4 ก.ค. 2021 เวลา 02:59 • ประวัติศาสตร์
A Brief History of Witches : แม่มดชื่อดังในประวัติศาสตร์ที่มีตัวตนจริง ภาคแรก
2
ประวัติศาสตร์แม่มดมีมาอย่างยาวนานมากทั่วทุกมุมโลก วันนี้เราได้รวบรวมทุกเรื่องที่เกี่ยวกับแม่มด โดยจะแบ่งเป็นตอนย่อยๆค่ะ
สำหรับตอนที่ 1 จะพูดถึงแม่มดชื่อดังที่มีตัวตนจริงๆในประวัติศาสตร์ มาบอกเล่าชีวิตและการเป็นแม่มด โดยภาคแรกจะเป็นแม่มดในยุคกลาง มีใครบ้าง มาดูกัน
1. Mother Shipton
มาเธอร์ชิปตัน ชื่อเดิมคือ Ursula Southeil มีชีวิตอยู่ในช่วง ค.ศ. 1488 -1561 สมัยพระเจ้าเฮนรี่ที่ 7 และ 8 ที่ประเทศอังกฤษ โดยเธอเกิดที่เมืองแนร์สโบโรห์ (Knaresborough) เป็นเมืองเล็กๆที่ยอร์กเชียร์ ทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ เธอใช้ชีวิตอยู่ที่บริเวณถ้ำใน North Yorkshire ซึ่งในปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ Mother Shipton's Cave
เรื่องเล่าชีวิตและคำทำนายของมาเธอร์ชิปตัน ถูกบันทึก และรวบรวมตั้งแต่ปี 1667 และถูกตีพิมพ์ในปี 1684 เป็นต้นมา
Mother Shipton (Credit: https://www.mothershipton.co.uk/the-story/)
จากแหล่งข้อมูลเหล่านี้ทีตีพิมพ์เล่าว่า แม่ของเธอ อกาธา ได้ให้กำเนิดเธอตอนที่มีอายุได้ 15 ปี และไม่ทราบว่าพ่อของเธอนั้นคือใคร เออร์ซูล่าเกิดในช่วงที่มีพายุฝนรุนแรง เธอเกิดมามีหน้าตาผิดแปลก น่าเกลียด ตาโปน และมีร่างกายผิดรูป หลังค่อม สูงใหญ่กว่าคนปกติทั่วไป
มีเรื่องเล่าบางส่วนได้บอกว่าอกาธาเองก็เป็นแม่มด และได้ทำสัญญากับซาตานเพื่อตั้งครรภ์อีกด้วย
อกาธาไม่มีญาติพี่น้องหรือเพื่อนที่จะช่วยดูแล เธอจึงเลี้ยงลูกตามลำพังภายในถ้ำ จนกระทั่งมีเจ้าอาวาสแห่งเบเวอร์ลี (Abbott of Beverly) มาแยกอกาธาไปอยู่สำนักชีไกลออกไป ซึ่งอกาธาเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยไม่ได้พบเจอกับเออร์ซูล่าอีก
ตามบันทึกเออร์ซูล่าถูกอุปการะ และโตขึ้นมาเป็นเด็กที่แปลก ทั้งรูปร่างหน้าตาและลักษณะนิสัย โดยจมูกของเธอค่อยๆใหญ่โตขึ้น หลังค่อมมากขึ้น และขาผิดรูป เหมือนกับแม่มดที่เราเห็นกันในหนัง ทำให้เธอโดนล้อ และไม่มีใครกล้าเล่นกับเธอ
1
ในวัย 24 ปีเธอได้แต่งงานกับโทไบอัส ชิปตัน ทำให้เธอได้ใช้นามสกุลชิปตันเป็นต้นมา ทว่าเขาเสียชีวิตก่อนที่จะมีทายาทร่วมกัน ชาวบ้านหลายคนบอกว่าเออร์ซูล่าต้องใช้เวทย์มนตร์ทำให้โทไบอัสหลงผิดแน่ๆ เพราะถ้าเป็นคนทั่วไปคงไม่แต่งงานกับหญิงอัปลักษณ์เช่นนี้
1
การตายของสามีทำให้เออร์ซูล่าเสียใจเป็นอย่างมาก และคำนินทาของชาวบ้านก็ยิ่งหนาหูมากขึ้น ทำให้เธอตัดสินใจย้ายเข้าไปอยู่ในป่า เข้าไปอยู่ในถ้ำที่เธอถูกเลี้ยงดูมา เพื่อปลีกวิเวกจากเสียงนินทา ที่นี่เองเออร์ซูล่าเริ่มได้รับฉายามาเธอร์ชิปตัน เนื่องจากเธอใช้สมุนไพรปรุงยาเก่ง ผู้คนเริ่มได้ยินชื่อเสียงและต่างเดินทางไกลมาเพื่อรับยาจากมาเธอร์ชิปตัน
1
Mother Shipton's Cave ที่เมือง Knaresborough, North Yorkshire, ประเทศอังกฤษ (Credit: https://www.crystalinks.com/mother_shipton.html)
นอกจากนี้เธอยังได้ทำนายอนาคตเกี่ยวกับผู้คน เมือง เล็กๆน้อย จนกระทั่งมีคนแพร่ข่าวมากขึ้นว่าคำทำนายของเธอนั้นแม่นและเป็นจริง ทำให้เธอเริ่มสนใจทำนายอนาคตของกษัตริย์และอังกฤษในสมัยนั้น
1
ในปีค.ศ. 1537 พระเจ้าเฮนรีที่ 8 เคยเขียนจดหมายพูดคุยกับดยุกแห่งนอร์โฟล์ก และทรงกล่าวถึงแม่มดแห่งยอร์ก ซึ่งน่าจะหมายถึงมาเธอร์ชิปตันอีกด้วย
มาเธอร์ชิปตันเสียชีวิตด้วยสาเหตุธรรมชาติ ต่างจากแม่มดคนอื่นๆที่มักจะถูกเผาทั้งเป็น มาเธอร์ชิปตันถูกฝังไว้ที่เมืองยอร์ก ในปี 1561
**คำทำนายจริงๆเป็นกลอนค่อนข้างยาว สามารถอ่านได้ที่ลิ้งค์ด้านล่าง
2
คำทำนายของมาเธอร์ชิปตันที่ว่าเกิดขึ้นจริง ก็มีเช่น กองเรืออามาด้าของสเปน กาฬโรคในลอนดอน ไฟไม้ครั้งใหญ่ในลอนดอน การประหารชีวิตควีนแมรี่แห่งสก็อต การค้นพบทองในอเมริกาและยุคตื่นทอง และอีกมากมาย
นอกจากนี้เธอยังได้ทำนายว่าโลกในอนาคตจะมีคนบินได้ ซึ่งอาจจะหมายถึงเครื่องบิน มีเหล็กลอยในน้ำได้ ซึ่งอาจจะหมายถึงเรือ จะมีเขื่อน มีอินเตอร์เน็ต
อย่างไรก็ดีนักประวัติศาสตร์และนักวิชาการบางส่วน มองว่าคำทำนายเหล่านี้เกิดขึ้นจากการจดบันทึกหลังจากช่วงชีวิตของมาเธอร์ชิปตัน ซึ่งก็อาจจะทำให้เชื่อถือไม่ได้มากนัก รวมถึงผ่านการตีพิมพ์ ดัดแปลงไปหลายเวอร์ชั่นในหมู่ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาและออสเตรเลีย
1
2. Alice Kyteler
1
อลิซ คีทเลอร์ เป็นแม่มดคนแรกในประวัติศาสตร์ไอร์แลนด์ ที่มีตัวตนจริงอยู่ในช่วงประมาณปีค.ศ. 1263 และถือเป็นแม่มดคนแรกๆของยุโรปเลยก็ว่าได้ ที่มีการจดบันทึกเรื่องราวเอาไว้
1
Alice Kyteler (Credit: https://www.historickilkenny.com/alice-kyteler)
อลิซเป็นลูกสาวพ่อค้าผู้มั่งคั่ง อาศัยอยู่ในเมือง Kilkenny ในไอร์แลนด์ โดยเธอแต่งงานทั้งหมด 4 ครั้ง ในสมัยนั้นถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ โดยสามีทั้งหมดที่อลิซแต่งงานด้วย เป็นบุรษที่มั่งคั่งด้วยเงินทอง และมีสถานะทางสังคมค่อนข้างดี อลิซแต่งงานและมีทายาทกับสามีทุกคนก่อนที่พวกเขาจะตายจากไปทีละคน
หลังจากการแต่งงานไม่กี่ปีกับสามีคนแรกที่เป็นนายธนาคาร สามีเธอก็ได้ล้มป่วยลงและเสียชีวิตในที่สุด เธอได้แต่งงานใหม่กับสามีคนที่สองและสาม ซึ่งเป็นคนที่มีฐานะร่ำรวย พวกเขาทั้งสองก็ได้ตายอย่างปริศนาเช่นเดียวกันหลังจากแต่งงานไม่นาน
จนกระทั่งสามีคนที่สี่ ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน มีศักดิ์เป็นอัศวิน มีนามว่า Sir. John le Poer หลังจากที่แต่งงานได้ไม่นาน เขาได้เริ่มมีอาการป่วยไม่ทราบสาเหตุ มีอาการคือ ผมร่วง และเล็บมือหลุดออกจากนิ้ว ไม่นานก็ได้เสียชีวิตลง
ก่อนสามีคนที่สี่เสียชีวิต เขาได้ทำพินัยกรรมมอบมรดกทั้งหมดให้อลิซ และบุตรชายคนโตชื่อว่าวิลเลียม (บุตรที่เกิดกับสามีคนแรก) ทำให้ครอบครัวของท่านเซอร์ไม่พอใจเป็นอย่างมาก นั่นอาจจะเป็นเหตุผลให้เครือญาติท่านเซอร์ และลูกคนอื่นๆของเธอ เกิดความอิจฉา ริษยา จึงได้ปล่อยข่าวลือ และกล่าวหาว่าเธอเป็นแม่มด ทำคุณไสยใส่เหล่าสามีของเธอที่ผ่านมา ทำให้พวกเขามีอันเป็นไป เพื่อที่จะครอบครองมรดก
1
เรื่องนี้ไปถึงหู ริชาร์ด เดอ เลด์เรด (Richard de Ledrede) บิชอปแห่งออสเซอรี่ ผู้ที่เคยเรียนเรื่องแม่มด เวทย์มนตร์คาถาที่ฝรั่งเศส ท่านได้เข้ามาสอบสวนและสั่งจับกุมอลิซ วิลเลียม และคนรับใช้ ทั้งหมดรวม 7 คน ในข้อหานอกรีตและเป็นแม่มด
เรื่องไม่จบง่ายๆ เพราะอลิซเธอเป็นผู้รากมากดี มีชาติสกุล รู้จักคนใหญ่คนโตมากมาย ดังนั้นการที่จะถูกจับกุมจึงเป็นไปได้ยาก บิชอปเลยทำได้เพียงไล่เธอออกจากศาสนา ซึ่งอลิซเธอก็แก้เผ็ดด้วยการสั่งขังคุกบิชอปไปเลย 15 วัน บิชอปจึงพยายามร้องต่อศาล จนในที่สุดศาลมีคำสั่งให้จับกุมอลิซ วิลเลียมลูกชายคนโต และคนใช้ทั้งหมด ในข้อหาใช้เวทย์มนตร์ ซึ่งมีผลทำให้ทั้งหมดถูกประหารชีวิต
7
อลิซถูกขังอยู่ในคุกมืด วิลเลียม รวมถึงคนใช้ โดนขังคุกอยู่ 9 สัปดาห์ และโดนลงโทษให้ซ่อมหลังคาโบสถ์ กวาดถนนแทน ด้วยอำนาจเงินและอิทธิพลของอลิซ เธอได้ติดต่อกับพี่เขย ซึ่งเป็นเสนาบดีของไอร์แลนด์ ทำให้เธอสามารถหลบหนีไปอังกฤษได้
1
วิลเลียมต่อมาได้รับความช่วยเหลือและหลบหนีไปเช่นเดียวกัน ทิ้งไว้ก็แต่คนใช้ที่ต้องรับกรรม โดนทรมานไป หนึ่งในคนใช้ของอลิซ ชื่อว่า เปโทรเนล่า (Petronella) ถูกเฆี่ยนตีอย่างทรมานให้รับสารภาพว่าเป็นแม่มด และถูกจับเผาทั้งเป็นในที่สุด
1
หลังจากที่อลิซหนีมายังอังกฤษ ในช่วงปีค.ศ. 1324 ก็ไม่มีใครได้ยินข่าวคราวของเธออีกเลย
3. Agnes Sampson
หนึ่งในประวัติศาสตร์การล่าแม่มดของยุโรปช่วงคริสตศวรรษที่ 16 มีเรื่องของแม่มดแห่งสก็อตแลนด์ที่โด่งดังและได้รับการจดบันทึกไว้
ในช่วงปี ค.ศ.​1590 ที่ประเทศสก็อตแลนด์ รัชสมัยของพระเจ้าเจมส์ที่ 6 ผู้ซึ่งขณะนั้นเดินทางไปอภิเษกสมรสกับแอนน์แห่ง เดนมาร์ก-นอร์เวย์ ที่เมืองออสโล ทั้งสองพระองค์ได้ขึ้นเรือเพื่อกลับมายังสก็อตแลนด์หลังการอภิเษก ระหว่างทางได้เผชิญกับพายุลูกใหญ่ที่โหมกระหน่ำ จนเกือบทำให้เรือเกือบล่มและแทบเอาชีวิตไม่รอด
พระเจ้าเจมส์ที่ 6 เชื่อว่านี่เป็นการใช้ศาสตร์มืดจากเหล่าแม่มดที่พระองค์ได้ยินมาจากโคเปนเฮเกนที่ตอนนั้นมีการตั้งศาลและล่าแม่มดแล้ว ว่ามีเหล่าแม่มดบางกลุ่มต้องการที่จะสาปแช่งแอนน์ มเหสีของพระองค์ และไม่อยากให้เดินทางราบรื่นกลับมายังสก็อตแลนด์
ดังนั้น พระองค์จึงออกคำสั่งล่าแม่มดและตั้งศาลเพื่อตัดสินคดีการใช้คาถามนตร์ดำ ที่ทำให้เกิดพายุที่อันตรายเช่นนี้
ผลคือ ชายและหญิงทั่วไปกว่า 70 คนที่ North Berwick ถูกจับในข้อหาเป็นแม่มดและใช้มนตร์ดำ หนึ่งในนั้นก็คือ กิลลิส ดันแคน เธอถูกจับและสารภาพว่าเป็นคนร่ายมนตร์ทำให้เกิดพายุ และได้ซักทอดต่อว่ามีแม่มดคนอื่นๆด้วยเช่นกัน หนึ่งในนั้นก็คือ แอ็กเนส แซมป์สัน ซึ่งขณะนั้นเธอเป็นหมอตำแยอาวุโสภายในเมือง
เรื่องนี้มีบันทึกร่วมสมัยอยู่ใน Newes from Scotland ซึ่งเป็นแผ่นพับที่ตีพิมพ์ที่ลอนดอนในปีค.ศ. 1591 บันทึกเรื่องราวการล่าแม่มดและการตัดสินคดีการใช้เวทย์มนตร์ในช่วงนั้น ซึ่งรวมการตัดสินคดีของแอ็กเนส แซมป์สันด้วย
1
Newes from Scotland (Credit: https://www.gla.ac.uk/myglasgow/library/files/special/exhibns/month/aug2000.html)
แอ็กเนสถูกจับในทันที เธอถูกจับให้เปลื้องผ้า โกนผมและขนทั่วทั้งร่างกาย เพื่อหาร่องรอยบนร่างกายที่จะบ่งบอกว่าเธอเป็นแม่มด ซึ่งในสมัยนั้นการมีปานหรือแผลเป็น ถือเป็นสัญลักษณ์ว่าบุคคลผู้นี้ได้สมสู่และมีร่องรอยจากซาตานแล้ว
1
แอ็กเนสถูกทรมานสารพัดเพื่อให้สารภาพว่าเธอเป็นแม่มด ไม่ว่าจะเป็นเฆี่ยนตี ถูกสวมเครื่องมือทรมานที่ทำด้วยเหล็กไว้ที่ศีรษะ (Witches Bridel) ถูกล่ามไว้กับกำแพงในคุก และเดินประจานไปรอบๆเมืองเพื่อสร้างความอับอาย ก่อนที่ท้ายที่สุดเธอจะถูกจับเผาทั้งเป็น
Witches Bridel (Credit: https://carrothersclan.wordpress.com/2018/10/26/agnes-sampson-witch/)
ใน Newes of Scotland ระบุว่าแอ็กแนสและแม่มดอีกกว่า 200 คน ได้พบและทำสัญญากับซาตาน โดยซาตานได้กล่าวว่าพระเจ้าเจมส์ที่ 6 คือศัตรูที่ต้องกำจัด โดยให้เหล่าแม่มดร่ายคาถา โยนศพแมว และชิ้นส่วนของศพมนุษย์ลงทะเล เพื่อให้เกิดพายุใหญ่ไปทำลายเรือของพระเจ้าเจมส์ที่ 6
แอ็กเนสและคนอื่นๆที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดได้รับสารภาพว่าทำเช่นนี้ ก่อนที่จะถูกตัดสินให้โดนเผาทั้งเป็น
ในช่วงการล่าแม่มดในยุโรป ผู้หญิงที่มีอาชีพเป็นหมอตำแย หมอทำแท้ง หรือผู้ที่มีความรู้เรื่องสมุนไพร การปรุงยา มักถูกสงสัยและถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด เนื่องจากผู้หญิงที่มีความรู้ทางการแพทย์ในสมัยนั้นถูกมองว่าไม่ปกติ และอาจจะเรียนรู้มาจากศาสตร์ของซาตาน ซึ่งก็อาจมองได้ว่าศาสตร์ด้านการแพทย์ในสมัยนั้น ถูกมองว่าเป็นศาสตร์เฉพาะสำหรับผู้ชาย มากกว่าที่จะให้ผู้หญิงมาทำ
พระเจ้าเจมส์ที่ 6 ได้ขึ้นครองราชย์อังกฤษ ต่อจากควีนอลิซาเบธที่ 1 พระองค์ได้ออกพระราชบัญญัติล่าแม่มดในปี ค.ศ. 1563 แก้ไขจากเดิมที่ในอังกฤษจะลงโทษด้วยการแขวนคอผู้ที่ใช้มนตร์ดำทำให้คนตายเท่านั้น เปลี่ยนเป็นลงโทษทุกคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดด้วยการแขวนคอ
สำหรับแม่มดที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ จะกลับมาต่อภาคสองเร็วๆนี้ค่ะ
เขียนและเรียบเรียงโดยทีมงานคิดก่อน ไม่อนุญาตให้นำเนื้อหาไปดัดแปลง แก้ไข และคัดลอกโดยไม่ได้รับอนุญาต
1
References:

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา