14 มิ.ย. 2021 เวลา 14:53 • ไลฟ์สไตล์
#เรื่องเล่าวันวาน.. ..
เรื่องนี้ผ่านมาได้ 2 ปีแล้วนะคะ... เล่าสู่กันฟัง
ส่งยาย 24 พ.ค 2562
....คิดพอสมควรว่าจะเล่าไหม แต่คิดว่าอาจจะมีประโยชน์
ปล. การประเมินอาการของยาย ทำด้วยตัวเอง ตามหลักทางการแพทย์แผนปัจจุบันของตัวเองนะคะ
เวลายายป่วยหนักมาก แนวทางการตัดสินใจหลักมักจะตกมาที่หลานที่เป็นหมอก่อน ในการวิเคราะห์ข้อมูล (แม้จะไม่ใช่คนรักษาเอง)​....
จนวาระสุดท้ายมาถึงจริงๆ.... ซึ่งเป็นการใคร่ครวญอย่างที่สุด เพื่อที่จะชี้แจง และอธิบายให้แก่ผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจเลือกวาระสุดท้ายของชีวิตให้ยายได้จริงๆ คือคู่ชีวิต และสายเลือดตรง....
ตาเสียไปก่อนยายนานมากแล้วค่ะ...
การตัดสินใจจึงเป็นเรื่องที่ลูกๆของยาย ต้องคุยกัน ....
บางครั้งอาจเห็นการอธิบายถึงธาตุต่างๆในร่างกาย เรียนแพทย์แผนปัจจุบันค่ะ แต่พอเป็นหมอมานานๆ ตัวเองยอมรับว่า
ร่างกายคือธาตุทั้งสี่จริง การเจ็บป่วยคือการแปรปรวนของธาตุ ความรู้ทางการแพทย์แม้แผนปัจจุบันก็เพื่อปรับธาตุเหล่านี้ให้สมดุลย์ .....
.... ต่างแค่คำ เช่น ธาตุไฟแปรปรวน.... จะเป็น Fever หรือ subtemperature ก็ได้....
ยายอายุเต็ม 92 ปีย่าง 93 มีโรคประจำตัวคือเบาหวาน และไตวายระยะสุดท้าย ยายประคับประคองร่างกายมาได้ตามสมควร หลายปีก่อนเคยทรุด จนเรามาดูอาการแล้วพาเข้าโรงพยาบาล จากนั้นก็ประคองมาได้อีกหลายปี จนเมื่อเดือนที่แล้ว เริ่มทรุดหนัก ซึมนอนเป็นส่วนใหญ่ เรามาเยี่ยมต้องปลุก แต่ยังตื่นมาพูดคุยได้ซักพักก็จะเหนื่อย... ตอนนั้นก็บอกแม่บอกน้าชายว่า สังขารมันมาถึงที่สุดแล้ว ก็รอวันเสื่อมลงไปเรื่อยๆแล้วก็จบไป ตอนนี้ถ้าไปโรงพยาบาล ตรวจร่าวกายเจออะไรผิดปกติหมอเค้าก็จะแก้ไปจนกลับมาดี ยายจะดีขึ้นหน่อย กลับมาก็จะทรุดอีกแล้ววนอยู่แบบนี้ จนกว่ามันจะจบ ตอนนี้การรักษาไม่ใช่หวังหายแล้ว เป็นเพียงแค่ยื้อตาย จะเวียนเข้าออกโรงพยาบาล และยายจะเจ็บจะหงุดหงิด เค้าจะเจาะเลือด แทงเข็ม ใส่สายสวนตรงนั้น ตรงนี้ตามจำเป็น....
แม่ น้า ลุง ป้าก็ช่วยกันคิดแล้วก็ตัดสินใจกันเอง ว่าจะพายายไปโรงพยาบาลอีกไหม หรือจะปล่อยแกไปตามธรรมชาติอย่างสงบ ไม่รบกวนอะไรให้ต้องเจ็บเพียงแค่ยื้อเวลา.... อ้อให้แค่ความเห็น แต่ไม่ตัดสินใจ ให้ลูกๆตัดสินใจค่ะ... จะพาไปโรงพยาบาลก็ได้ แต่มันจะเป็นอย่างที่อ้อบอก มันจะวนปัญหาจนกว่าจะจบ หรือจะให้ยายอยู่ที่บ้านไม่ต้องรบกวนอะไรแกให้ต้องเจ็บ ไม่ให้ต้องหงุดหงิดหรือกังวลหรือกลัว
..... ทุกคนเห็นพ้องกันที่จะให้ยายจากไปอย่างสงบที่บ้านค่ะ... แต่ช่วงปลายเดือนที่แล้ว ก็มีอาการเหนื่อยเพราะซีดจนต้องพาไปโรงพยาบาลอีกรอบ พร้อมอาการติดเชื้อ รักษาจนอาการดีให้เลือดก็กลับบ้าน หลังจากยายก็ซึม นอนหลับ พูดน้อย นอนหลับเป็นส่วยในใหญ่ต้องคอยปลุก เรียกว่าล้มหมอนนอนเสื่อจริงๆอีกร่วมสองสามสัปดาห์ ลูกๆเริ่มผลัดกันมาเฝ้่า คนไกลก็ทยอยกลับมา... เราก็ได้แต่บอกว่า ไม่มีใครรู้วันตายของใคร เป็นหมอก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าร่างนี้ใกล้แตกดับเต็มที ได้แต่บอกแม่ว่า เคยได้ยินครูบาอาจารย์ที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านเล่าให้ฟัง(ตอนนั้นไปปฏิบัติธรรมปีที่แล้ว).. ท่านบอกว่าเวลาคนเราจะละสังขาร หูจะดับสุดท้าย ต่อให้นอนนิ่งไม่พูดไม่ขยับยังไง หูจะยังได้ยิน ให้พายายสวดมนต์ ให้พูดถึงบุญที่ยายเคยทำให้แกฟังนะ ให้จิตยายเกาะกุศลไว้ .. คนเรารู้แค่วันเกิด ไม่รู้วันตาย
..... #วันนี้คะ
เช้าไปเยี่ยมยาย เพราะเมื่อวานขอนแก่นฝนตกหนักมาก น้ำท่วมทางหลัก ถึงบ้านค่ำ ออกไปไหนไม่ได้ ต้องรอเช้านี้.... ยายนอนหลับสงบ ลิ้นแข็งจุก พูดไม่ได้มาเป็นสัปดาห์ นอนหลับนิ่งบนเตียง หลับแบบไม่รู้สึกตัว หลับตาไม่สนิท สายตาเลื่อนลอย ไม่สบตา ไม่ตอบสนอง ไม่ขยับเอง หายใจหอบลึก 40 ครั้งต่อนาที (ไม่มีใครรู้ว่ายายหอบ 😅 แต่ก็บอกว่าเพิ่งจะเป็นวันนี้ )​ ชีพจรเต้น 100 ครั้งต่อนาที เบา มือเท้าเย็น เลือดไหลเวียนไม่ดี กดแล้วกลับมาเป็นสีแดงอีกใช้เวลาประมาณ 4 วินาที ปัสสาวะเริ่มออกน้อย น้าบอกถ่ายดำมีกลิ่นเหม็อน เหนียวคล้ายยางมะตอย ไม่รับอาหาร
...... ยายหอบลึกนะคะ เลือดน่าจะเป็นกรดแล้ว ของเสียคั่งมาก เลือดไหลเวียนไม่ดี แต่ยายหัวใจแข็งแรงมันเลยยังปั๊มดี เสียงปอดไม่แฉะนะ แล้วน่าจะมีเลือดออกในกระเพาะอาหารเลยถ่ายแบบนั้น สภาพแบบนี้ถ้าอยู่โรงพยาบาล ยายจะถูกใส่ท่อช่วยหายใจ เจาะเลือด ใส่สายจมูก สายสวนฉี่ ยายจะถูกรบกวน เจ็บมาก ตอนนี้ธาตุไฟเริ่มอ่อน เลือดไหลเวียนไม่ดีแล้ว จะค่อยๆดับไปทีละอย่างค่ะ
..... ยายจะอยู่ได้อีกกี่วันอ้อ...
..... อ้อไม่รู้ค่ะ ไม่มีใครรู้วันตายตัวเองหรือของใครถ้าไม่ใช่พระอริยะที่ปฏิบัติดียิ่ง หมอก็ไม่รู้ คนเรารู้แค่วันเกิดค่ะ ไม่รู้วันตาย... ตอบญาติๆไปแบบนั้นตอนนั้นคิดในใจว่าอาจจะอีกสองสามวัน...
แล้วที่เอาพระมาช่วยให้คนตาย ตายสงบ ถ้าเจ้าตัวไม่เคยถางทางของตัวเองไว้เลยพระท่านก็ช่วยไม่ได้ค่ะ... เราต้องถางทางของตัวเองไว้ก่อนวันตาย
...คุยกับญาติซักพัก
..... เริ่มหันไปปิดตายาย จับมือ ญาติผู้ใหญ่ค่อยๆลุกออกไปปล่อยเราอยู่กับยายลำพังสองคน....
...... ยายได้ยินเสียงอ้อไหมคะ พูดกับยายเบาๆที่ข้างหู เราเชื่อว่าหูดับสุดท้ายตามครูบาอาจารย์บอก .... ไร้การตอบสนอง ยายได้ยินอ้อไหม อ้อมานะ พูดพร้อมกับบีบมือ ถ้าไม่ไหวยายทิ้งมันเลยนะ บ้านเก่ามากแล้วค่ะ พังหมดแล้ว ยายไม่ต้องเสียดายมันนะ ทิ้งเลยค่ะ ไปเอาใหม่ดีกว่านี้ สวยกว่านี้ แข็งแรงกว่านี้ยายทำบุญมาตั้งเยอะ ร่างใหม่สวย แข็งแรง มีปัญญาฉลาดเฉลียว ร่ำรวย และได้เจอพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ร่างนี้พังแล้วทิ้งได้ค่ะ ไปเอาของใหม่ดีกว่านี้... ยายสวดมนต์นะ
ไล่นะโมสามจบ พร้อมแปลให้ยายฟังข้างหู
ต่อด้วยบทไตรสรณคม พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ไล่และแปลทีละบทๆจนจบ แล้วไล่ใหม่ พูดซ้ำๆให้ยายฟัง... จิตเรานิ่ง สงบดี ยายหายใจเรื่อยๆ หอบไม่ขยับ เหมือนไม่รับรู้....
เดินจงกรมข้างเตียงยาย เดิน เดิน เดิน พักใหญ่ๆ มาสวดมนต์บทเดิม แล้วแปลซ้ำๆ ต่อด้วยคาถามงกุฎพระพุทธเจ้า ยายฟังเสียงอ้อสวดมนต์นะ ปิดอบาย สวดซ้ำๆ เดินจงกรม ทำแบบนี้สลับไปมาเป็นชั่วโมงๆ...
..... ขณะเดินจงกรม ได้ยินเสียงกุกกักๆที่เตียง
เดินเข้าไปดู ยายตื่น ลืมตาใส สบตาแบบสติมาเต็ม
ยายได้ยินเสียงอ้อใช่ไหม ยายพยายามตอบ พยักหน้า ยายได้ยินเสียงสวดมนต์ใช่ไหม ยายพยามยามตอบ.... ยายพูดไม่ได้แล้วนะ เราบอกยาย ช่วงสงกรานต์อ้อไปวัดปฏิบัตธรรมค่ะ อ้อนุ่งขาว ห่มขาว ศีลห้าอ้อครบ ศีลแปดอ้อครบ อ้ออยู่ด้วยความเพียรในการเจริญสติ อ้อแผ่เมตตาให้ตายายปู่ย่าทุกวันเลยนะยายรู้ไหม อ้อเลยไม่ได้มากราบยาย อ้อไปทำบุญ ให้ญาติให้บรรพบุรุษทุกๆคน ยายอนุโมทนานะ เราบอกยาย ยายรับรู้ เราออกไปตามน้า และลูกทุกคนของยายที่เฝ้าอยู่ตอนนั้นเข้ามา..... ยายตื่นรู้สึกตัวแล้วค่ะ น้าไปช่วยอ้อพลิกตัวยายที
ทุกคนเข้ามา ยายพยายามสื่อสาร อยากพูด ตายายใสมีสติครบ แต่พูดอะไรไม่ได้แล้ว ลิ้นแข็ง เราบอกยายว่าใครบ้างที่เป็นห่วงและมาหา มาเฝ้า ทั้งที่อยู่ตรงนี้และไม่อยู่ ลูกแต่ละคนพูดในสิ่งที่อยากพูด เราจับมือยาย ประคองศีรษะยายไว้ในอ้อมแขนตลอด ลูบผมเบาๆ กำหนดสติรู้ไปเรื่อยๆ แต่ละคนเริ่มสงบ แม่สวดบทคาถาพระอรหันต์บอกยายว่า แม่จับเสียงสวดมนต์ไว้นะ ตามเสียงสวดมนต์ เกาะไว้นะแม่.... เสียงแม่สั่งยาย แลัวแม่ก็จับมือยายสวดมนต์ตลอด... ส่วนเราหลับตา เข้าสมาธิไปตามกำลังตัวเอง ไม่ใช่คนทำสมาธิเก่งค่ะ เข้าได้ไม่ลึก 😅... จับลมหายใจที่เคลื่อน อยู่กับความรู้สึกตัวไปเรื่อยๆ.....
ระลึกถึงครูบาอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ในวันที่เข้าไปรับของที่ระลึกแทนน้องชายจากพานตรงหน้าท่าน วันนั้นนั่งสบตาท่านพักใหญ่ จำสายตาที่สงบของท่านไม่ลืม ระลึกถึงหลวงพ่อเทียนครูบาอาจารย์ต้นแบบการฝึกสติของตัวเอง หลวงพ่อสมชาติพระอุปฐากหลวงปู่ขาว หลวงปู่แหวนที่เราเคยไปฟังธรรม สนทนาธรรม ตักบาตร ทำบุญร่วมกับท่านที่วัด คิดถึงแม่พิกุล... คำสอนท่านลอยเข้ามาในความรู้สึก หมออ้อไม่ต้องเอาอะไรนะ เอาแค่รู้สึกตัวอย่างเดียว รับรู้ความรู้สึกตัวไว้ที่ลมหายใจ อาศัยขอบารมีครูอาจารย์เป็นแสงเทียนนำทางให้ยาย เสียงแม่สวดมนต์ปนสะอื้นบางครั้ง ได้ยินเสียงร้องไห้จากบางคนไม่นาน ทุกคนอยู่ในความสงบเพื่อส่งยายอย่างสงบ ไม่มีใครฟูมฟาย เราไม่ให้ใครฟูมฟายห้ามรบกวนยายตอนนี้ ไม่มีใครดึงรั้ง...
แม่เป็นคนบอกทุกคนว่ายายสิ้นลมแล้ว เราเช็คชีพจรอีกที แม่เห็นลมหายใจเฮือกสุดท้ายของยาย ในขณะที่เราหลับตานิ่งมีเพียงแสงสว่างตอนหลับตาที่เราเชื่อว่ามันคือแสงนำทางให้ยายเดินทางต่อ .....
ยายจากไปอย่างสงบในอ้อมกอดของตัวเอง ตอน 12.20 น. วันนี้... เราบอกทุกคนว่า.... ยายตามเสียงสวดมนต์กลับมา... ยายบอกอ้อ ยายพยักหน้า ยายพยายามบอกว่าได้ยิน
เราไม่มีอะไรติดค้างต่อกัน...
บอกแม่ว่า รู้ไหมวันหนึ่งเราก็ต้องส่งกันแบบนี้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา