24 มิ.ย. 2021 เวลา 13:00 • ประวัติศาสตร์

ชีวิตของอิชิ: สมาชิกผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายของเผ่ายาฮี

ให้ผู้อ่านลองนึกภาพว่ากำลังถูกตามล่าโดยคนที่ตั้งใจจะฆ่าคุณและครอบครัว
ดังนั้นคุณจึงซ่อนตัวไปตลอดชีวิต และหลังจากนั้น การได้เห็นครอบครัวของคุณและเพื่อน ๆ ของคุณถูกผลักดันไปสู่ความตาย และพบว่าตัวเองอยู่ตามลำพังในโลกที่เต็มไปด้วยศัตรูคุณจะรู้สึกยังไง
3
โดยสรุปแล้วนี่คือเรื่องราวของอิชิ ชนพื้นเมืองอเมริกันซึ่งเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นสมาชิกคนสุดท้ายของเผ่ายาฮีที่รอดชีวิต
เขาเกิดในช่วงปี พ.ศ. 2403 หรืออาจจะเร็วกว่านั้น ไม่มีบันทึกที่แน่นอนของการเกิดของเขา แต่บันทึกอย่างเป็นทางการครั้งแรกของเขาคือจากปีพ. ศ. 2408
1
ชนเผ่า Yahi เป็นเครือญาติของเผ่า Yana และก่อนการมาถึงของกลุ่มคนผิวขาว ชนพื้นเมืองเหล่านี้ได้อาศัยอยู่เป็นเวลาหลายศตวรรษในดินแดนดั้งเดิมใกล้เชิงเขา Lassen ไม่ได้มีมากมายตั้งแต่แรก มีชาวยาฮีประมาณ 400 คนและชาวยานา 3,000 คน ก่อนตื่นทองในแคลิฟอร์เนีย
1
เจมส์ ดับเบิลยู. มาร์แชล.
ในปี ค.ศ. 1848 เจมส์ ดับเบิลยู. มาร์แชลค้นพบทองคำครั้งแรกในแคลิฟอร์เนียและทำให้เกิดภาวะตื่นทองในแคลิฟอร์เนีย เมื่อถึงปี พ.ศ. 2392 พื้นที่นี้เต็มไปด้วยนักสำรวจและผู้คนจากแถบต่าง ๆ ทุกคนตั้งใจที่จะสร้างโชคลาภ
พวกเขาเป็นกลุ่มที่แข็งกระด้าง ดูแลแต่เงินและผลกำไรเท่านั้น เมื่อทองคำส่วนใหญ่ที่ขุดพบได้ง่ายถูกขุดขึ้นมาในปี 1855 ฝูงชนที่โลภจึงย้ายไปที่เนินเขาเพื่อค้นหาเพิ่มเติมเพื่อแสวงหาโอกาสที่ดีกว่า
กิจกรรมการขุดทองอย่างเข้มข้นของพวกเขา มีการจับจองที่ดิน ทำให้ลำธารมีพิษและทำให้ปลาแซลมอนหมดลงและทำให้กวางตกใจ คนงานเหมืองและผู้ตั้งถิ่นฐานได้อ้างสิทธิ์ในดินแดนยาฮีดั้งเดิมและเริ่มข่มขู่ชนพื้นเมือง
2
ทำให้ชนพื้นเมืองต่างๆต้องถูกขับไล่ให้ถอยไปทีละน้อย
สิ่งที่พวกเขาทำส่งผลให้เกิดสงครามแคลิฟอร์เนียอินเดียนซึ่งกินเวลาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2393 ถึง พ.ศ. 2423 บางชนเผ่าได้จับอาวุธขึ้นต่อสู้กับคนผิวขาว เกิดเป็นศึกสงครามหลายครั้งในหน้าประวัติศาสตร์อเมริกา
2
นักรบ จากชนเผ่ายาฮีได้จับอาวุธขึ้นต่อสู้ด้วย แต่การมีอาวุธที่ดั้งเดิมเพียงอย่างเดียวไม่ไม่สามารต่อต้านคนงานเหมืองและผู้ตั้งถิ่นฐานที่มีปืนได้
2
เมื่อคนผิวขาวพิจารณาว่า ชนพื้นเมืองเหล่านี้ ไม่ได้ดีไปกว่าสัตว์ร้าย ผู้มาใหม่จึงเริ่มปฏิบัติภารกิจตามล่าและสังหารพวกเขา
3
ด้วยวิธีนี้ แม้ชนเผ่ายาฮีที่อยู่บนภูเขาและรักสงบ ก็ตกเป็นเหยื่อของการรุกรานเช่นกัน ยิ่งคนผิวขาวเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์มากเท่าไหร่ คนเผ่ายาฮีก็ยิ่งร่อยหรอ
ผลจากการถูกตามล่าสังหาร และโรคระบาดที่คนผิวขาวนำเข้ามา ทำให้ลดจำนวนประชากรของชนพื้นเมืองมากขึ้น
ในช่วงที่อิชิเกิดมานั้น ชนเผ่ายาฮีเหลือเพียงแค่ 12 คนเท่านั้น และต้องคอยอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ เร่ร่อนพเนจรไปตามเหวตามถ้ำในป่าลึก เพื่อให้พ้นจากสายตาภายนอก
2
ชะตากรรมของอิชิและครอบครัวของเขา
4
ในช่วงปลายปี 1908 คณะสำรวจได้เดินทางเข้ามาตรวจสอบทำเลสร้างเขื่อนในพื้นที่ของเผ่ายาฮี เหล่านักสำรวจพบร่องรอยของเผ่า กลุ่มนักสำรวจพบหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งซึ่งครอบครัวของ อิชิอาศัยอยู่ แต่ตอนนั้นอิชิไม่อยู่
2
นักสำรวจคนหนึ่งได้บอกว่าเคยเห็นเขาตกปลาเมื่อวันก่อนและได้รายงานให้กลุ่มทราบ แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะเชื่อเขา
จากนั้นลุงและน้องสาววิ่งหนีไปซ่อนตัวอยู่ในป่าหลังจากคลุมแม่ด้วยหนังเพื่อซ่อนเธอ เนื่องจากเธอป่วยและล้มป่วย จึงไม่สามารถหลบหนีได้
3
นักสำรวจพบแม่ของอิชิที่นั่น เธอตัวสั่นด้วยความกลัว พวกนักสำรวจทิ้งเธอไว้ตามลำพัง และขโมยทุกอย่างที่พวกเขาทำได้ รวมถึงอาหารและเครื่องมือที่ยาฮีต้องการเพื่อความอยู่รอดของพวกเขา
4
มันเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ต่อมาสมาชิกของกลุ่มคนหนึ่งได้อ้างว่า เขาพยายามเกลี้ยกล่อมให้อีกคนไม่ต้องขโมยสิ่งของเหล่านี้และพาหญิงป่วยไปโรงพยาบาล แต่พวกเขาไม่สนใจเขา
อิชิ กลับมาหลังจากที่นักสำรวจพาแม่ของเขาไป
1
สิ่งที่พวกเขาทำนั้นคงมากเกินไปสำหรับแม่อิชิ
แม่อิชิเคยเห็นคนผิวขาวลอบสังหารครอบครัวของเธอมาก่อน
2
เธอก็เสียชีวิตหลังจากนั้นไม่นาน
1
อิชิไม่เคยรู้เลยว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวและลุงของเขา เขาพยายามติดต่อพวกเขาแต่ไม่สำเร็จ และเป็นไปได้ว่าพวกเขาก็ไม่รอดเหมือนกัน
2
อิชิผู้เดียวดายเดินเร่ร่อนไปอย่างไร้จุดหมายในชีวิต
จนกระทั่งพลัดหลงมาถึงเมืองโอโรวิลล์
และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด
1
เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2454 คนขายเนื้อในโรงฆ่าสัตว์ในโอโรวิลล์ เมืองที่อยู่ใกล้กับเชิงเขา Lassen Peak ในแคลิฟอร์เนียตอนเหนือ ได้มีเสียงเห่าและเสียงคำรามของสุนัขข้างนอก
1
เมื่อไปตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาพบว่าสุนัขได้ต้อนชายวัยกลางคนที่แปลกหน้าที่ทั้งผอมแห้งและหิวโซจนมุม ชายคนนี้มีผมที่ไหม้เกรียมและเปลือยเปล่าทั้งหมด ยกเว้นแผ่นผ้าใบเกวียนที่ชำรุดซึ่งพันรอบไหล่ของเขา
6
อิชิ ผู้ซึ่งอยู่อย่างสันโดษมานานหลายปี ในที่สุดความอดอยากก็ถูกบังคับให้เขาต้องออกจากถิ่นทุรกันดารเพื่อหาอาหาร
4
คนขายเนื้อรีบไปเรียกนายอำเภอ ชายคนนั้นจึงถูกจำคุกในท้องที่ ทำอย่างไรก็ไม่สามารถสื่อสารกับเขาได้ นายอำเภอจึงเรียกชนพื้นเมืองอเมริกันคนอื่น ๆ มา แต่พวกเขาไม่สามารถพูดคุยกับเขาได้เช่นกัน
1
ข่าวของ 'คนป่า' แพร่กระจายไปทั่วและไปถึงโธมัส วอเตอร์แมน นักมานุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ เขานั่งรถไฟไป Oroville ด้วยความทึ่งและเกลี้ยกล่อมนายอำเภอให้ปล่อยชายแปลกหน้าคนนั้นไปอยู่ในความดูแลของเขา จากนั้นเขาก็พาเขากลับไปที่ซานฟรานซิสโก
Ishi กับนักมานุษยวิทยา Alfred L. Kroeber
โธมัส วอเตอร์แมน จัดให้ อิชิ อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่พิพิธภัณฑ์มานุษยวิทยาของมหาวิทยาลัย เขาและเพื่อนนักมานุษยวิทยา ศาสตราจารย์โครเบอร์ ศึกษา
นักมานุษยวิทยาทั้งสองได้ทดลองสนทนากับคนป่าคนนี้ด้วยภาษาอินเดียนแดงเผ่าต่าง ๆ ก่อนจะพบว่าเขาเข้าใจภาษาเผ่ายานา (Yana) ได้พอประมาณ จึงได้ทราบว่าชายคนนี้เป็นชนเผ่ายาฮี (Yahi) อันเป็นเครือญาติกับเผ่ายานาถิ่นใต้ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเชื่อกันว่าสิ้นชาติไปแล้วตั้งแต่ช่วงยุคตื่นทองในแดนตะวันตก (สมัยที่คาวบอยยังขี่ม้าไล่ยิงกับอินเดียนแดง)
1
ตอนที่ ศ.วอเตอร์แมนทดลองพูดภาษายานากับชายชาวป่า เขาได้เอ่ยคำคำหนึ่งออกมา
“สิวินี” (ต้นสน) ศ.วอเตอร์แมนพูดพร้อมแตะที่แคร่ไม้สนที่อยู่ข้างๆ
ชายชาวป่าแสดงสีหน้าประหลาดใจ เขาเอ่ยถามว่า
“อิเนมายาฮี?” (ท่านเป็นคนยาฮีใช่ไหม?)
“เอเฮ” (ใช่ครับ) ศ.วอเตอร์แมนตอบ
1
แน่นอนว่าทั้ง ศ.โครเบอร์และ ศ.วอเตอร์แมนเป็นฝรั่ง ไม่ใช่อินเดียนแดง ซึ่งชายชาวป่าคนนั้นก็ทราบดี แต่บทสนทนานี้เอง ที่ทำลายความรู้สึกแปลกหน้าต่อกันระหว่างคนสองเผ่าพันธุ์ลงทันที
นักมานุษยวิทยาได้เรียนรู้มากมายจากเขาเกี่ยวกับวิถีชีวิตของยาฮี ความสัมพันธ์ทางสังคม พิธีการ ประเพณี เครื่องมือ ภาษา น่าเสียดายที่ Ishi โตขึ้น ผู้เฒ่าส่วนใหญ่เสียชีวิตหรือถูกฆ่าตาย ดังนั้นเขาจึงมีความรู้ในวัฒนธรรมของตัวเองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
2
อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีพอที่จะปฏิเสธที่จะพูดเกี่ยวกับบางสิ่งที่ถือเป็นข้อห้ามในวัฒนธรรมของเขา ตัวอย่างเช่น เขาไม่สามารถพูดถึงคนตายได้ ซึ่งก็ทำให้นักมนุษย์วิทยาผิดหวัง เนื่องจากทำให้เขาไม่สามารถพูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับสมาชิกเผ่าและครอบครัวของเขาได้
เขาไม่สามารถบอกชื่อจริงของเขาแก่นักวิจัยได้ ในวัฒนธรรมของ ยาฮี ชื่อของคุณคือข้อมูลส่วนตัวที่คุณไม่สามารถเปิดเผยกับคนแปลกหน้าได้ มีเพียง ยาฮี เท่านั้นที่สามารถบอกชื่อกับคุณได้ เนื่องจากตอนนี้ชนเผ่ายาฮี ตายหมดแล้ว อิชิ จึงไม่มีทางบอกชื่อใครได้
2
นักวิจัยจึงเรียกเขาว่า “อิชิ” เพื่อความสะดวก มันหมายถึง 'ผู้ชาย' ในภาษายาฮี
ในช่วงห้าปีที่มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย เมื่ออิชิมาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ หลายคนได้เห็นประจักษ์ว่าเขาเป็นผู้ชำนาญในการใช้ชีวิตในป่าอย่างน่าทึ่ง โดยอิชิมีทักษะการล่าสัตว์ ประดิษฐ์เครื่องมือดำรงชีพต่าง ๆ เขายังได้แสดงทักษะการทำไฟ ฉมวก คันธนู หัวลูกศรหินกะเทาะ ซึ่งผู้คนที่มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มักจะได้หัวธนูหินแก้วภูเขาไฟฝีมืออิชิกลับไปเป็นของที่ระลึกเสมอ
1
ยิ่งไปกว่านั้น แม้เขาจะไม่เต็มใจ แต่เขาก็พาพานักวิจัยไปเยี่ยมชมพื้นที่ล่าสัตว์แบบดั้งเดิมของครอบครัวของเขา และแสดงให้พวกเขาเห็นถึงสถานที่ที่พวกเขาตั้งแคมป์รวมถึงสถานที่ที่พวกเขาเสียชีวิต
1
แม้อิชิจะเป็นคนป่าคนไพร แต่มิได้มีอุปนิสัยโหดร้ายหยาบกระด้างเลย ในทางตรงกันข้าม อิชิเป็นคนที่เคร่งครัดจรรยามารยาท มีอัธยาศัย สุภาพนุ่มนวล เป็นผู้มีวัฒนธรรมสูงยิ่งกว่าคนในสังคมเมืองบางคนด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้ อิชิจึงกลายเป็นที่รักของเจ้าหน้าที่ทุกคนในพิพิธภัณฑ์และผู้เยี่ยมชม
8
ศ.โครเบอร์ได้ศึกษาค้นคว้าเรื่องราวของชนเผ่ายาฮี ทำให้ทราบว่า พวกเขาเคยตั้งถิ่นฐานในพื้นที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ดำรงชีพด้วยการหาของป่าและล่าสัตว์ พื้นฐานอุปนิสัยรักสงบ มีความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายตามสไตล์คนภูเขา ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็คงคล้ายชาวปกาเกอะญอ (กะเหรี่ยง) และชนพื้นเมืองต่างๆของบ้านเรา ที่ดำรงชีพด้วยความผูกพันกับผืนป่า เคารพธรรมชาติ
2
อิชิอาศัยอยู่อีกเพียงสี่ปีกว่าหลังจากที่เขาเดินลงมาจากภูเขาสู่อารยธรรมสมัยใหม่ หลังจากที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวมาเกือบทั้งชีวิต เขาไม่มีภูมิต้านทานโรค เขาป่วยบ่อยขณะอยู่ที่มหาวิทยาลัย และมักจะอยู่ในความดูแลของดร.แซกซ์ตัน ที. โป๊ป
เขาเสียชีวิตด้วยวัณโรค ซึ่งรักษาไม่หายในวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2459
1
แม้ว่าที่จริงแล้วประเพณีของ ยาฮี จะห้ามไม่ให้มีการดัดแปลงร่างกายใดๆ และก่อนที่ ศ.วอเตอร์แมนจะเข้ามาแทรกแซง ในขณะนั้น ศ.โครเบอร์ ไม่ได้อยู่ในยุโรปแพทย์ที่โรงเรียนแพทย์ของมหาวิทยาลัยได้ทำการชันสูตรพลิกศพ สมองของอิชิ
ถูกถอดออกเพื่อเก็บรักษา และต่อมาถูกค้นพบว่าอยู่ในคอลเล็กชันของพิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียน
สมองและขี้เถ้าของเขาถูกส่งกลับไปยังชนเผ่า ยานา ซึ่งเป็นญาติสนิทที่สุดของเขา ที่ Redding Rancheria เพื่อทำการฝังศพที่ถูกต้องในปี 2000
ชีวิตของเขาเป็นหัวข้อของภาพยนตร์และหนังสือหลายเรื่อง รวมถึงเรื่อง "Ishi in Two Worlds" ในปี 1961 โดย Theodora Kroeber ภรรยาของ Alfred Kroeber
4
นับเป็นเวลา 4 ปีกว่า ที่เขาสูญเสียโลกใบเก่าที่คุ้นเคย มาสู่โลกยุคใหม่ที่เขาไม่รู้จัก กระนั้น อิชิยังมีความโชคดีประการหนึ่งตรงที่ เมื่อช่วงที่เขาออกจากป่ามาอยู่เมือง ความรู้สึกต่อต้านชนพื้นเมืองในสังคมอเมริกันยุคนั้นได้เจือจางลงไปมากแล้ว
1
องค์กรหลายภาคส่วนได้หันมาส่งเสริมการอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรม ตลอดจนหันมาศึกษาเรื่องราวเชิงคติชนวิทยาของชนพื้นเมืองอเมริกันที่ยังหลงเหลือ แม้อาจจะสายไปบ้างเมื่อเปรียบเทียบกับความสูญเสียที่ชนพื้นเมืองอเมริกันได้รับมาตลอดในรอบร้อยปี แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีใครคิดที่จะลงมือทำอะไรเลย
5
ถ้าคุณอ่านแล้วได้ความรู้หรือข้อคิดต่างๆจากเรื่องราวเหล่านี้
ถ้าไม่อยากพลาดเรื่องราวข่าวสารดีๆที่น่าสนใจของทางเพจ ก็ขอฝากทุกท่านติดตาม กดไลค์ กดแชร์เพจ Stories around The World.(เรื่องราวรอบโลก) กันด้วยนะคะ
1
โฆษณา