WeWork เข้าสู่สุดสัปดาห์ที่สองของเดือนกันยายนอย่างชอกช้ำ แต่ก็ยังพอมีความหวัง Road Show ของบริษัท มีกำหนดจะเริ่มขึ้นในวันจันทร์ถัดไปเมื่อ Adam และ นายธนาคารจะออกทัวร์เพื่อแสวงหานักลงทุนที่พวกเขาคาดหวัง
Son ได้เดินทางมายังแคลิฟอร์เนีย อยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งใน Pasadena ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาบริษัทในกองทุน Vision Fund ของเขา ซึ่ง Adam ควรจะมาเข้าร่วมงานนี้ แต่เขายังอยู่ที่นิวยอร์ก
Son ใช้เวลาส่วนใหญ่พูดคุยกับนักลงทุนและ CEO ของบริษัทที่ Vision Fund ได้เข้าไปลงทุนคนอื่น ๆ เกี่ยวกับ Adam ซึ่งส่วนใหญ่นั้นมีความเห็นว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการกำจัด Adam ออกไปให้พ้นทาง
สถานการณ์ของ WeWork เปลี่ยนไป Adam พบว่าตัวเองกำลังต่อสู้เพื่อรักษาอำนาจในการควบคุมบริษัทที่เขาก่อตั้งขึ้นมากับมือ : การรัฐประหารกำลังก่อขึ้นในคณะกรรมการของ WeWork
1
ความพยายามดังกล่าวนำโดย Softbank ซึ่งมีสองใน 7 ที่นั่งของ WeWork เจ้าหน้าที่ของ Softbank นั้นรู้สึกผิดหวังกับเจ้านายอย่าง Son ที่ให้ความเอ็นดู Adam มากเกินไปมานานแล้ว
2
ในตอนนั้น Adam ใช้เวลาส่วนใหญ่ใน Hamptons และเขาเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเขากำลังจะสูญเสียอำนาจในการควบคุมบริษัท แม้ในตอนนั้นเขาจะยังคงมีอำนาจและสามารถไล่คณะกรรมการ หากพวกเขาพยายามขับไล่ Adam ออกจากบริษัทก็ตามที
และแล้วมันก็ถึงวาระสุดท้ายของ Adam จริง ๆ เสียที เมื่อ Bruce Dunlevie , Michael Eisenberg ที่บินตรงมาจากอิสราเอล และ Steven Langman นักลงทุนที่ให้การสนับสนุน WeWork มาตั้งแต่ปี 2012 ได้นัด Adam มาทานมื้อค่ำในห้องส่วนตัวที่ร้านอาหารย่านมิดทาวน์
คนกลุ่มนี้เป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มแรก ๆ ที่คอยช่วยเหลือและสนับสนุน Adam มาโดยตลอดไม่ว่าเขาจะทำตัวอย่างไร คนกลุ่มนี้ก็พร้อมที่จะยืนอยู่ข้าง Adam เสมอมา
2
แต่มื้อค่ำมื้อนี้ บรรยากาศมันเปลี่ยนไป มันเต็มไปด้วยความตึงเครียด แต่จริงใจ พวกเขาได้บอกกับ Adam ว่า มันถึงเวลาแล้วจริง ๆ ที่ Adam ควรก้าวลงจากตำแหน่ง CEO ของ WeWork เสียที
1
และเมื่อคณะกรรมการของ WeWork พบกันในเช้าวันถัดไป ชะตากรรมของ Adam กับ WeWork ก็ถูกปิดฉากไปในท้ายที่สุดนั่นเองครับผม
1
แล้วเราได้อะไรจากการเรื่องราวของ Adam Neumann และ WeWork จาก Blog Series ชุดนี้
มันคือจังหวะ เวลา และ โอกาส ที่ Adam นั้นสามารถเข้าไปอยู่ในที่ถูกที่และถูกเวลาเสมอ และเมื่อเข้าถึง Connection ในระดับเงินทุนมหาศาลอย่างกองทุน Vision Fund ของ Softbank นั้น
เราจะเห็นได้ว่า Son เองพร้อมที่จะเทเงินให้อยู่แล้ว และมันเป็นการตัดสินใจแบบรวดเร็วทุก ๆ ครั้ง เหมือนที่เขาทำ ซึ่งหลังจากผมได้อ่านหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนของ Son มาหลายเล่ม ส่วนตัวผมมีความเชื่อว่า Son นั้นอาจจะดูแค่โหงวเฮ้ง จริง ๆ ก็ได้
2
ถ้าพูดจาถูกคอถูกใจ เขาพร้อมจะทุ่มเงินให้ทันที เหมือนที่ Adam ร่ายมนต์เสน่ห์ให้เขาลงทุนได้สำเร็จทั้งที่ธุรกิจแทบจะไม่มีอะไรเป็นนวัตกรรมใหม่เลย และดูจะไม่มีเหตุผลอะไรที่บริษัทระดับ Softbank ต้องมาลงทุนกับธุรกิจแบบ WeWork เลยด้วยซ้ำ
2
และสุดท้าย เมื่อธุรกิจมันไม่สามารถไปต่อได้จริง ๆ แม้จะพยายามปรับธุรกิจให้กลายเป็นเทคโนโลยีอย่างไรก็ตาม เมื่อพื้นฐานทางธุรกิจมันไม่ใช่ สุดท้ายมันก็ไม่ใช่ และจุดจบมันก็เป็นอย่างที่เราได้เห็นในเรื่องราวจาก Blog Series ชุดนี้นั่นเองครับผม