10 ก.ค. 2021 เวลา 03:11 • สุขภาพ
เรียนรู้เพื่อสู้โควิด ตอนที่1
กลับมาเขียนซีรี่ย์ใหม่นี้ เพราะเห็นภาพคนป่วยโควิดที่ไม่มีเตียง ถูกทิ้งให้รักษาตัวเองแบบไม่มีเป้าหมาย เพราะสังคมฝากความหวังที่วัคซีนซึ่งกำลังแย่งกันทั่วโลก ขณะที่เชื้อก็กลายพันธ์ไปเรื่อย แนวทางที่นำเสนอถือเป็นแสงน้อยๆของความหวัง ซึ่งยังดีกว่าไม่มีเป้าหมายเลย
ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติ ของทุกอย่างรวมทั้งโควิดย่อมมีสองด้านเสมอ ด้านหนึ่งทำลาย ด้านหนึ่งสั่งสอนในสิ่งที่มนุษย์ทำผิด บิลเกตส์หรือดาราดังมาดาดอนน่าที่ออกมาขอบคุณโควิดในระยะแรกถูกสวดยับ เพราะอารมณ์คนกำลังสูญเสียยังรับความจริงไม่ได้
Cr  :  fusion-medical-animation-rnr8D3FNUNY-unsplash
หนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา ท่ามกลางความสับสนของข่าว เวลาทำงานถูกลดลง แต่การโต้เถียงมากขึ้น ลองสรุปเพื่อให้เห็นมุมมองอีกด้านที่โควิดบอก รู้จุดอ่อนของระบบ ซึ่งในภาวะปกติมักถูกมองข้ามไป ถ้ายังต้องอยู่กับมันอีกนาน ลองแก้สิ่งที่มันบอกเท่าที่ทำได้ ด้วยความหวังลึกๆว่าปัญหานี้จะบรรเทาลงได้
โลกถูกแบ่งเป็นสองฟาก ไม่ใช่เขียวเหลืองแดงดำ แต่เป็นเศรษฐกิจกับสุขภาพ ความจริงความขัดแเรื่องนี้เคยมีให้เห็นมาตลอด สตีฟ จอบส์ป่วยเป็นมะเร็งหลังประสบความสำเร็จทางธุระกิจทั้งๆที่อายุยังไม่มาก ไม่เคยมีใครพูดเรื่องป่วยเลย ทุกคนมองแต่ชัยชนะทางวัตถุ โดยลืมไปว่าชัยชนะที่แท้จริงคือ สุขภาพหรือชีวิต มีคำพูดจากรายการวิทยุแห่งหนึ่ง ลูกผู้เสียชีวิตจากโควิดบอกว่า ถึงรวยเป็นพันล้าน แต่สุดท้าย พ่อหายใจเอาอากาศที่เป็นของฟรีๆ เข้าไปในปอดยังไม่ได้เลย ช่างสะเทือนอารมณ์จัง
โอกาสนี้ น่าถึงเวลาเปลี่ยนกติกาของเศรษฐกิจที่มนุษย์สร้างขึ้นเองได้แล้ว ยิ่งนานไปก็ยิ่งบิดเบี้ยวตามกิเลส ไม่น่าเชื่อว่ามีคนยอมติดเชื้อเพื่อเครมเงินประกัน วิกฤตนี้ควรสร้างกติกาใหม่ๆ เช่น Universal Basic Income เพิ่มภาษีความรวยและรวยเกิน เงินส่วนตัวต้องบีบให้มีขีดจำกัดฯลฯ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำได้ ข้อผิดพลาดในระบบเศรษฐกิจมาจากเอากำไรสูงสุด ไม่ใช่ประโยชน์สูงสุดของคนส่วนใหญ่
ด้านการเมืองช่วยพิสูจน์วิสัยทัศน์ผู้นำ ลามจากอเมริกามาถึงเมืองไทย วิสัยทัศน์เป็นการรวมคุณสมบัติหลายอย่างเอาไว้ เริ่มจากมองภาพรวมสุดท้ายทั้งใกล้-ไกลออก ต้องรอบรู้หลายศาสตร์ที่เรียกว่า Y Leader รู้จักให้น้ำหนักปัญหาที่แก้ได้ถูก กล้าตัดสิน และตัวเองต้องมีอารมณืร่วม ทำตัวให้เห็นเป็นแบบอย่างจริงๆด้วย ผู้นำที่คิดแบบ ทรัมส์ ดื้อ บ่นน้อยใจ โทษคนอื่น แต่ไม่รู้ว่าผิดตรงไหนคงหวังพึ่งได้ยาก หวังว่าเมืองไทยคงได้คนแก้ที่รู้ปัญหา
ปัญหาที่ต่อเนื่องยาวนาน ช่วยสร้างความเชื่อมโยงให้เห็นจุดอ่อนของระบบต่างๆ ทั้งธุระกิจและราชการ ตั้งแต่ห่วงโซ่อุปทานของโลก จนถึงสิ่งแวดล้อม แต่สำหรับเมืองไทย กลับเห็นปัญหาสำคัญและฝังรากลึก คือระบบราชการ เมื่อโอกาสมาถึง มีทั้งอำนาจพิเศษแต่ยังไม่ยอมแก้ไข โควิดจะใช้ความเชื่อมโยงนี้ช่วยชี้ความผิดได้ชัดเจนขึ้น ถ้าปฏิรูปตำรวจทหารให้อยู่ในวินัย เราอาจไม่มีโควิด รอบสองและสาม ปัญหาการกระจายอำนาจจะช่วยรองรับการฉีดวัคซีนได้เร็วขึ้น นับวันคนไทยมีความต้องการตามสิทธิ์ที่เพิ่มมากทุกวัน จนราขการคงบริการได้ไม่ไหวหรอก
การแก้ปัญหาคอรัปชั่น ในภาวะคนป่วยจะตาย ยังมีการโกงหน้ากากอนามัย ตอนฉีดวัคซีนก็มีการโกงโคต้า เรามัวโทษระบบการเมือง จริงๆอยู่ที่ศีลธรรมตามที่ท่านพุทธทาสกล่าวไว้ การเมืองที่ขาดศีลธรรม จะทำให้บ้านเมืองหายนะ การเลือกตั้งต้องเน้นคุณสมบัติด้านนี้ให้มาก สร้างกติกาต้องมีประวัติ มีผลงานนานหลายๆปีไว้ให้คนเปรียบเทียบ ทุกคนต้องช่วยขุดค้นเพื่อเลือกเพราะเป็นผลประโยชน์ทุกคน
อย่าเพิ่งเลิกอ่านนะครับ ทกเรื่องที่พูดมาเป็นสิ่งที่โลกควรเปลี่ยนได้แล้ว แต่อยู่นอกอำนาจเรา ซึ่งไม่ใช่จุดประสงค์ของซีรี่ย์นี้ แล้วยังมีเรื่องอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านี้อีก การแพทย์ครับ จากคำพูดนายกว่า ให้เชื่อมั่นรัฐบาลและฟังหมอไว้ ก็มีเสียงพูดสวนกลับมาเลยทันทีว่า หมอคนไหนครับ
โควิดเป็นโอกาสพิสูจน์ความรู้ที่มีอยู่ ซึ่งไม่สามารถจำลองไปทำในห้องทดลองได้เวลาหมอทุกคนพูดล้วนอ้างงานวิจัย จึงถูกทุกคน แต่คนฟังกลับมึนแล้วสับสน เพราะตามที่เคยอธิบายไว้ว่า งานวิจัยเป็นความจริงที่แยกส่วน ทุกคนจึงถูกคนละส่วน แต่พอเอามาสรุปพร้อมๆกัน แล้วยิ่งงงมากขึ้น ลองย้อนไปอ่านเหตุผลในบทความเดิมที่เคยเขียนไว้
วันนี้เป็นเพียงการเริ่มเกริ่นเพื่อให้เห็นว่า ความรู้ที่เรามี อายุเหลือเท่าไร (หาอ่านได้ในบทความของสันติธาร เสถียรไทย) ความจริงนี้รวมถึงความรู้ในทางการแพทย์ด้วย ซึ่งเป็นความรู้ที่แข็งแกร่งที่สุดแขนงหนึ่งที่ไม่เคยมีใครมาล้มได้ แต่ถ้าวิกฤตโควิดครั้งนี้ การแพทย์ไม่สามารถเอาชนะได้ ก็คงถึงเวลาต้องเพิ่มเติมความรู้กันให้มากขึ้นกว่าเดิมแล้ว
1
คนที่สนใจลองมาอ่านเพจนี้ ย่อมรับทราบมาบ้างว่า การแพทย์นั้น จริงๆแบ่งเป็น2ส่วน การป้องกันและการรักษา การป้องกันส่วนใหญ่เป็นเรื่องสุขภาพที่เราไม่รู้ว่ายังไม่รู้ เพราะมันพิสูจน์ยาก ความรู้ที่มีอยู่ ได้จากงานวิจัยทางการรักษาทั้งสิ้น แม้แต่วัคซีน ซึ่งดูเหมือนป้องกันโรค แต่จริงๆแล้ว ใข้วิธีการฉีดเหมือนยา จึงแค่ป้องกันความรุนแรงได้เท่านั้น สิ่งสำคัญสุด คือ ภูมิต้านทานครับ
การป้องกันที่ได้ผลจริงๆคือร่างกายเราเอง ทำไมคนติดเชื้อจึงอาการไม่เท่ากัน ไม่เคยมีคำตอบ แต่เลี่ยงไปบอกว่า คนนั้นมีโรคประจำตัวอยู่ก่อน แปลว่าต้องไปหาก่อนว่าทำไมถึงเป็นโรคปะจำตัว คำตอบถึงบอกได้ว่าทำไมติดเชื้อแล้วป่วยหนัก ตราบใดที่เรายังเอาชนะปัญหาสุขภาพไม่ได้ สิ่งที่ต้องทำคือการเรียนรู้ต่อไปครับ ไว้อ่านต่อตอนที่2นะครับ ซีรี่ย์นี้ไม่ยาว ไม่เกิน3-4ตอน ถ้ารอไม่ไหว ลองไปอ่านบทความเก่าๆทุกตอน ว่าอ่านคราวนี้ มีแนวคิดอะไรใหม่ๆเกิดขึ้นบ้างไหม
โฆษณา