ตัดต่อ ว่างเมื่อไหร่เข้ามาหาด้วย ชั่วโมงล่ะ $25 + Bonus 10-15 ชั่วโมงต่อสัปดาห์” ลุงเจมส์ส่งข้อความมา
“โอเค เจอกันพรุ่งนี้ สิบเอ็ดโมงเช้า” ผมตอบ เอาล่ะวะ ลุงยังไม่ตายโว๊ย! แถมมีงานตัดต่อด้วย ได้ค่าขนมล่ะ
วันรุ่งผมก็ไปหาลุงเจมส์ที่บ้านเดิม ปิ๊งป่อง กดกริ่งสักครู่ ประตูก็เปิดออกเป็นลุงเจมส์ที่เดินมารับ
“Hello, How are you?” ผมยิ้มแย้มทักทายลุงเจมส์ตามปรกติ แต่ลุงเจมส์ไม่ตอบ แต่กวักมือให้ผมเข้าไปข้างใน ผมก็ได้กินเหม็นเน่าลอยมาจากในห้อง สังเกตว่าลุงเจมส์จากที่ผอมมากอยู่แล้ววันนี้กลายเป็นหนังหุ้มกระดูกเลย แต่ที่น่าตกใจก็คือ ที่คอแกมีเจาะท่อขนาดประมาณครึ่งนิ้ว เหมือนเอาไว้ช่วยให้หายใจคล่องขึ้น ก่อนที่จะชี้ให้ผมนั่งที๋โซฟาในห้องรับแขก ลุงเจมส์แกนั่งที่โซฟาอีกตัวนึง ผมก็ไม่กล้าจะทักทายอะไร ลุงเจมส์แกก็หยิบปากกากับสมุดโน๊ตขึ้นมาเล่มนึง ก่อนจะเขียนอะไรลงไปในสมุดแล้วยื่นให้ผมดู
“สบายดีไหม” ลุงเจมส์เขียน
“สบายดี ยังสดชื่นเหมือนเดิม แล้วลุงล่ะ” ผมเอ่ยถาม พยายามทำหน้าสดใส แต่ดูหน้าตากับคอลุงแล้ว ลุงไม่ค่อยสดใสนะ
“โรคมะเร็งน่ะ นี่ก็รอบสองแล้วที่มะเร็งมาถามหา รอบนี้หนักหน่อย ดูซิ” ลุงเจมส์เขียน พลางชี้ให้ดูที่คอที่มีรู กับมีท่อแปะอยู่ ก่อนจะเขียนต่อ
“โชคไม่ดีเลย ที่การผ่าตัดครั้งล่าสุดทำให้ชั้นไม่สามารถจะพูดได้ ต้องเขียนอย่างเดียว” ลุงเจมส์อธิบาย ก่อนที่เราจะถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันว่าเป็นยังไง ตอนนี้ทำอะไรอยู่อีกเทือกใหญ่ ๆ จนผมต้องวกเข้าเรื่องว่า ตกลงจะให้ชั้นมาทำอะไรที่นี่ คงไม่ใช่ให้มาคุยเปล่า ๆ นะ
“ชั้นอยากได้มือตัดต่อสักคนมาช่วยทำวิดีโอ Raise Funding ให้กับโครงการของชั้นหน่อย” ลุงเจมส์บอก อธิบายก่อนว่า โครงการ Raise Funding คือการขอระดมเงินทุน จากสาธารณชนที่สนใจ มาทำโปรเจ็คจะเป็นสินค้าหรืออะไรก็ได้ที่เรามีไอเดียอยู่ จะให้เท่าไหร่ก็ได้ ตามแต่ที่เจ้าของโครงการจะตั้งไว้ ถ้าได้เงินพอหรือมากกว่าที่ตั้งเอาไว้ ภายในระยะเวลาที่กำหนด โครงการก็ผ่าน เจ้าของโครงการได้เงินไปสานฝัน ส่วนคนบริจาคเงิน ก็จะได้ของแลกเปลี่ยนเป็นเครดิตหรือสินค้าต่าง ๆ โปรเจ็คที่ดังไปทั่วโลกก็อย่าง Smart Watch ยี่ห้อ Pebble TIme ที่ระดมทุนได้มา $20,000,000 หรือ เกือบเจ็ดร้อยล้านบาทไทย Oh My Gosh! โดยเว็ป Raise Funding ของอเมริกาที่มีชื่อเสียง เช่น Kickstarter, Indiegogo, Gofundme
“โครงการไรอ่ะลุง” ผมถาม
“ชั้นอยากระดมทุนหาเงินมาซื้อรถ เอาไปขับ Road trip อีกสักครั้งก่อนตาย” ลุงเจมส์บอก ก่อนจะอธิบายต่อว่า ตอนสมัยวัยรุ่นนั้น แก Road Trip ขับรถจากนิวยอร์กไปยังประเทศ Mexico ใช้เวลาหลายสัปดาห์อยู่ เพราะแวะตามเมืองตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ผ่าน ถึงกับมีคนเคยพูดว่า มาอเมริกา ถ้าไม่เคยไปออก Road Trip ก็เหมือนยังมาไม่ถึงประเทศอเมริกา ไว้วันหลังจะเล่าให้ฟังเรื่อง Road trip แล้วกันนะ
“มันคงดี หากได้ไปทำอะไรที่รำลึกถึงความหลังครั้งเก่า และคงเท่น่าดูที่จะได้จากไปอย่างมีสไตล์” ลุงเจมส์บอก ผมได้ยินแล้วก็อึ้งกับกระบวนการทางความคิดของแก ก็ดูสภาพแกซิครับ อายุก็เจ็ดสิบกว่า ๆ เป็นมะเร็ง เจาะคอ พูดไม่ได้ เรี่ยวแรงก็ไม่ค่อยจะมี สภาพอย่างนี้ คนปรกติก็คงเข้าวัดเตรียมละสังขารกันหมดแล้ว เอิ่ม อันนี้ผมคิดในใจนะครับ 555 ไม่กล้าบอกไป
หลังจากคุยกันเสร็จ ผมก็เริ่มตัดต่อทำ Promo Video อธิบายว่า ลุงเจมส์เป็นใครมาจากไหน ตอนนี้ป่วยเป็นมะเร็งที่คอหอย และวัตถุประสงค์ของการออก Road Trip ครั้งนี้คืออะไร หากใครอยากช่วยส่งวิญญาณ เอ๊ย ช่วยสนับสนุน! ก็เชิญมาร่วมกันออกเงินให้ได้ จะให้เท่าไหร่ก็จะขอบคุณมาก พอผมตัดเสร็จ ส่งงาน แกก็โอนตังมาให้ผม $150 บอกเป็นค่าตัว ส่วนที่เหลือเป็นตังทิปเหมือนเดิม ผมก็ขอบคุณ แล้วก็ร่ำลาแก พอกลับมาบ้านนอนลงที่เตียง คืนนั้นก็คิดถึงประโยคน้ำเน่า ๆ ที่เคยได้ยินมาว่า ‘ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต คุณได้ใช้มันคุ้มค่าแล้วหรือยัง’ ถามตัวเองว่า ผมใช้มันคุ้มแล้วหรือยัง ขณะที่ผมกำลังนอนคิดคำตอบอยู่นั้น ผมก็นึกถึงประโยคสนทนาช่วงหนึ่งของผมกับลุงเจมส์
“ไม่เหนื่อยเหรอลุง” ผมถามตอนรู้ว่าลุงป่วยหนัก ลุงเจมส์อึ้งนิด ๆ ที่เห็นผมทำตาซึ้งใส่ ก่อนจะเขียนยึกยือลงไปในสมุด แล้วส่งให้ผมดู
“เหนื่อยสัส ๆ แต่อยู่เฉย ๆ ก็เหมือนนอนรอความตาย สู้ทำอะไรที่เราอยากทำไม่ดีกว่าเร๊อะ!” ลุงเจมส์เขียน ก่อนจะเปิดอีกหน้านึงให้ผมอ่าน เขียนว่า
“Life is all fucked up, dude. (ชีวิตมันก็บัดซบแบบนี้แหละ, เพื่อนเอ๊ย)” ลุงเจมส์ยิ้มพร้อมแอบโฆษณา 555 พอนึกถึงหน้าแกแล้ว ผมรู้สึกเหมือนมีพลังงานบางอย่างมากระตุ้นผมให้เปิดคอม ไปที่ Gofundme เข้าไปหาชื่อโครงการระดมทุนของลุงเจมส์ แล้วก็กดให้ตังแกไป $150
“ถือว่าผมลงขัน ช่วยลุงแล้วกันนะ” ผมคิดในใจ ทำงานฟรีอีกแล้วกรู 555
ลุงเจมส์
ไม่รู้เหมือนกันว่าโครงการนี้ของลุงจะได้เงินพอซื้อรถ ไป Road Trip ครั้งสุดท้ายในชีวิตหรือไม่ แต่ไงก็ขอให้ลุงโชคดีแล้วกันนะ ได้เจอกับลุงเจมส์ถือว่าเป็นอีกหนึ่งบทเรียนชีวิต ที่สอนผมเรื่องของการตามหาความฝัน เชื่อเถอะว่า คุณไม่มีวันล้มเหลว ตราบใดที่คุณไม่ล้มเลิก และเมื่อใดก็ตามที่อะไร ๆ มันไม่เป็นไปอย่างที่เราวางแผนเอาไว้ จงยิ้มและบอกตัวเองว่า ชีวิตแม่งก็บัดซบแบบนี้แหละ 555
ติดตามอ่านเรื่องราวของเหล่ายอดมนุษย์ห้องครัวกับความวุ่นวายของเมืองนิวยอร์กเพิ่มเติมได้ที่
ชอบกดไลค์ กดแชร์ คอมเม้นท์ เป็นกำลังใจกันได้นะครับ ขอบคุณคร้าบบบบบ ^^
#เอ็นวายกู #nyku #newyorkkitchenuniversity #คนไทยในนิวยอร์ก #ชีวิตเด็กเสิร์ฟ #เรื่องเล่าต่างแดน #มหาลัยห้องครัว

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา