27 มิ.ย. 2021 เวลา 02:00 • นิยาย เรื่องสั้น
#เรื่องสั้น: ณ ที่หนึ่งแห่งแสงออโรร่า
ฉันมายืนอยู่บนหาดทราย ได้ยินเสียงคลื่นซัดฝั่งเป็นจังหวะช้าๆ แสงจากแพลงตอนในน้ำส่องประกายวิบวับๆเป็นสีฟ้าระเรื่อ ท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มถูกฉายไปด้วยแสงออโรร่าที่สาดส่องสีฟ้าสีเขียวไปมา เหมือนกับพวกมันกำลังเต้นรำอยู่ท่ามกลางเพลงของบีโธเฟนที่กำลังบรรเลง
1
Image by Noel Bauza from Pixabay
นี่ฉันมาอยู่ที่แถบสแกนดิเนเวียหรือ ฉันอยู่ที่ไหน ในหัวสับสนและอื้ออึงไปด้วยคำถาม
ที่ปลายสุดของสายตา ฉันเริ่มมองเห็นเงาของใครบางคน “สวัสดีค่ะ” ฉันตะโกนออกไป
ไม่มีเสียงใครตอบมา แต่เงานั้นดูเหมือนเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ฉันตะโกนไปอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีใครตอบกลับมาเช่นเดิม ยกเว้นก็แต่เสียงของฉันที่ยังคงดังก้องและสะท้อนกลับไปกลับมา
ฉันเริ่มสาวเท้าและก้าวไปหาเจ้าของเงานั้นให้เร็วขึ้นอีก แสงของออโรร่าทำให้เงาของฉันพลอยพลิ้วไหวไปบนหาดทราย
เสียงคลื่นยังคงซัดดัง ซ่า ซ่า แสงของออโรร่าสาดลงมาอีกครั้ง ทำให้ฉันพอจะเห็นเค้าโครงร่างของเจ้าของเงานั้น
โครงร่างนั้นดูคุ้นตามากทีเดียว และแล้วฉันก็นึกขึ้นได้
“พ่อ” ฉันตะโกนออกไปจนสุดเสียง
กลิ่นแอมโมเนียฉุนๆพร้อมกับเสียงใครบางคนเรียก “ด็อกเตอร์ซาน่าคะ ด็อกเตอร์ซาน่า” เสียงนั้นเรียกซ้ำอีก จนฉันรู้สึกตัวตื่นพร้อมกับเหงื่อที่ไหลโชก
ฉันนอนอยู่ในอุโมงค์กาลเวลาที่ฉันสร้างขึ้น เพื่อที่จะทำการทดลองการข้ามเวลาจากมิติหนึ่งไปสู่อีกมิติหนึ่ง เรียกง่ายๆคือการเดินทางย้อนเวลาไปยังอดีต
“ด็อกเตอร์โอเครึเปล่าคะ?” มีร่า ผู้ช่วยสาวถาม เธอทำงานกับฉันมาห้าปีแล้ว ซึ่งขณะนี้มีสีหน้าซีดเผือด
“โอเคๆ ฉันโอเค” ฉันตอบไปแบบรีบร้อนเพราะใจอยากจะรู้ถึงผลการทดลองเมื่อครู่มากกว่า
“เมื่อกี้เป็นยังไงบ้าง? บันทึกอะไรได้บ้างมั้ย?”
“เอ่อ คือ … เครื่องเริ่มทำงานเมื่อเวลา 20.05.00 พอถึงเวลาที่ 20.05 กว่าๆ ด็อกเตอร์ก็เริ่มมีอาการชักเกร็ง อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ เครื่องจึงหยุดทำงานโดยอัตโนมัติ และพวกเราก็พยายามเรียกด็อกเตอร์ให้กลับมาค่ะ รวมๆแล้วน่าจะไม่เกิน 20 วินาที … เอ่อ … เราจึงยังไม่สามารถบันทึกอะไรได้ค่ะด็อกเตอร์”
“แล้วกราฟล่ะ?” ฉันซักต่อ
“ว่างเปล่าค่ะด็อกเตอร์”
“งั้น คืนนี้กลับกันไปก่อนเถอะ ขอฉันนั่งต่อที่นี่คนเดียวอีกสักพัก”
ฉันยังงงงันกับข้อมูลที่ได้มาจากมีร่า มันจะเป็นไปได้อย่างไร ฉันน่าจะหายไปประมาณอย่างน้อยๆสัก 5 นาทีได้ หรืออาจจะเกินด้วยซ้ำ
ในใจพาลนึกโกรธพวกผู้ช่วยอยู่หน่อยๆที่ปลุกฉันขึ้นมา เจ้าของเงานั้นใช่พ่อหรือเปล่านะ กำลังจะเห็นอยู่แล้วเชียว
พ่อของฉันเคยเป็นนักบินอวกาศ ขณะที่ท่านกำลังปฏิบัติภารกิจสำรวจกาแล็กซีใหม่ที่เพิ่งค้นพบ ยานอวกาศก็หายไปจากจอเรดาร์ และไม่เคยได้กลับมายังโลกเลย
เกือบ 40 ปีแล้ว แต่ฉันก็ยังพอจำได้ถึงหน้าตาของพ่อ จะว่าไปแล้วภาพของพ่อในความทรงจำมาจากภาพถ่ายในกรอบรูปที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง
พ่ออยู่ในเสื้อคอปกสีขาว กางเกงสแล็คสีเทา ผมหวีเสยไปด้านหลัง มีใบหน้าที่ยิ้มแย้ม และแขนข้างหนึ่งกำลังอุ้มฉันอยู่ ดูๆไปแล้วพ่อเป็นผู้ชายที่มีหุ่นสมาร์ทและดูดีมากทีเดียว
ฉันตรวจเช็คตัวเลขที่หน้าจอมอนิเตอร์อีกครั้ง เวลาของเครื่องหยุดอยู่ ณ เวลาที่ 20.05.18 ตามที่มีร่าบอกจริงๆ
แต่ฉันรู้สึกว่าช่วงเวลาที่อยู่ที่หาดนั่นมันนานกว่านั้น ช่างไม่สัมพันธ์กับตัวเลขนี้ซะเลย ฉันต้องพิสูจน์ให้ได้
ฉันตัดสินใจเปิดเดินเครื่องอีกครั้ง เพื่อเริ่มการทดลองใหม่ ต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นเพียงจินตนาการหรือว่าคือเรื่องจริงกันแน่
เวลา 21.55.00 ฉันรีบจดบันทึกไว้ว่า “เริ่มต้นการทดลอง ครั้งที่ 34”
ฉันหยิบโทรศัพท์ใส่ลงในกระเป๋าเสื้อคลุมไปด้วยก่อนที่จะลงนอนในอุโมงค์ เผื่อไว้ยามฉุกเฉิน จะได้โทรหามีร่าได้
กด “เริ่ม” ฉันหลับตาลง ได้ยินเสียงเครื่องเริ่มทำงาน ส่งเสียงดัง วู้ๆ ไม่นานหลังจากนั้น ตัวฉันก็กลับมายืนที่หาดทรายอีกครั้ง
แสงของออโรรายังคงร่ายรำอยู่บนท้องฟ้าเช่นเดิม ฉันเริ่มมองหาเงานั้นโดยไม่เสียเวลาสักวินาทีเดียว
อยู่ตรงนั้น! เงานั่นยืนอยู่ที่ริมทะเล! ฉันออกวิ่งไปหาทันที
“พ่อ … พ่อ” ฉันตะโกนเมื่อเริ่มเข้าไปใกล้
เงานั้นหันมา ทำให้เห็นหน้าอย่างชัดเจน ... คือพ่อจริงๆด้วย
“ซาน่า” พ่อตะโกนกลับมาเบาๆ “ใช่ลูกรึเปล่า?”
“ใช่ค่ะพ่อ หนูเอง ซาน่า”
พ่อเอามือจับหน้าฉันเบาๆ และเราพ่อลูกก็กอดกัน
พ่อมีกลิ่นหอมอ่อนๆ มันเป็นกลิ่นน้ำหอมที่พ่อชอบใช้ ฉันจำกลิ่นนี้ได้
“มันเกิดอะไรขึ้น ซาน่า? ทำไมลูกถึงมาที่นี่ได้? พ่อไม่เข้าใจจริงๆ”
ฉันจึงเริ่มเล่าให้พ่อฟัง ตั้งแต่เริ่มเรียนวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและวิศวกรรม จนมาถึงการสร้างอุโมงค์กาลเวลา และการเดินทางของฉันครั้งที่แล้ว
ส่วนพ่อ พ่อได้เล่าให้ฉันฟังถึงการเดินทางสำรวจอวกาศในครั้งนั้น และการหายไปในกาแล็กซีใหม่ ซึ่งพ่อเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น และอยู่ที่ไหน
เรานั่งลงบนหาดทรายที่ไม่รู้แห่งหนนี้ บอกเล่าชีวิตของกันและกันในช่วงเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา เวลาผ่านไปนานแค่ไหนฉันมิอาจรู้ได้ เพราะนาฬิกาบนข้อมือได้หยุดทำงานไปตั้งแต่มายืนที่หาดแห่งนี้
แต่แล้วตรรกะของเหตุผลก็บอกฉันว่า น่าจะถึงเวลาที่ควรกลับไปได้แล้ว เราทั้งคู่จึงกล่าวอำลาซึ่งกันและกัน
แต่ฉันจะกลับมาหาพ่อใหม่ ฉันบอกพ่อไป
ฉันประหลาดใจอีกครั้ง เมื่อล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุม ก็เจอกับโทรศัพท์ที่พกมาไว้ยามฉุกเฉิน มันอยู่ในนั้นจริงๆ
“พ่อ มาถ่ายรูปกัน” ฉันยืดแขนออกไปให้ไกลที่สุดแล้วกด “แชะ”
เป็นความทรงจำที่ประหลาดน่าดู แต่ก็อบอุ่นใจ ในที่สุดฉันก็ได้พบพ่อจริงๆ และอีกอย่าง จะได้เก็บรูปถ่ายนี่ไว้เป็นหลักฐานว่า ฉันได้มาที่นี่
ฉันได้ยินเสียงเอะอะโวยวายมาจากที่ไกลๆ “ด็อกเตอร์ซาน่า” เสียงนั้นเรียก
ฉันรู้สึกถึงแรงเขย่าที่แขนทั้งสองข้าง พอลืมตาขึ้นก็พบกับมีร่าและผู้ช่วยคนอื่นๆ พร้อมกับแสงของดวงอาทิตย์ในเช้าวันใหม่
“ด็อกเตอร์ไม่ได้กลับบ้านเหรอคะเนี่ย?”
“ไม่ๆ ฉันไม่ได้กลับ ฉันทำการทดลองไปอีกครั้ง”
ว่าแล้วก็รีบลุกขึ้นมาทันที รีบวิ่งไปดูตัวเลขบนจอมอนิเตอร์เป็นอันดับแรก
หน้าจอแสดงตัวเลขของเวลาค้างเอาไว้อยู่ที่ 22.01.23 ห่างจากเวลาที่เริ่มต้นเพียงแค่ 6 นาทีกว่าๆ
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ฉันได้ไปอยู่ในที่ๆหนึ่ง ที่ไม่ใช่อดีต แต่มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นโลกคู่ขนาน ฉันอยู่ที่นั่น น่าจะอย่างน้อยเกือบๆหนึ่งชั่วโมงได้”
“ดูนี่ๆ ฉันมีหลักฐานด้วย” ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อคลุมเพื่อที่จะพิสูจน์ให้คนอื่นๆเห็น
รูปถ่ายล่าสุด กลายเป็นสีดำมืด มีแสงฟ้าเขียวปนอยู่หน่อยๆทางด้านบนของภาพ ไม่เห็นอะไรเลย ไม่เห็นแสงของออโรร่า ไม่เห็นตัวฉัน และไม่มีแม้แต่เงาของพ่อที่ใส่เสื้อคอปกสีขาว
“ครั้งนี้กราฟขึ้นค่ะด็อกเตอร์ซาน่า เริ่มจากเวลาที่ 21.55.00 จนถึงเวลาที่ 22.01.23” มีร่าพูดขณะหยิบแผ่นกราฟขึ้นมาดู
“แต่นั่นก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ถึงการเดินทางข้ามเวลาไปยังอีกที่หนึ่ง” ฉันตอบกลับไปด้วยความผิดหวัง
“ด็อกเตอร์กลับไปนอนพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ” มีร่าเอ่ย
“อืม คงต้องเป็นแบบนั้นแหละ รู้สึกเหนื่อยมากเหลือเกิน”
ใจของฉันยังวนเวียนอยู่กับรูปถ่ายล่าสุดที่เป็นสีดำนั่น “ทำไมนะ” ฉันได้แต่ตั้งคำถามในใจ
หรือว่าฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพในอุโมงค์กาลเวลาโดยไม่รู้ตัว ภาพที่ได้จึงมีเพียงสีดำ
แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ก็เท่ากับว่าเรื่องทั้งหมด มันไม่ใช่เรื่องจริง
ก่อนที่จะหลับตาลงบนที่นอนด้วยความเหนื่อยล้า ฉันนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาดูอีกครั้ง
ภาพสีดำนั่น ถูกบันทึกในโทรศัพท์ว่า ถ่ายไว้เมื่อเวลา 23.31 น. ซึ่งหมายความว่า มันถูกถ่ายไว้ห่างจากเวลาเริ่มต้นของการเดินเครื่องชั่วโมงกว่าๆเลยทีเดียว
ฉันจะต้องบอกเรื่องนี้กับมีร่า ฉันต้องบอกเรื่องนี้กับมีร่า ฉันพึมพำคนเดียว
ฉันหลับตาลง … เหมือนว่าฉันจะเห็นพ่ออีกครั้ง พ่ออยู่ในเสื้อคอปกสีขาวและกางเกงสแล็คสีเทาเช่นเดิม
ก่อนที่สติจะหายไป … ฉันยิ้มและวิ่งไปหาพ่อเหมือนเด็กน้อยเมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว
“หนูกลับมาหาพ่อแล้วค่ะ”
เช้าวันรุ่งขึ้น ร่างอันแน่นิ่งของด็อกเตอร์ซาน่าได้ถูกพบพร้อมกับโทรศัพท์ที่ยังอยู่ในมือ
อุโมงค์กาลเวลาได้ถูกส่งต่อไปยังนักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อๆไป เพื่อที่จะค้นหาการเดินทางข้ามเวลา
เวลาของภาพถ่ายจากโทรศัพท์ของเธอยังคงเป็นปริศนา แต่ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า โลกคู่ขนานมีจริงหรือไม่ ฤาจะเป็นแค่ภาพที่สมองของมนุษย์สร้างขึ้น … ทุกอย่างยังคงไม่มีคำตอบ
จบบริบูรณ์ …
บทส่งท้าย:
สิ่งที่เราเห็นด้วยตา อาจเป็นเรื่องจริง หรืออาจเป็นเรื่องที่ถูกบิดเบือนโดยความรู้สึกในส่วนลึกๆของจิตใจเรา
เหรียญมีสองด้าน แต่เรื่องราวที่เรารับรู้นั้นมีมากกว่าสองด้านเสียอีก
อย่าเพิ่งปักใจเชื่อในสิ่งที่เรารับรู้ ว่ามันต้องเป็นแบบนั้น 100% แม้กระทั่งสิ่งที่เราคิดว่าเราเห็นจากตาสองข้างของเราเอง
#ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์เรื่อง “Contact” (1997)
#สมองสองช้อน ขอบคุณทุกคนที่มาอ่านนะคะ ... เชิญทุกคนร่วมเขียนความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องสั้นเรื่องที่สองนี้ได้เลยนะคะ เพื่อที่ผู้เขียนจะได้นำไปปรับปรุงการเขียนค่า ... ขอบคุณค่ะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา