17 มิ.ย. 2021 เวลา 05:48 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
หนังทำเงินในอเมริกาเหนือ 11-13 มิถุนายน ‘In the Heights’ เปิดตัวน่าผิดหวังแค่ 11 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ‘A Quiet Place Part II’ สร้างสถิติใหม่ในยุคโควิด-19
จากรายงานหนังทำเงินในอเมริกาเหนือของวาไรตี ประจำสุดสัปดาห์ที่ 11-13 มิถุนายน หนัง ‘In the Heights’ ที่สร้างจากละครเวทีบรอดเวย์ ซึ่งได้รับคำชื่นชมอย่างมากของลิน-มานูเอล มิแรนดา ทำได้ไม่ดีนักสำหรับการเปิดตัว
หนังเพลงของวอร์เนอร์ บราเธอร์ส ทำเงินไปเพียง 11.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก 3,456 จอ จากการฉาย 4 วันแรก ซึ่งต่ำกว่าที่คาดกันไว้ 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดย ‘In the Heights’ ยังเปิดตัวพร้อมๆ กันในบริการสตรีมมิง เอชบีโอแม็กซ์ แต่ไม่มีรายงานยอดผู้ชมออกมา
เมื่อหนังใหม่ทำได้ไม่ดี หนังสยองของพาราเมานท์ ‘A Quiet Place Part II’ เลยกลับมายืนแป้นอันดับ 1 จากการฉายเป็นสัปดาห์ที่สาม เมื่อทำรายได้ 11.65 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก 3,800 จอ มาถึงตอนนี้หนังภาคต่อเรื่องดังทำเงินไปแล้ว 108.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กลายเป็นหนังบล็อกบัสเตอร์เรื่องแรกนับตั้งแต่โควิด-19 ระบาด ที่ทำเงินผ่านร้อยล้านในอเมริกา ขณะที่ในตลาดต่างประเทศ หนังก็ทำเงินไปแล้ว 75 ล่้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้รายได้รวมทั่วโลกพุ่งไปถึง 183 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
การเปิดตัวที่น่าผิดหวังของ ’In the Heights’ กลายเป็นเครื่องหมายคำถามตัวโต เมื่อบรรดานักวิจารณ์ก็ให้คำชื่นชม เป็นหนึ่งในหนังยุคโควิด-19 ที่ได้คำวิจารณ์แง่ดีมากๆ แถมวอร์เนอร์ฯ ก็ทำการตลาดให้กับหนังเต็มที่ ส่วนผู้กำกับจอน เอ็ม. ชู และมิแรนดา ก็เดินสายโรปโมตหนังอย่างแข็งขัน เพื่อชดเชยการที่หนังขาดนักแสดงที่เป็นที่รู้จัก
ถ้าจะมองว่าเพราะหนังเปิดตัวพร้อมกันทั้งในโรงและทางเอชบีโอแม็กซ์ แต่ก็ไม่น่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ยอดขายตั๋วของ ‘In the Heights’ ต่ำกว่าที่คาด เพราะกับงานของวอร์เนอร์ฯ ที่เปิดตัวในแบบเดียวกัน อย่าง ‘Godzilla vs. Kong’, ‘Mortal Kombat’ และ ‘The Conjuring: The Devil Made Me Do It’ ก็ยังทำรายได้จากโรงได้เป็นเนื้อเป็นหนัง จากที่อันดับหนังทำเงินแสดงให้เห็น ขณะที่ผู้ชมค่อยๆ กลับมาดูหนังในโรง งานที่คนเลือกชมมักเป็นหนังที่มีบางอย่างที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้ว ซึ่งหนังที่สร้างจากละครเจ้าของรางวัลโทนีอวอร์ดส์เรื่องนี้ ก็ไม่ใช่หนังเพลงที่ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปเลยอย่าง ‘La La Land’ หรือ ‘The Greatest Showman’ แม้จะไม่ใช่งานของมิแรนดาที่โด่งดัง เช่น ‘Hamilton’ หรือเป็นที่รู้จักแบบละครเพลงเรื่องอื่นๆ อาทิ ‘Rent’, ‘Les Miserables’ หรือ ‘Cats’
บรรดาผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ‘In the Heights’ จะไปได้เรื่อยๆ ตลอดซัมเมอร์ คล้ายกับหนังเพลงฮิตแบบซึมลึกของปี 2017 ‘The Greatest Showman’ ที่เปิดตัวแค่ 8.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ผู้ชมเกิดรักซาวนด์แทร็กและการแสดงของฮิวจ์ แจ็กแมน จนพากันกลับมาดูในโรงซ้ำแล้วซ้ำอีก จนหนังทำเงินไปถึง 174 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในอเมริกาเหนือ และเมื่อรวมทั่วโลกหนังทำเงินกว่า 438 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ถึงกระนั้น ‘In the Heights’ ก็ถูกมองว่าไม่น่าจะทำรายได้ในระดับเดียวกัน แต่ก็น่าจะเดินหน้าไปสบายๆ เพราะไม่มีคู่แข่งโดยตรง
“หนังเพลงเป็นงานที่สร้างความสุขให้ผู้ชม” เอวิด เอ. กรอสส์ จากบริษัทให้คำปรึกษาด้านภาพยนตร์ Franchise Entertainment Research กล่าว “เมื่อต่อกันติดกับคนดู มันก็สามารถเดินหน้าไปได้หลายๆ สัปดาห์ และมีความแข็งแรงมากขึ้น คะแนนจากผู้ชมของหนังถือว่าเยี่ยมมากๆ โดยที่ซีนีมาสกอร์ หนังได้คะแนน A โดยผู้ชมส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ เพศหญิง ขณะที่มีคนเชื้อสายละตินซื้อตั๋วถึง 40% ขณะที่คนผิวขาว 43%, ผิวดำ 9% และเป็นเอเชีย 4%
โดยหนังที่สร้างจากละครเวทีบรอดเวย์เมื่อปี 2008 เรื่องนี้ ใช้ทุนสร้างไป 55 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
หนังใหม่เรื่องอื่นๆ ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มี หนังลูกผสมคนแสดง/ แอนิเมชัน ‘Peter Rabbit 2: The Runaway’ ซึ่งอยู่ในอันดับ 3 ทำรายได้เบาๆ 10.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก 3,346 จอ โดยในช่วงโรคระบาด บรรดาหนังครอบครัวอย่าง ‘The Croods: A New Age’ และ ’Tom and Jerry’ ต่างก็มีอายุยาวในโรงหนัง เพราะฉะนั้นหนังภาคต่อของ Peter Rabbit น่าจะทำได้ไม่ต่างกัน หนังทุนสร้าง 45 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เปิดตัวในต่างประเทศบางตลาดแล้ว และเก็บเงินมาได้ 10.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รายได้รวมทั่วโลกตอนนี้ อยู่ที่ 57.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
‘The Conjuring: The Devil Made Me Do it’ ที่ฉายเป็นสัปดาห์ที่สอง ตกมาที่ 4 ด้วยรายได้ 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จาก 3,237 จอ รายได้รวมในอเมริกาเหนือเพิ่มเป็น 43.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หนังวอร์เนอร์ฯ ที่เปิดตัวในเอชบีโอแม็กซ์ด้วยเรื่องนี้ จะเปิดตัวในประเทศที่ไม่มีเอชบีโอแม็กซ์ในโรงภาพยนตร์ และทำรายได้ไปถึง 68 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รายได้รวมทั่วโลกอยู่ที่ 111.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
หนัง ’Cruella’ ของดิสนีย์ก็ยังอยู่ในท็อปไฟว์ งานตอนก่อนของเรื่องราวใน ‘101 Dalmatians’ ทำเงินอีก 6.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หนังฉายมาแล้ว 3 สัปดาห์ทำรายได้รวมในอเมริกาเหนือ 56 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนตลาดต่างประเทศทำไป 73.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยในประเทศที่มีดิสนีย์พลัส สมาชิกของบริการสตรีมมิงรายนี้ สามารถดูได้โดยจ่ายค่าชมเพิ่มอีกราวๆ 30 เหรียญสหรัฐฯ
ธุรกิจโรงภาพยนตร์ในอเมริกาเหนือที่พยายามฟื้นตัวจากการระบาดของโควิด-19 ยังคงต้องรับมือกับอุปสรรคที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความลังเลของผู้คนในการกลับมาดูหนังในโรงภาพยนตร์, โรงหนังในบางพื้นที่ของสหรัฐอเมริกา และแคนาดายังคงปิดบริการ, โรงหนังที่เปิดก็มีการจำกัดจำนวนผู้ชม แถมยังเจอคู่แข่งจากบริการสตรีมมิง ที่บางเจ้าก็ฉายหนังชนโรงเช่น ดิสนีย์พลัส กับเอชบีโอแม็กซ์ แต่อย่างน้อยการที่มีหนังเข้าคิวรอฉายอย่าง ‘F9’, ‘Black Widow’ และ ‘Space Jam: A New Legacy’ ก็น่าจะช่วยชุบชีวิตให้อุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ได้บ้าง “การฟื้นฟูกำลังจะมาเป็นระลอก” กรอสส์กล่าว “มันจะไม่ได้มาเป็นเส้นตรงหรอก”
อ่านแล้วชอบ อย่าลืมกดติดตาม และยังมีเรื่องราวมากมายให้อ่านได้ที่ www.sadaos.com และทำความรู้จักกันได้มากกว่านี้ด้วยการกดไลค์เพจ www.facebook.com/Sadaos และ www.blockdit.com/sadaos
#MusicStory: รับฟุตบอลยูโรกับเรื่องราวของเหล่านักร้องดัง อเดล, โอเอซิส, เอ็ด ชีแรน, One Direction พวกเขาเชียร์ทีมฟุตบอลอะไรกันบ้าง... แมนฯยูฯ, ลิเวอร์พูล, สเปอร์ส หรือว่า เชลซี หาคำตอบกันได้ที่นี่ >>>

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา