Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Bnomics
•
ติดตาม
1 ก.ค. 2021 เวลา 14:00 • ยานยนต์
จีน - ผู้นำในการผลิต และการใช้รถยนต์ไฟฟ้า(EV)
📌 ปัจจุบันคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าประเทศจีนกำลังก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทั้งทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี
จีน - ผู้นำในการผลิต และการใช้รถยนต์ไฟฟ้า
ประเทศจีน มีการพัฒนาประเทศผ่านอุตสาหกรรมอย่างก้าวกระโดดโดยไม่มีแผนในด้านการควบคุมมลพิษกำกับ ทำให้ประเทศจีนเผชิญปัญหาด้านมลพิษในอากาศอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในปี 2014 กรุงปักกิ่งมีค่า PM2.5 เฉลี่ย 1 ปี มากกว่าค่ามาตรฐาน 2 เท่า (ค่ามาตรฐานขององค์การอณามัยโลกเฉลี่ย 1 ปี อยู่ที่ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) ทำให้รัฐบาลจีนมีการกำหนดเป้าหมายในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่กำหนดทิศทางของประเทศ ช่วงปี 2015 - 2025 โดยมีเป้าหมายคือ สร้างคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม (Green Ecology) โดยจีนหันมาให้ความสำคัญกับ “De-carbonization” และมีการตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไว้ที่ 18% ของ GDPผ่านกฎหมายและนโยบายในการปรับปรุงอุตสาหกรรม รวมถึงแก้ปัญหามลพิษจากการจราจรขนส่ง เพื่อนำไปสู่การเป็นประเทศที่ปลอดคาร์บอน (zero emission) ภายในปี 2026
1
📌 รัฐบาลจีนได้มีการจัดการการจราจรและการใช้ยานพาหนะอย่างจริงจังในหลาย ๆ ด้าน ได้แก่ การออกกฎกำหนดค่ามาตรฐานการปล่อยไอเสีย การตรึงราคาน้ำมันให้สูงกว่าราคาน้ำมันในตลาดโลก การสลับรถวิ่งบนท้องถนนตามวันคู่วันคี่ของเลขทะเบียนรถ และการสนับสนุนการใช้รถยนต์พลังงานทางเลือก (New Energy Vehicle : NEV)
📌 การพัฒนารถยนต์พลังงานทางเลือก (New Energy Vehicle : NEV) ซึ่งในบริบทของจีน ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้า แบบ BEV, PHEV และ FCEV เป็นนโยบายสำคัญที่จะนำมาช่วยการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษ ซึ่งจีนมุ่งหวังให้เทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเป็นหนึ่งผลิตภัณฑ์หลักในการขับเคลื่อนและยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ โดยรัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับปัจจัย 3 ประการ คือ 1. นโยบายส่งเสริมจากภาครัฐให้มีการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า 2. การผลักดันด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตเพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานของรถยนต์ไฟฟ้า และ 3. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า
1. นโยบายส่งเสริมจากภาครัฐให้มีการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า
Timeline ของโครงการเงินอุดหนุนของจีนสำหรับรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) 1
Timeline ของโครงการเงินอุดหนุนของจีนสำหรับรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) 2
ในช่วงปี 2009 จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลจีนมีการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายการสนับสนุนการใช้และการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามาตลอดเพื่อให้เป็นนโยบายที่ยั่งยืน
ช่วงต้นนั้น รัฐบาลจีนใช้วิธีการจ่ายเงินอุดหนุน ตั้งแต่ 16,000 – 50,000 หยวนต่อคัน เฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาต่ำกว่า 300,000 หยวน โดยคิดตามระยะทางของรถที่สามารถวิ่งได้ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง และรัฐบาลท้องถิ่นของแต่ละมณฑลจะสนับสนุนเพิ่มให้อีกราว 15-50% ต่อมารัฐบาลได้ลดปริมาณเงินอุดหนุนลง โดยในปี 2021 รัฐบาลจะลดเงินอุดหนุนลง 20% เนื่องจากราคาของรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มมีราคาถูกลงเรื่อยๆ ตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่รัฐบาลให้การสนับสนุนทางการวิจัยและพัฒนา
อีกทั้ง รัฐบาลท้องถิ่นที่มีการจำกัดจำนวนการจดทะเบียนรถยนต์ยังให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้รับการจดทะเบียนทันทีโดยไม่ต้องรอ ทำให้ประชาชนให้ความสนใจใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
2. การผลักดันด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตเพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานของรถยนต์ไฟฟ้า
เดิมทีรถยนต์ไฟฟ้ามีราคาแพงกว่ารถยนต์เชื้อเพลิงเผาไหม้ด้วยสาเหตุหลักคือต้นทุนของแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า รัฐบาลจีนจึงกระตุ้นและสนับสนุนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งห่วงโซ่อุปทาน โดยการจัดตั้งนโยบายและกลยุทธ์อย่างเป็นระบบและครอบคลุมเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า ตั้งแต่ การขุดและการแปรรูปลิเธียมและโคบอลต์ การผลิตแบตเตอรี่ ไปจนถึงการผลิตรถยนต์
รัฐบาลจีนอุดหนุนเงินทุนในโครงการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนหลายพันล้านหยวน มีการสนับสนุนการลงทุนทำเหมืองทั้งในและต่างประเทศ โดยในปี 2019 ประเทศจีนมีกำลังการผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนเป็นสัดส่วน 73% ของโลก ส่งผลให้จีนเป็นผู้นำในการผลิตและขายแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน และมีราคาต่ำกว่าประเทศอื่นๆ
1
ด้วยการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีของรัฐบาลจีนในทุกมิติ ทำให้จีนก้าวเข้ามาเป็นอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของโลก
ราคาแบตเตอรี่ของรถไฟฟ้ามีแนวโน้มลดลง
ราคารถยนต์ไฟฟ้ายอดนิยมของจีนมีแนวโน้มลดลง
📌 ในส่วนของการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
รัฐบาลจีนออกนโยบายในการสนับสนุนแกมบังคับให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในจีนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้น ด้วยนโยบาย Cap and Trade (Emission Trading) ที่กำหนดให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่มีกำลังการผลิตมากกว่า 30,000 คัน ต้องผลิตสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณภาพ (เช่น BEV, PHEV, HEV และ FCEV) โดยมาตรฐานขั้นต่ำของรถ BEV ที่ต้องทำระยะทางได้อย่างน้อย 100 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และต้องทำความเร็วได้อย่างน้อย 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คิดเป็นเครดิต 12% ของจำนวนรถยนต์ใช้น้ำมันทั้งหมดที่ผลิตออกขาย ส่วนรถ PHEV จะต้องทำระยะทางที่ใช้ไฟฟ้าให้ได้อย่างน้อย 50 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ยกตัวอย่างเช่น ผู้ผลิตรถยนต์ใช้น้ำมันที่ผลิตออกขาย 50,000 คัน จะต้องมีเครดิตอย่างน้อย 6,000 เครดิต หรือเทียบเป็นรถยนต์ BEV ที่ค่าเครดิตเท่ากับ 5 จำนวน 1,000 คัน โดยหากผลิตได้มากกว่า 1,000 คัน ผู้ผลิตสามารถนำเครดิตที่เกินไปขายให้กับผู้ผลิตที่มีเครดิตไม่ถึงได้ หากผู้ผลิตรถยนต์บริษัทใดทำเครดิตได้ไม่ถึงเกณฑ์จะต้องเผชิญกับการคว่ำบาตร เช่น รถรุ่นใหม่ไม่ได้รับการอนุมัติ หรือการสั่งให้หยุดการผลิต นอกจากนั้นรัฐบาลจีนยังอุดหนุนบริษัท Start Up เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าด้วยการอัดฉีดงบประมาณและให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีหลากหลายรูปแบบ
จากการสนับสนุนของรัฐบาลจีนทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าในจีนมีราคาถูก อย่างรถยนต์ไฟฟ้าฮ่องกวง (Hongguang MINI EV) ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่มีค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่าง GM เป็นเจ้าของร่วมกับ SAIC บริษัทสัญชาติจีน มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 28,800 หยวน (ประมาณ 130,000 บาท) เป็นรถยนต์ขนาด 4 ที่นั่ง วิ่งได้ 170 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง ด้วยสมรรถนะที่ใช้งานได้เหมาะสม พร้อมกับราคาถูก ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าฮ่องกวงได้รับความนิยมสูงมาก มียอดจองสูงถึง 30,000 คัน ในเวลาแค่ 50 วัน ล่าสุดยอดขายนำหน้า Tesla ในจีนไปแล้ว
รถ SAIC-GM-Wuling’s Mini EV
1
รถ SAIC-GM-Wuling’s Mini EV
ยอดขาย Wuling’s Mini EV แซงหน้า Tesla
📌 นโยบายสนับสนุนของรัฐบาลจีนส่งผลให้มีบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าและ Start up รถยนต์ไฟฟ้าจีนเกิดขึ้นหลายบริษัท ทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีนมีการแข่งขันที่สูงมาก บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนจึงขยายเป้าหมายการทำตลาดไปยังตลาดต่างประเทศด้วย
ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีน
📌 หนึ่งใน บริษัทรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของจีน คือ บริษัท BYD (Build Your Dream) มีมูลค่าบริษัท 79.54 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เดิมที BYD ผลิตรถยนต์ใช้น้ำมันเป็นหลัก แต่ในปี 2008 บริษัทสามารถผลิตรถยนต์ PHEV ได้เป็นคันแรกของโลก และออกวางจำหน่ายในเดือนธันวาคมปีเดียวกันนั้นเอง ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของวงการอุตสาหกรรมรถยนต์จีน ทำให้ “Berkshire Hathaway ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์” เข้ามาลงทุนในบริษัทคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นสูงถึง 24.6% (ราคา IPO 7.7 HKD ปัจจุบัน 228.2 HKD) รถยนต์ไฟฟ้าของ BYD มีจุดเด่นคือเป็นรถไฟฟ้าในชีวิตประจำวันที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย โดยเมื่อปี 2020 ทำยอดขายได้ถึง 3 ล้านคัน มูลค่ากว่า 23.79 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ปัจจุบัน BYD ยังเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอีกด้วย
BYD Taxi ในประเทศไทย
📌 บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ อย่าง NIO วางแผนที่จะนำรถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองเข้าไปทำตลาดในยุโรปในครึ่งหลังของปี 2021 เช่นเดียวกัน และตั้งใจจะเป็นผู้นำในตลาดโลกภายในปี 2023 และ 2024 โดยรถยนต์ของ NIO เป็นการนำเทคโนโลยีการสลับแบตเตอรี่มาใช้ร่วมกับการชาร์จไฟฟ้า เมื่อแบตเตอรี่หมดก็นำเข้าสถานีไปเปลี่ยนเป็นลูกใหม่ได้ไม่จำเป็นต้องรอชาร์จอย่างเดียว นอกจากนี้ยังมีบริการหลังการขายอย่างการบริการเปลี่ยนแบตเตอรี่ถึงบ้าน 15 ครั้งต่อเดือน มีโควต้าชาร์จฟรีเดือนละ 1,000 kWh อีกทั้งมีราคาถูกกว่า Tesla (NIO ES8 ตั้งราคาจำหน่ายในประเทศจีนเริ่มต้นที่ 456,000 หยวน ถูกกว่า Tesla Model X ที่วางจำหน่ายในจีน ที่มีราคา 1.2 ล้านหยวน) ทำให้ NIO เป็นที่นิยมอย่างมาก จนตอนนี้ NIO มีมูลค่าบริษัทถึง 67.44 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราคา IPO $6.26 ปัจจุบัน $45.46)
Tesla Model X vs. NIO ES8
ราคาหุ้นของบริษัทไฟฟ้า NIO และ BYD ของประเทศจีน
📌 จากความสำเร็จของจีนในการสร้าง Supply ให้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้า มีการประเมินว่าตั้งแต่ปี 2018 – 2023 ประเทศจีนจะเป็นผู้นำในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า จะสามารถผลิตได้มากถึง 13 ล้านคัน และครองแชมป์เป็นอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมนี้
คาดการณ์ประเทศผู้นำในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ปี 2018 - 2023
3. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า
รัฐบาลจีนมีการสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะกว่า 1 ล้านแห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีจุดชาร์จไฟตามครัวเรือนและสำนักงานอีก 900,000 จุด อัตราส่วนระหว่างจำนวนจุดชาร์จสาธารณะและจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าของจีนต่ำกว่าประเทศที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าอื่นๆ โดยจีนมีจุดชาร์จไฟคิดเป็นจำนวน 5 จุดต่อรถยนต์ไฟฟ้า 1 คัน ขณะที่สหรัฐฯมีจุดชาร์จไฟจำนวน 20 จุดต่อรถยนต์ไฟฟ้า 1 คัน
อัตราส่วนระหว่างจำนวนจุดชาร์จสาธารณะและจำนวนรถยนต์ไฟฟ้า
ตอนต่อไปเราจะมาดูว่าประเทศไทยมีแนวทางและมาตรการสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างไรบ้าง ติดตามกันด้วยนะคะ
ผู้เขียน : ปรียา ชัชอานนท์ Economist, Bnomics
ติดตามช่องทางของ Bnomics ได้ที่
Facebook:
https://bit.ly/3tRitAD
Line OA :
https://bit.ly/3eYkTJC
Youtube :
https://bit.ly/3cPmUpo
Twitter :
https://bit.ly/3s4KIMp
════════════════
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
Reference :
https://www.matichonweekly.com/column/article_169372
http://www.ej.eric.chula.ac.th
https://www.metalbulletin.com/Article/3969254/China-cuts-EV-subsidy-for-2021-market-downplays-impact-on-lithium-cobalt-prices.html#:~:text=Under%20the%20new%20policy%20for,this%20year%2C%20from%2022%2C500%20yuan
https://www.autodeft.com/tags/byd
https://news.mit.edu/2021/chinas-transition-electric-vehicles-0429
https://www.sustainalytics.com/esg-research/resource/investors-esg-blog/how-china-s-electric-vehicle-(ev)-policies-have-shaped-the-ev-market
https://www.matichonweekly.com/column/article_169372
INTERNATIONAL COUNCIL ON CLEAN TRANSPORTATION (ICCT)
Bloomberg
Statista
SGMW, The Wuling Hongguang Mini EV
https://thedriven.io/2021/04/20/china-dominates-rollout-of-ev-charging-stations-4000-a-day-in-december
11 บันทึก
13
24
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
B-Industry
11
13
24
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย