24 มิ.ย. 2021 เวลา 02:09 • สุขภาพ
ทำความรู้จักกับ “ภาวะสมองล้า” เพื่อป้องกัน และแก้ไข ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป!!!
2
มันก็จะมึนๆ หน่อยอะนะ
นี่เป็นอีกครั้งที่ผมพรวดพราดลุกขึ้นมาจากเตียงนอนแล้วถามตัวเองเกี่ยวกับวันเวลาในปัจจุบัน?
ด้วยหน้าที่การงาน ทำให้ผมต้องใช้ชีวิตอย่างนี้
“กลางวันเป็นกลางคืน กลางคืนเป็นกลางวัน” คือสิ่งที่ผมต้องเจอสลับกันไปในแต่ละสัปดาห์
ว่าแต่…
ตอนนี้ เช้า กลางวัน หรือว่าเย็น?
แล้วผมทำงานอยู่กะไหน?
คนเรานั้นเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ความเสื่อมของร่างกายย่อมถามหาเป็นธรรมดา โดยเฉพาะคนที่ใช้ร่างกายอย่างหนัก พักผ่อนน้อย มีภาวะเครียดสะสม อาจส่งผลให้อวัยวะสำคัญอย่างสมองนั้นทำงานผิดปกติได้เช่นกัน
2
เคยไหมครับที่จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ มีอาการหลงๆ ลืมๆ หรือไม่สามารถรับมือกับหลายๆ สถานการณ์ได้พร้อมกัน ซึ่งหากมีอาการเหล่านี้บ่อยครั้ง นี่ล่ะครับสัญญาณที่บ่งชี้ว่า “ภาวะสมองล้า” (Brain Fog Syndrome) ได้มาเยี่ยมเยียนคุณเข้าแล้ว
1
ภาวะสมองล้านั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะ เด็ก ผู้ใหญ่ วัยทำงาน หรือผู้สูงอายุ
โดยภาวะดังกล่าวนั้นจะส่งผลให้ความจำ และการทำงานของสมองลดลง ทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคอันตรายหลายอย่างเพิ่มมากขึ้น อาทิ โรคอัลไซเมอร์, พาร์กินสัน, หรือว่าความจำเสื่อมก่อนวัย ซึ่งทุกอย่างที่ว่า สามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคุณในระยะยาวได้ เพราะฉะนั้นจึงควรใส่ใจดูแลบำรุงสมองตั้งแต่วันนี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป!!!
2
ภาวะสมองล้าคืออะไร?
เป็นภาวะที่ปล่อยให้สมองทำงานหนักมากเกินไปเป็นเวลานาน จนทำให้สารเคมีสื่อประสาทในสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อข้อมูลสัญญาณไฟฟ้าระหว่างเซลล์กับระบบประสาทเสียสมดุล ส่งผลทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองแย่ลง อารมณ์ประมาณมีหมอกมาบดบังการทำงานของสมอง อันเป็นที่มาของชื่อ “Brain Fog Syndrome” นั่นเอง
อาการของภาวะสมองล้า
1. ปวดศีรษะเรื้อรัง
2. สายตาอ่อนเพลีย พร่ามัวบ่อยครั้ง
3. นอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิท แม้ว่าจะเหนื่อยล้ามากแค่ไหนก็ตาม
1
4. นอนมากเท่าไรก็ไม่รู้สึกสดชื่น ยังคงง่วงอยู่ตลอด แม้ว่าจะนอนเยอะแล้ว
5. อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
2
6. ขี้หลงขี้ลืมเป็นนิสัย
7. สมาธิสั้น
1
8. คิดได้ช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้ทำงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ลำบากมากยิ่งขึ้น
9. ทำงานงานพลาดในจุดเล็กๆ น้อยๆ ที่ก่อนหน้านี้มักจะไม่ค่อยพลาด และจัดการหรือแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ไม่ดีเหมือนเดิม
10. ท้อแท้ เบื่อหน่ายชีวิตอย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน อาทิ อีชีฮยอง แพทย์จิตเวช ผู้เขียนหนังสือเรื่อง ‘สมองหายล้า ชีวิตก็หายเหนื่อย’ ได้พูดถึงสาเหตุของอาการสมองล้าไว้ดังนี้
สาเหตุในการเกิดภาวะสมองล้า
1. ร่างกายขาดสารอาหารบางชนิด
เช่น วิตามิน เกลือแร่ กรดอะมิโน หรือสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ
2. ได้รับสารพิษต่างๆ ในสภาพแวดล้อมใกล้ตัว
เช่น มลภาวะ สารเคมี โลหะหนัก อาหาร และน้ำที่ปนเปื้อน เป็นต้น
3. รับคลื่นแม่เหล็กจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากเกินไป
อาทิ จากโทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์, แท็บเล็ต ซึ่งถือว่าเป็นการรบกวนการหลั่งของสารสื่อประสาทในสมองโดยตรง
4. การนอนพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ
เป็นความจริงที่ว่าในช่วงกลางคืนที่อวัยวะภายในร่างกายส่วนอื่นๆ นั้นทำงานน้อยลง หรือหยุดทำงาน แต่สมองยังคงต้องทำงานปกติ ทั้งนี้ก็เพื่อคอยกำจัดของเสียในสมอง เรียบเรียง และจัดเก็บข้อมูล คอยสั่งให้เราตื่นตัวเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน อาทิ ช่วงที่เราอยากเข้าห้องน้ำ
โดยทุกๆ 1 ชั่วโมง สมองจะต้องใช้พลังงานจากกูลโคส 5 กรัม ทำให้การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอนั้น ยิ่งเพิ่มภาระให้กับร่างกายมากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งแน่นอนว่าพฤติกรรมที่กล่าวมานี้ส่งผลให้สมองล้าได้
1
5. การควบคุมอารมณ์
เพื่อหยุดยั้งไม่ปล่อยให้ร่างกายได้ทำตามสัญชาตญาณดิบ ทำให้สมองต้องใช้พลังงานมหาศาล เพื่อควบคุมฮอร์โมนอะดรีนาลีน ที่จะถูกสร้างขึ้นมาตอนที่เรา รู้สึกกลัว เครียด หรือโกรธเอาไว้ ซึ่งถือว่าเป็น “กลไกการป้องกันตัวเอง” ที่มีไว้เพื่อให้เราพร้อมสำหรับ “ต่อสู้หรือหลบหนี”
โดยร่างกายจะผลิตสารเซโรโทนินขึ้นมาเพื่อควบคุมอารมณ์ และความรู้สึกต่างๆ ที่กล่าวมา ซึ่งหากผลิตได้ไม่มากพอ กระบวนการการอดกลั้นก็จะล้มเหลว ระเบิดออกมาทางพฤติกรรม และปล่อยให้ตัวเองทำตามสัญชาตญาณดิบ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้สมองล้าได้เช่นกัน
6. ความเครียด
ทำให้สมองส่วน อะมิกดาลา (Amygdala) ที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ตามสัญชาตญาณ เกิดความเสียหายอย่างหนัก โดยความเครียดจากภายนอก อาทิ สิ่งแวดล้อม มลพิษ เสียง งานเร่งด่วน หรือการทำหลายๆ อย่างพร้อมกัน
1
ความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างคน เช่น เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน คนรัก ครอบครัว ฯลฯ นั้นก็สามารถเพิ่มความเครียดให้กับร่างกายได้เช่นกัน ส่งผลกระทบต่อประสาทสัมผัสของร่างกาย อาทิ การได้ยิน การมองเห็น การรับกลิ่น ซึ่งกระตุ้นไปยังสมอง พอมากเข้าอาการล้าก็มาเยี่ยมเยียนในที่สุด
3
7. กิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำงาน ฯลฯ ล้วนแต่ต้องใช้สมอง และความคิด เมื่อเราดำเนินกิจกรรมไปได้ดี ราบรื่น ไร้ปัญหา สมองก็จะหลั่งสารโดพามีนกับเซโรโทนินออกมาทำให้เรารู้สึกมีความสุข ไม่กดดัน
1
แต่หากหลั่งต่อเนื่อง และยาวนานเกินไป สมองก็จะเริ่มเหนื่อย ทำให้ฮอร์โมนแห่งความหงุดหงิดหลั่งออกมาแทน และหากยังดำเนินกิจกรรมไปนานๆ โดยไม่มีการพัก แน่นอนว่านั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้สมองอ่อนล้า
8. ผลจากกิจกรรมคลายเครียด
เชื่อไหมว่ากิจกรรมคลายเครียดบางประเภทนั้นก็ก็สามารถทำร้ายสมองได้ อาทิ การดูหนังสยองขวัญ หรือหดหู่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มากเกินไป การเล่นเกมส์ แนวต่อสู้ หรือใช้สมองในการคิดหนักๆ การยึดติดอยู่กับโซเชียลมีเดีย ฯลฯ สมองที่ต้องทำงานหนัก ก็จะเกิดความล้าได้
1
9. ประสบการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
แน่นอนว่าบางประสบการณ์สร้างบาดแผลทิ้งไว้ในใจ จนยากที่จะปล่อยวาง บางคนเผชิญสถานการณ์เดียวกัน แต่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข แต่บางคนกลับวิตกกังวล คิดมากกับอดีตที่เลวร้าย และไม่ปล่อยวาง ซึ่งประสบการณ์หรือความคิดแบบนี้เป็นสาเหตุทำให้เกิดสมองล้าได้เช่นกัน
การรักษา และการป้องกันภาวะสมองล้า
1. ทานอาหารที่ดีมีประโยชน์เพื่อช่วยบำรุงสมอง
โดยให้เน้นไปที่เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ เช่น ไก่, ปลา รวมไปถึงผัก และผลไม้ต่างๆ ที่สำคัญลดการรับประทานแป้งขัดสี และน้ำตาลได้ก็จะดี
2. หาเวลาท่องเที่ยวตามธรรมชาติเพื่อผ่อนคลายบ้าง
การที่ได้สูดออกซิเจนให้เต็มปอดนั้นช่วยเติมพลังชีวิตได้ดีเลยทีเดียว ไม่เชื่อลองดูได้เลยครับ
3. ควบคุมการใช้เทคโนโลยีให้อยู่ในเวลาที่เหมาะสม
กล่าวคือไม่นานจนเกินไป หรือตลอดทั้งวัน ควรหยุดพักบ้างเป็นระยะ ตามความเหมาะสม
4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ถ้ามีปัญหานอนไม่หลับเรื้อรังเกิน 3 สัปดาห์ ควรพบแพทย์
ผมเคยทำบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้ ถ้าสนใจ สามารถไปอ่านกันได้นะครับ
“การนอนที่เพียงพอในแต่ละช่วงวัย” และ “หนี้การหลับ” ที่เราต้องชดใช้เมื่อพักผ่อนน้อยเกินไป
5. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
จะเป็นประจำทุกวัน หรือสัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง ก็ได้ตามที่สะดวก แต่ทั้งนี้ควรครั้งละไม่ต่ำกว่า 30 นาทีนะครับ
6. ทำสมาธิ
ง่ายๆ เลยก็คือหายใจลึกๆ วันละครึ่งชั่วโมง ก็จะช่วยลดความเครียดได้ครับ
7. จัดการตารางงานที่ชัดเจน
ด้วยความเร่งรีบในสังคมยุคปัจจุบัน บีบให้เราต้องทำงานหลายอย่างพร้อมกันในคราวเดียว (Mutitasking) ซึ่งมีผลเสียต่อสุขภาพก็คือ ทำให้สมาธิถูกแยกส่วน สมองต้องใช้งานหนักกว่าเดิม ดังนั้นลองจัดตารางการทำงานใหม่โดยโฟกัสให้งานเสร็จเรียบร้อยทีละอย่าง ไม่ควรทำหลายอย่างพร้อมกัน พร้อมทั้งจัดสรรเวลาการทำงานในแต่ละชิ้นให้ชัดเจนก็จะสามารถช่วยได้
8. ไม่โต้ตอบต่อสิ่งเร้ารอบตัวให้รวดเร็วจนเกินไปนัก
ไม่ว่าจะเป็นการเช็กแจ้งเตือนจากอีเมล ตอบข้อความที่แทรกขึ้นมาระหว่างการทำงาน ฯลฯ รายละเอียดยิบย่อยเหล่านี้ส่งผลกระทบกับเรามากกว่าที่คิด เพราะการใช้ชีวิตโดยโต้ตอบกับสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาตลอด ทำให้สมาธิของเราพังลงได้อย่างง่ายดาย และทำให้สมองเบลอหนักขึ้นไปอีก ดังนั้นจงกำหนดเวลา และจำนวนครั้งที่ใช้ในการตอบโต้ต่อต่างๆ ที่ชัดเจน และพยายามโฟกัสสิ่งที่กำลังทำอยู่เป็นลำดับแรก
1
9. ขจัดความยุ่งเหยิงรอบตัว
แค่การทำงานอย่างเป็นระบบระเบียบอาจยังไม่พอ เพราะสภาพแวดล้อมการทำงานเองก็มีส่วนสำคัญที่ห้ามละเลย อย่าปล่อยให้ความไร้ระเบียบบนโต๊ะทำงาน หรือว่าห้องของคุณ มาเป็นหนึ่งในปัญหาที่เปลืองเนื้อที่ในสมอง อาจเริ่มด้วยการลดอะไรที่ไม่จำเป็น ลองสร้างความชัดเจนให้กับพื้นที่ดู จากนั้นก็จัดการอะไรต่างๆ ให้เป็นระบบระเบียบให้มากยิ่งขึ้น
1
10. คิดบวก มองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน
11. จัดการกับอารมณ์ด้านลบของตัวเองให้ไว
หากรู้สึกเครียด หรือเริ่มคิดถึงเรื่องต่างๆ ในแง่ร้าย หงุดหงิด โมโห ควรเอาตัวออกห่างจากสิ่งที่ทำให้เกิดอารมณ์เหล่านั้นสักพัก และหยุดคิดถึงเรื่องนั้นจนกว่าจะใจเย็นลง แล้วค่อยกลับไปแก้ปัญหานั้นใหม่ต่อไป
12. หาเวลาทำกิจกรรมที่อยากทำเพื่อปรับอารมณ์ และสร้างแรงบันดาลใจในการทำสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ
13. ผ่อนคลายตนเองให้มากขึ้น
พยายามพักผ่อนร่างกายระหว่างทำงาน อาทิ พักสายตา ลุกขึ้นเดินเปลี่ยนท่านั่งทุก 1-2 ชั่วโมง ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้เกิดความเครียดมากเกินไป
14. พยายามไม่รับข่าวสารที่ส่งผลให้เกิดความเครียด
เช่น เมื่อเครียดจากงานมาแล้วหากเล่นโซเชียลก็ยังเจอข่าวสารที่ทำให้ไม่สบายใจก็ควรงดเว้น ไปทำกิจกรรมอื่นแทน
1
15. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และไม่ดื่มกาแฟในช่วงเย็นเพราะอาจรบกวนการนอนหลับได้
1
ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู แน่นอนว่าคำตอบที่ถามมาทั้งหมดอยู่ในนี้
1
บางทีผมคงต้องเริ่มจริงจังกับการดูแลสุขภาพบ้างแล้วล่ะ
สงสัยสมองจะล้ามากเกินไปแล้ว…
ทั้งนี้ยืนยันว่าบทความของผมไม่ใช่คำตอบ หรือบทสรุปที่ดีที่สุด ทุกท่านควรใช้วิจารณญาณส่วนตัวในการรับข้อมูลด้วยนะครับ
ขอบคุณทุกการตอบรับ ไม่ว่าจะเป็นการติดตาม ไลค์ คอมเมนท์ หรือว่าแชร์ ทุกกำลังใจสำคัญสำหรับผมเสมอ
1
ขอบคุณทุกคนครับ
1
แล้วพบกันใหม่ในโพสต์หน้า
สวัสดีครับ
วันไร้สติ - Soundlanding
ขอบคุณเจ้าของรูปภาพทุกท่าน
ขอบคุณที่มา
โฆษณา