15 มิ.ย. 2021 เวลา 12:45 • ประวัติศาสตร์
#32 The Brain Club : History เมื่อครอบครัวได้พบกันอีกครั้ง
ในสมัยสงครามโลก มีนักบินคนหนึ่งถูกประกาศให้เป็นบุคคลสูญหายขณะปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ ภายหลังจากเครื่องบินของเขาตกกลางป่าลึก
นับตั้งแต่วันนั้นก็ไม่มีใครพบเจอเขาอีกเลย จนเวลาผ่านไปนานกว่า 7 ทศวรรษ ในที่สุดเขาก็ได้กลับมาเจอกับลูกสาวอีกครั้งหลังพลัดพรากจากกันมานาน
กัปตันลอวเรนซ์ ดิกสัน ( Lawrence Dickson) คือนักบินในสังกัด " ทัสคีกี (Tuskegee Airmen) " กลุ่มนักบินทหารแอฟริกันอเมริกันที่ปฏิบัติหน้าที่ในสงครามโลกครั้งที่สอง
กัปตันดิกสันถือเป็นหนึ่งในนักบินที่มีประสบการณ์สูงมากๆ ของกองทัพ การันตีจากการได้รับเหรียญกล้าหาญดีเอฟซี (Flying Cross) ในการทำภารกิจที่ผ่านมา
● ภารกิจสุดท้ายที่ไม่มีวันกลับ
ย้อนกลับเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 1944 กัปตันดิกสันที่มีอายุ 24 ปีในตอนนั้น กำลังประจำการในฐานทัพที่อิตาลี เขาได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจหมายเลข 68 ให้ทำหน้าที่คุ้มกันเครื่องบินลาดตระเวนภาพถ่ายที่จะมุ่งหน้าไปกรุงปราก ซึ่งถูกกองทัพนาซียึดครองอยู่
แต่ในช่วงก่อนออกเดินทาง เหมือนจะมีสัญญาณบางอย่างที่ต้องการเตือนเป็นลางบอกเหตุ เพราะเครื่องบินของกัปตันดิกสันเกิดมีปัญหาเล็กน้อย แต่ไม่รุนแรงมากนัก ภารกิจจึงยังคงต้องดำเนินต่อไป
ภารกิจคุมกันครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี พวกเขาเดินทางถึงที่หมายโดยปลอดภัย แต่ในระหว่างการเดินทางกลับไปยังฐานทัพ ณ บริเวณชายแดนออสเตรีย-อิตาลี เครื่องยนต์เกิดมีปัญหาอีกครั้ง และเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกินจะเยียวยา กัปตันดิกสันที่ไม่มีทางเลือกมากนัก จึงตัดสินใจดีดตัวออกจากเครื่องบิน
หลังจากเหตุการณ์เครื่องตก ภารกิจการค้นหากัปตันดิกสันเกิดขึ้น ไม่มีใครเคยพบกัปตันดิกสันอีกเลย และเรื่องน่าเศร้าคือไม่มีเครื่องบินลำไหนมองเห็นร่มชูชีพ หรือจุดที่เครื่องบินพุ่งตกลงไป ทำให้การค้นหาจึงทำได้ยาก มีการออกลาดตระเวนค้นหาบริเวณรอบๆ เมือง Tarvisio และเมือง Malborghetto ในประเทศอิตาลี ซึ่งคาดว่าเป็นจุดที่เครื่องตก
แต่ไม่ว่าจะออกค้นหากี่รอบก็ต้องพบกับความล้มเหลวทุกครั้ง ตลอดเวลา 5 ปีหลังการสูญหาย ไม่เคยมีใครการพบกัปตันดิกสัน และเครื่องบินของเขาเลย
จนในปี 1949 ทางกองทัพจึงประกาศให้เป็นเคส MIA (Missing in Action) หรือสถานะสูญหายในขณะปฏิบัติหน้าที่ ไม่มีใครทราบชะตากรรมว่าเขาหายไปไหน แต่ก็คาดว่าเขาน่าจะเสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยวที่ไหนสักแห่งในป่าลึกแถบนั้น
สมาชิกของชั้นเรียนที่สำเร็จการศึกษาที่ Tuskegee Army (กัปตันดิกสันคนที่ 2 จากซ้าย)
ในปี 2011 โจชัว แฟรงก์ (Joshua Frank) นักวิจัยของ POW/MIA หน่วยงานภายใต้กระทรวงกลาโหม ที่ทำหน้าที่ตามหาบุคลากรทางทหารอเมริกาที่สูญหายไป ได้ถูกมอบหมายให้รื้อเหตุการณ์เครื่องบินทหารตกในอิตาลีมาตรวจสอบใหม่อีกครั้ง
แฟรงค์ตามรวบรวมบันทึกจากผู้เห็นเหตุการณ์ และบันทึกทางการทหารเพื่อนำข้อมูลทั้งหมด มาวิเคราะห์หาช่องโหว่เกี่ยวกับการหายตัวไปของกัปตันดิกสัน และพวกเขาก็ค้นพบจุดที่คาดว่าเครื่องบินตก
ในช่วงฤดูร้อนปี 2017 ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนิวออร์ลีนส์ และมหาวิทยาลัยอินส์บรุค ได้เข้าไปตรวจสอบบริเวณโดยรอบเมืองโฮเฮนทรัน ประเทศออสเตรีย ซึ่งเป็นพิกัดที่คาดว่าจะพบกัปตันดิกสัน
และการรอคอยก็สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2017 ร่างของกัปตันดิกสันถูกค้นพบหลังจากสูญหายไปยาวนาน
เพื่อให้แน่ใจร่างดังกล่าวคือกัปตันดิกสันจริงๆ ก็ต้องนำร่างไปตรวจสอบก่อน โดยคนแรกที่ทีมงานนึกถึงคือคุณมาร์ลา แอนดรูวส์ (Marla Andrews) ลูกสาวเพียงคนเดียวของกัปตันดิกสันที่ยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
เมื่อเธอได้รับโทรศัพท์จากกองทัพ คุณมาร์ลาจึงไม่รอช้ารีบส่ง DNA ของเธอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทันที และเธอก็นั้งรอผลตรวจอย่างมีความหวังว่าเธอจะได้เจอพ่ออีกครั้ง
มาร์ลาถือรูปถ่ายของพ่อเธอ (แถวหลัง คนที่ 3 จากซ้าย)
เธอเสียคุณพ่อไปในวัย 2 ขวบ ในตอนนั้นเธอยังเด็กมากๆ และแทบจะไม่ได้รู้จักพ่อตัวเองเลย มีเพียงภาพถ่ายเก่าๆ เก็บไว้ให้ดูเพียงไม่กี่ภาพ จนมาถึงวันที่มีการค้นพบ เธอก็มีอายุ 75 ปีแล้ว
ร่างที่ค้นพบถูกส่งไปวิเคราะห์เทียบเคียงกับ DNA ของคุณมาร์ลา ผลปรากฏว่าร่างนั้นคือกัปตันดิกสันจริงๆ ถึงกัปตันดิกสันจะเสียชีวิตไปนานมากแล้ว แต่การได้กลับมาเจอกันอีกครั้งของสองพ่อลูก คือบทสรุปเรื่องราวการรอคอยที่สุดแสนจะยาวนาน ที่จบลงด้วยรอยยิ้ม
" การรอคอยยังไม่จบลง ถ้าหากเรายังมีหวังเสมอ "
เรียบเรียงโดย : สโมสรสมอง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา