อีกประเด็นหนึ่งก็คือประเทศฮอนดูรัสเป็นประเทศที่มีความสำคัญต่อประเทศสหรัฐอเมริกามาก เนื่องจากเป็นแหล่งปลูกกล้วย ผลไม้ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของอเมริกา และผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินรายใหญ่ที่สุดในประเทศ คือบริษัท United Fruit เจ้าของแบรนด์ Chiquita ผู้จัดจำหน่ายผลไม้รายใหญ่ของอเมริกา โดยทางบริษัทเป็นเจ้าของที่ดินมากถึง 10% ของที่ดินทั้งหมดในฮอนดูรัส
และแน่นอนว่าการอพยพเข้ามาตั้งรกรากของชาวเอล ซัลวาดอร์ย่อมส่งผลกระทบต่อบริษัท United Fruit อย่างแน่นอน ที่ดินมากมายถูกจับจองโดยบรรดาผู้อพยพ ทำให้บริษัทไม่สามารถขยายไร่ของตนเอง เพื่อทำกำไรเพิ่มเติมได้
ตัวอย่างไร่กล้วยของบริษัท United Fruit ซึ่งร่ำรวยจนสามารถสร้างทางรถไฟตัดผ่านเข้ามาในไร่ได้ (Source: https://danialeja7.wordpress.com)
ในปี 1966 บริษัท United Fruit ร่วมมือกับบริษัทรายใหญ่อื่น ๆ จัดตั้งกลุ่ม FENAGH ขึ้น โดยมีจุดประสงค์หลักคือเพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ประกอบการขนาดใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องของสิทธิ์ครอบครองที่ดิน และเนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้มีสองสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำข้อตกลงกับรัฐบาล คือเงินและอิทธิพล FENAGH จึงกลายเป็นองค์กรที่สามารถสร้างแรงกดดันให้กับรัฐบาลฮอนดูรัสได้เป็นอย่างดี
ทั้งสองประเทศพยายามขอความช่วยเหลือขาใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา ซึ่งก็ได้รับการปฏิเสธทั้งคู่ จนสุดท้ายฮอนดูรัสต้องขอความช่วยเหลือจากองค์กร OAS (Organization of American States) ซึ่งเป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นเพื่อความร่วมมือของประเทศในทวีปอเมริกาให้เข้าแทรกแซง และเจรจาสงบศึก
1
OAS (Organization of American States) องค์กรที่เข้ามาจัดการเจรจาเพื่อยุติสงคราม (Source: https://www.weefmgrenada.com)
คนที่ได้ประโยชน์จากสงครามครั้งนี้ก็เห็นจะเป็นบริษัท United Fruit และผู้ประกอบการรายใหญ่ต่าง ๆ ที่ตอนนี้พวกเขาสามารถครอบครองที่ดินในฮอนดูรัสได้เพิ่มเติมในราคาถูก ทำให้สามารถขยายไร่ และทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ จากการส่งออกกล้วยบนที่ดินเดิมของชาวเอล ซัลวาดอร์ที่โดนขับไล่ออกไป
1
บรฺิษัท United Fruit ผู้ได้รัยประโยชน์สูงสุดจากสงครามในครั้งนี้ (Source: wikipedia)