11 ก.ค. 2021 เวลา 07:50 • ท่องเที่ยว
"เดนมาร์ก" ดินแดนแห่ง กังหันลม ดีไซน์ โคนม และ ความสุขแบบเรียบง่าย
เชื่อว่า เพื่อน ๆ หลายท่าน คงได้ติดตามผลบอลยูโรนัดสำคัญสัปดาห์ที่ผ่านมา
อย่างคู่ของ “อังกฤษ vs เดนมาร์ก”
และ ผลปรากฎว่า อังกฤษ เป็นผู้ได้รับชัยชนะ จากประตูเรียกจุดโทษของราฮีม สเตอร์ลิง และ สำเร็จจุดโทษจากปลายเท้าของ แฮรี่ เคน
อะแต่ว่า… วันนี้พวกเรา InfoStory จะไม่ได้มาพูดถึงทีมที่เป็นฝ่ายชนะอย่างประเทศอังกฤษ...
พวกเรา จึงอยากจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักประเทศที่ตกรอบไปอย่างน่าเสียดายอย่าง “เดนมาร์ก” ดินแดนแห่ง กังหันลม ดีไซน์ โคนม และ ความสุขแบบเรียบง่าย ในซีรีส์ “ท่องโลกฉบับมือใหม่” ตอนที่ 3
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ไปรับชมภาพอินโฟกราฟิกสบายตา กันได้เลยจ้า !
ประเทศเดนมาร์ก มีชื่อเรียกอย่างทางการคือ “ราชอาณาจักรเดนมาร์ก (Kingdom of Denmark) ” ตั้งอยู่บนคาบสมุทรจัตแลนด์ (Jutland) ระหว่างทะเลเหนือกับทะเลบอลติก ใมีดินแดนทางทิศใต้ที่ติดกับตอนเหนือของสหพันธรัฐเยอรมนี
เดนมาร์ก เป็นประเทศหนึ่งในกลุ่มนอร์ดิก 5 ประเทศ ซึ่งประกอบด้วย เดนมาร์ก สวีเดนนอร์เวย์ ฟินแลนด์ และไอซ์แลนด์
ซึ่งประเทศเดนมาร์ก ประกอบไปด้วยเขตการปกครองทั้งหมด 5 เขต (ไม่รวมเกาะอื่น ๆ ที่อยู่ภายใต้ประเทศนะ)
-เขตเมืองหลวงเดนมาร์ก (Copenhagen Capital Region)
-เขตยูดแลนด์กลาง (Central Jutland)
-เขตยูดแลนด์เหนือ (North Jutland)
-เขตซีแลนด์(Zealand)
-เขตเดนมาร์กตอนใต้ (South Denmark)
ส่วนเรื่องของ ที่มาของชื่อประเทศเดนมาร์กเนี่ย อาจไม่ได้มีบันทึกหรือปรากฎที่มาให้เห็นได้ชัด
ซึ่งคาดการณ์กันว่า อาจจะมาจากคำว่า "เดนส์" (Danes) ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์หลักของเดนมาร์ก หรือมาจากคำในภาษาเยอรมันโบราณ (Old German) ซึ่งมีความหมายว่า เนินทราย
ประเทศเดนมาร์กมีจำนวนประชากร 5.8 ล้านคน เทียบกับขนาดพื้นที่ 43,078 ตารางกิโลเมตร แล้วก็อาจจะดูพอดิบพอดี อยู่สบายไม่แออัด
(อันนี้เฉพาะพื้นที่บนคาบสมุทรจัตแลนด์ ไม่รวมดินแดนปกครองตนเองอื่น ๆ)
แล้วเพื่อน ๆ ทราบไหมว่า ขนาดจำนวนประชากรของประเทศเดนมาร์ก ทั้งประเทศ
มีจำนวนคิดเป็น 70% ของขนาดจำนวนประชากรในเมือง New York City
และ หากเทียบกับกรุงเทพ ก็น้อยกว่าเกือบ 2 เท่า เลยทีเดียว
ซึ่งความหนาแน่นของประชากร ในประเทศเดนมาร์ก จะไปกระจุกตัวกันอยู่ที่เมืองหลวงอย่าง กรุงโคเปนเฮเกน (Copenhagen) มากเกือบ หนึ่งในสี่ ของประชากรทั้งหมดเลยทีเดียว !
โดยหากเราอ้างอิงจาก ความหนาแน่นของประชากรที่อาศัยอยู่ในตัวเมือง 3 อันดับแรก คือ
- เมืองหลวงอย่าง Copenhagen มีประชากรประมาณ 1.5 ล้านคน
- เมืองท่าอุตสาหกรรม ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 อย่าง เมืองออฮุส (Arhus) มีประชากร 2.6 แสนคน
- มืองโอเดนส์(Odense) ตั้งอยู่บนเกาะ Funen มีประชากร 1.7 แสนคน
Copenhagen
Odense
ธงชาติของเดนมาร์ก ลักษณะเป็นธงพื้นสีแดง และมีไม้กางเขนสีขาว
ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “ธงแดนเนอบรอก (Dannebrog)”
โดยเดนมาร์กได้ประกาศใช้ธงชาตินี้อย่างเป็นทางการ เมื่อปี ค.ศ. 1854
สำหรับสีที่อยู่บนธงชาติเดนมาร์ก
สีแดงหมายถึงความกล้าหาญและความแข็งแกร่ง
ส่วนสีขาวหมายถึงความซื่อสัตย์และสันติภาพ
เดนมาร์ก ประเทศแห่ง...กังหันลมไฟฟ้าและงานดีไซน์ ?
ในเรื่องของกังหันลมปั่นไฟฟ้าเนี่ย ก็จะสะท้อนได้ง่าย ๆ เลย คือ เกือบ 40% ของพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดในประเทศเดนมาร์ก มาจาก พลังงานลม นั่นเอง
จุดเด่นทางด้านทรัพยากรลมนี้ ก็ยังเป็นเรื่องที่รัฐบาลเดนมาร์กให้ความสำคัญมากอีกด้วยเช่นกัน
ที่รัฐบาลต้องเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับพลังงานทางเลือก อย่างพลังงานลม
ก็เพราะก่อนหน้านี้ เดนมาร์กได้รับผลกระทบจากวิกฤติน้ำมัน มากถึง 2 ครั้งเลยทีเดียว (แน่นอนว่ากระทบต่อ GDP ของประเทศอย่างหนักเลย)
พวกเขาจึงต้องการ การพัฒนาเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมา
แน่นนอนว่า การเข้าไปเน้นจุดเด่นที่ตัวเองมีความได้เปรียบ จึงเป็นตัวเลือกที่พอจะคาดเดาได้ไม่ยาก
เรื่องนี้จึงทำให้เดนมาร์ก ได้เลือกใช้และพัฒนาทรัพยากรจากเมืองออร์ฮุส (Aarhus) ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ จัดให้เป็นศูนย์กลางทางอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดของเดนมาร์ก เช่น การจัดตั้งบริษัทพลังงานลม Vestas และ อนุญาตให้บริษัท Siemens Wind Power จากเยอรมันมาตั้งสำนักงานใหญ่ที่เมืองนี้
อีกทั้งเมืองออร์ฮุสเป็นแหล่งผลิตพลังงานลมที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก จนมีการขนานนามเมืองออร์ฮุสว่า World’s Capital of Wind Energy
ซึ่งปัจจุบันเนี่ย บริษัท Vestas Wind Systems A/S มีมูลค่าบริษัท 1.26 ล้านล้านบาท ! ซึ่งถือว่าหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตกังหันลมสัญชาติเดนมาร์ก สำหรับผลิตกระแสไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในโลก อีกด้วยนะ
ออร์ฮุส (Aarhus)
---
อีกเรื่องหนึ่ง ก็คือ เรื่องของงานออกแบบและดีไซน์
ต้องบอกว่า ความคิดสร้างสรรค์ งานออกแบบดีไซน์ต่าง ๆ ของชาวเดนมาร์ก มีความโดดเด่นมาตั้งแต่ในอดีตกาล ครั้นที่ชาวไวกิ้ง ยังคงปกครองอยู่
ไม่ว่าจะเป็นอาวุธ อุปกรณ์ หรือ เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้ต่าง ๆ
ต้องบอกว่า สิ่งเหล่านี้ มันได้ถูกสะท้อนมา เป็นหนึ่งในส่วนของการใช้ชีวิต ความคิด ค่านิยม วัฒนธรรมต่าง ๆ ของชาวเดนมาร์กในยุคปัจจุบัน
เราจึงจะได้เห็นแบรนด์ระดับโลก ที่มีชื่อเสียงทางด้านความคิดการดีไซน์ผลิตภัณฑ์ที่สวยงาม อย่างเช่น
- Bang & Olufsen, B&O
- Fritz Hansen
- Lego
- Pandora
อย่างแบรนด์ Lego เอง ที่เกิดมาจากช่างไม้ชาวเมือง Billund ที่ต้องเริ่มปรับตัวจากวิกฤติเศรษฐกิจ แลพะ หันมาผลิตของเล่นจากไม้ จนกลายเป็นต้นกำเนิดของแบรนด์ของเล่นตัวต่ออย่าง “Leg Godt” ที่แปลว่า “เล่นได้เล่นดี” หรือ Lego ที่เราคุ้นหูคุ้นตาและต้องผ่านการเล่นกันมาแล้วในวัยเด็ก เนอะ
Lego Land แห่งเมือง Billund
ถึงแม้ว่า เดนมาร์กจะเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในเรื่องของกังหันลมและงานดีไซน์
แต่จริง ๆ แล้ว ประเทศเดนมาร์ก มีจุดเด่นที่มากกว่านั้น
เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดขึ้นจากเรื่องราวตรงนี้ มาดูภาพรวมการส่งออก ที่สร้างมูลค่าให้กับประเทศเดนมาร์ก ในปี 2020 กัน
1. การส่งออกอุปกรณ์เคมีภัณฑ์และยา
2. การส่งออกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (รวมถึงชิ้นส่วนกังหันลมไฟฟ้า)
3. การส่งออกผลิตภัณฑ์การเกษตรและการปศุสัตว์
ซึ่งจริง ๆ แล้ว จดที่น่าสนใจที่ทำให้เดนมาร์ก ได้ถูกกล่าวถึงฉายาว่า ดินแดนแห่งโคนม
นั่นก็เพราะ เดนมาร์กยังมีรายได้จากการปศุสัตว์ เช่น การเลี้ยงโคนม และ มีสถาบันวิจัยพัฒนาคุณภาพนมวัว ซึ่งจากข้อมูลที่เราได้ไปค้นหามา ก็พบว่า ผลิตภัณฑ์จากนมวัวเนี่ย คิดเป็นสัดส่วนที่มากถึง 90% ของรายได้จาก อุตสาหกรรมการเกษตรและการปศุสัตว์ เลยทีเดียวนะ !
อีกเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เกี่ยวกับประเทศเดนมาร์ก ก็คือ การครอบครองดินแดนเกาะกรีนแลนด์ (Greenland)
คือ เกาะกรีนแลนด์เนี่ย เป็นเกาะแห่งทรัพยากรอันล้ำค่า ขนาดที่ประธานาธิบดีสหรัฐ 2 คน ยังอยากซื้อเกาะแห่งนี้จากเดนมาร์ก (มีแฮร์รี่ ทรูแมน และ โดนัล ทรัมป์)
เกาะกรีนแลนด์ถูกค้นพบโดยชาวไวกิ้ง (ชาวธูเล่ (Thule) ซึ่งคาดว่าจะมาจากนอร์เวย์)
แต่อย่างไรก็ดี พระเจ้าเฟรเดอริกที่ 4 กษัตริย์แห่งเดนมาร์กและนอร์เวย์ (Frederick IV of Denmark & Norway) ในการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ให้กับชาวธูเล่ ที่อาศัยอยู่ที่เกาะกรีนแลนด์
จนสุดท้ายแล้ว เดนมาร์ก ก็ค่อย ๆ กลืนเกาะกรีนแลนด์ เข้าไปทีละนิด ทีละนิด...
จนกระทั่งในปี 1775 เดนมาร์กก็ได้ประกาศให้กรีนแลนด์เป็นดินแดนอาณานิคมของเดนมาร์ก
และในปี 1814 เกาะกรีนแลนด์ก็ได้ตกเป็นส่วนหนึ่งของเดนมาร์กอย่างเป็นทางการ
แล้วทำไมเกาะกรีนแลนด์ ที่เป็นส่วนหนึ่งของประเทศเดนมาร์ก ถึงได้ล้ำค่า และเป็นที่ต้องการของมหาอำนาจอย่างอเมริกามากขนาดนั้น ใช่มะ ?
โอเค เราพอจะสรุปได้ดังนี้นะ
- กรีนแลนด์มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ ของเส้นทางเดินเรือใหม่ๆ ในแอตแลนติกเหนือ
- แม้แต่ ประเทศจีนเอง ก็ยังมองว่า ยุทธศาสตร์นี้ เหมาะแก่การขยาย “เส้นทางสายไหมขั้วโลก”
- กรีนแลนด์ยังคงเป็นแหล่งขุดน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีการประเมินว่าแหล่งน้ำมันที่ยังไม่ถูกขุดพบ 13% และแหล่งก๊าซที่ยังไม่ถูกขุดพบอีก 30% เลยทีเดียว !
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าเดนมาร์ก ก็จะเข้าใจถึงประโยชน์อันล้ำค่าของกรีนแลนด์ในมือของตัวเอง
แน่นอนว่า พวกเขาจึงไม่ยอมขายดินแดนแห่งนี้ ให้กับใครทั้งนั้น
Greendland
ปิดท้ายด้วย หนึ่งในวัฒนธรรมที่ว่ากันว่ามีต้นกำเนิดมาจากประเทศเดนมาร์ก ที่หากไม่พูดถึงก็คงไม่ได้
นั่นคือ “Hygge (ฮุกกะ)” หรือ การหาความสุขแบบเรียบง่าย
(แน่นอนละ เพราะว่าประเทศเดนมาร์กเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก เป็นอันดับที่ 3 ของปี 2020)
Hygge (ฮุกกะ) มีความหมายว่า ความเรียบง่าย ความสบาย
ซึ่งความสบายของชาวเดนมาร์กในที่นี้ หมายถึง ความอบอุ่นสบายในกระท่อมไม้
ว่ากันว่า ฮุกกะเนี่ย ดั้งเดิม มาจากภาษานอร์เวย์ แปลว่า การอยู่ดีมีสุข
และต่อมาคอนเซปต์ของหลักแนวคิดนี้ ก็ได้กลายเป็นที่นิยมกับชาวเดนมาร์ก
โดยใจความของเขา จะประมาณว่า
ฮุกกะเนี่ย เปรียบได้กับ วัฒนธรรมอันแสนเรียบง่าย การไฝ่หาความสุขง่ายๆ จาก “สิ่งรอบตัว”
หรือ กรอบความคิด “น้อยแต่มาก” (สิ่งเล็กน้อย ก็สามารถสร้างความสุขให้เราได้มาก)
โดยทุกอย่างของฮุกกะ จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย
หากเราไม่ยอมเปิดใจเรา ให้รับรู้ความรู้สึกของตัวเอง ในขณะนั้น
ยกตัวอย่างเช่น เรากำลังมีความสุขอยู่นะ กับการดื่มชากาแฟ
หรือ อ่านหนังสือเล่มโปรดที่อยู่ในมือเรา ในตอนนี้
หรือ ตอนนี้เรากำลังทานอาหารมื้อค่ำอยู่ภายใต้แสงเทียน และถึงแม้ว่า อากาศจะหนาวสักเพียงใด
แต่ก็ยังโชคดีที่เรามีเตาผิงไฟเล็ก ๆ อันนี้ ที่คอยสร้างความอบอุ่นให้กับเรา
ทั้งหมดนี้ ฮุกกะหรือความอบอุ่นสบาย ก็จะเกิดขึ้นในหัวใจของเรา
และพอเราสามารถมองเรื่องราวต่าง ๆ ให้มีความสุขได้
มันก็จะเป็นแรงผลักดันให้เราต่อยอดพัฒนาตัวเองได้อย่งามีประสิทธิภาพ นั่นเอง
ก็จบกันไปเรียบร้อย กันการท่องเที่ยวทิพย์ ท่องเที่ยวด้วยความรู้รอบตัวไปอีกหนึ่งประเทศ
ประเทศต่อไป จะเป็นประเทศหรือเมืองอะไร ก็อย่าลืมติดตามชมผลงานพวกเรากันต่อไปนะ
หรือถ้าเพื่อน ๆ มีประเทศไหนที่อยากอ่านเรื่องราวเป็นพิเศษ
ก็สามารถรีเควสเข้ามาในคอนเมนต์ด้านล่างกันได้เลยจ้า !
วันนี้พวกเรา InfoStory ขออนุญาตจบเรื่องราวสบายสมอง ไว้เพียงเท่านี้ :)
(อาจจะยาวไปนิดนึง แต่เชื่อว่า น่าจะเป็นสาระความรู้ให้กับเพื่อน ๆ ได้ ไม่มากก็น้อย)
แหล่งอ้างอิงเพิ่มเติม
-ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลอ้างอิงจากเพจ ลงทุนแมน และ Histofun Deluxe
โฆษณา