12 ก.ค. 2021 เวลา 04:43 • ไลฟ์สไตล์
"ค็อกเทล (Cocktail)" ยอดนิยมเหล่านี้ มีที่มาอย่างไร ?
“ค็อกเทล” (Cocktail) คือ เครื่องดื่มผสมที่มีเหล้าชนิดต่าง ๆ ผสมกัน ใส่น้ำแข็ง แล้วเขย่า
โดยคอนเซปต์คร่าว ๆ ของค็อกเทล ก็จะเป็นการใส่เหล้าหลักที่เป็นเบสอย่าง ยิน วิสกี้ วอดก้า เตกีล่า เหล้าที่ให้รสหวาน และ รสชาติหวานจากผลไม้ หรือ น้ำผลไม้ น้ำซ่าโคล่าต่าง ๆ
ทั้งหมดก็เพื่อเพิ่มสีหรือรสให้แปลกกับตัวค็อกเทล
ซึ่งค็อกเทลบางตัวเนี่ย เขาก็ไม่ได้มีแค่เหล้าหลักและเหล้าหวานเพียงแค่ชนิดเดียวนะ
แต่อาจมีผสมกันมากถึง 4-5 ชนิดเลยทีเดียว
ว่าแต่… ค็อกเทลชื่อดังคุ้นหูคุ้นตาพวกเรา มีอะไรกันบ้างนะ ?
วันนี้พวกเรา InfoStory ขอหยิบยกตัวอย่างมาให้เพื่อน ๆ รับชมกันในอินโฟกราฟิกแบบสบายตา เช่นเคย
สำหรับเพื่อน ๆ ใน Blockdit ก็สามารถอ่านเรื่องราวสั้น ๆ ต่อเพลิน ๆ พร้อมรูปภาพประกอบกันได้เลย
“ค็อกเทล” (Cocktail)” มีต้นกำเนิดมาไหนกันนะ ?
ต้นกำเนิดของค็อกเทล นั้นไม่ปรากฏชัดเจน
แต่ว่ากันว่า กำเนิดมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ในประเทศฝรั่งเศส ที่มีรากฐานมาจากเบียร์ ผสม เหล้า น้ำผึ้ง จากนั้นจึงใส่เครื่องเทศ เพื่อสร้างสีสัน
ในระหว่างที่ปี ค.ศ. 1775 – 1783 ฝรั่งเศสได้มีการทำสงครามเพื่อประกาศการเป็นอิสระภาพจากประเทศอังกฤษ ซึ่งทหารฝรั่งเศสที่ก็ได้คิดค้นเครื่องดื่มเบียร์และเหล้าแบบผสม แต่เปลี่ยนจากเบียร์เป็น “ไวน์” แทน และ พวกเขาได้เรียกเครื่องดื่มประจำกองทัพฝรั่งเศสว่า "ก็อกแตล" (Coquetel)
ก่อนที่ในช่วงเวลาต่อมา ที่ฝรั่งเศสได้ส่งกองทัพไปช่วยสหรัฐอเมริกาทำสงครามกับประเทศอังกฤษ
แน่นอนว่า พวกเขาก็นำสูตร “ก็อกแตล” ไปดื่มด้วย
จนต่อมาทหารอเมริกันติดใจเมนูเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบผสมนี้ จึงได้ตั้งชื่อที่เพี้ยนมา จนเป็นคำว่า “ค็อกเทล” (Cocktail) นั่นเอง
แต่อีกเรื่องราวหนึ่ง ก็บอกสั้น ๆ ว่า “ค็อกเทล” (Cocktail)
จริงๆ แล้วน่าจะมาจากคำว่า “Cock tailings” ซึ่งหมายถึง วิธีการนำหางเหล้า หรือเศษแอลกอฮอล์ ที่ติดอยู่ที่ก้นถังที่ใช้ในการหมักมาผสมรวม แล้วนำออกมาขายในราคาถูกๆ นั่นเองจ้า
(มีอีกอันหนึ่งบอกว่า เกิดจากหญิงชาวอเมริกันทำเครื่องดื่มที่มีชื่อเรียกว่า หางขนไก่ เพื่อเป็นการฉลองให้แก่ผู้ชายที่ตีไก่ชนะ)
American Cocktail (70s)
American Cocktail (70s)
อะ พักเรื่องราวความเป็นมาที่แสนหลากหลายของค็อกเทล เอาไว้ที่ตรงนั้น
ต่อมา เราขอหยิบยกเรื่องราวสั้น ๆ ของค็อกเทล ที่พวกเราชื่นชอบ มาสัก 2 อัน ละกัน
เริ่มแรกคือ ค็อกเทลร้อนแรงที่มีจุดเด่นจากเลเยอร์ของเหล้า 3 ชั้น พร้อมเสิร์ฟแบบจุดไฟเผาสวยงาม
ค็อกเทลตัวนี้มีชื่อว่า “B-52”
B-52 Cocktail สุดสวย
B-52 Cocktail สุดร้อนแรง
B-52 เป็นชื่อที่ตั้งโดยมีแรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินทิ้งระเบิดของอเมริกาในสมัยสงครามเวียดนาม
เพราะเครื่องดื่มตัวนี้ เปรียบเสมือนระเบิดร้อนแรงวูบวาบในลำคอ แต่ก็หอมหวาน ลงเข้าในกระเพาะของเรา
ซึ่งต้นกำเนิดของ B-52 ถูกสร้างขึ้นโดยนักบินชาวอเมริกัน ที่ได้ไปประจำการที่อิตาลี ในแถบอลิซซึ่งตั้งอยู่ในมาลิบูของสหรัฐอเมริกา
B-52 Bomber
แต่อีกต้นกำเนิดหนึ่งที่ถูกพูดถึงและโต้แย้งเอาเสียมาก ๆ คือ B-52 มันกำเนิดในประเทศแคนาดาตะหากละ ในปี ค.ศ. 1977 โดยบาร์เทนเดอร์ ที่ชื่อว่า ปีเตอร์ ฟิช (Peter Fich) ของโรงแรม Banff Springs Hotel ในเมืองอัลเบอร์ต้า สหรัฐอเมริกา
โดยค็อกเทลตัวนี้ จะนิยมเสิร์ฟพร้อมไฟที่จุดจนลุกโชน พร้อมหลอด สำหรับการรีบดื่มในทันที
(ส่วนตัวเราชอบเลเยอร์ที่แบ่งออกเป็น 3 ชั้นอย่างชัดเจน คล้าย ๆ กับ ชั้นของกาแฟและครีม่า)
ตัวต่อมาที่พวกเราชื่นชอบคือ เป็นค็อกเทลสูตรแรงที่มีส่วนผสมของเหล้ามากถึง 5 ชนิด นั่นคือ “Long Island”
“Long Island” ค็อกเทลที่มีฉายาว่า “Killer cocktail”
ทำไมจึงมีฉายาเช่นนั้นละ ?
โอเค ก็เพราะ Long Island คือ ค็อกเทลที่ประกอบไปด้วยเหล้าผสมกัน 5 ชนิดเลยนะสิ
เช่น วอดก้า เตกิลา เหล้ารัม เหล้ายิน เหล้ารสส้ม ผสมน้ำโคล่า หรือน้ำมะนาว
ซึ่งเราอาจจะถูกหลอกด้วยรูปร่างหน้าตาของเจ้าเครื่องดื่มนี่ (อารมแบบคล้าย ๆ ชามะนาว ดื่มง่ายไหลคล่องไรงี้ แต่เปล่าเลยจ้า เราเองก็เคยเชื่อแบบนั้น ฮ่าๆ)
จุดกำเนิดที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับ Long Island ก็คือเกิดในช่วงปี ค.ศ. 1920 จากบาทหลวงสูงอายุท่านหนึ่งในรัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา
ฟังดูแล้ว น่าจะเหมือนต้นกำเนิดของค็อกเทลทั่ว ๆ ไป
แต่หากเราย้อนกลับไปดูเนี่ย ในช่วงปี 1920 -1933 มันตรงกับช่วงที่เป็นรัฐบาลห้ามจำหน่ายและโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แต่อย่างไรก็ดี ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ซึ่งนั่นก็ไม่ต่างอะไรกับ ต้นกำเนิดของค็อกเทลที่เกิดจากการผสมเหล้ามากถึง 4 ชนิดไว้ด้วยกัน
(เหมือนว่าในช่วงนั้นเนี่ย วัฒนธรรมการผสมค็อกเทลกับน้ำตาล มะนาว จะค่อนข้างบูมมาก ๆ เลยละ
มันยาวจนไปถึงเรื่องราวของผู้หญิงกับการดื่มแอลกอฮอล์ ที่ไม่ใช่ความเชื่อว่า เฉพาะผู้ชายที่ดื่มได้อย่างเดียว)
ผู้หญิงกับการดื่มแอลกอฮอล์
ต่อมาสูตรค็อกเทลจากการผสมเหล้า 4 ชนิด ของบาทหลวงท่านนี้ ก็ได้ถูกพัฒนาต่อ
จนกระทั่งในปี 1940 ที่เริ่มมีการเพิ่มความเข้มข้นและความแรงของเครื่องดื่มตัวนี้ ด้วยการเติมเหล้าหวานเข้าไปอีก 1 ชนิด
อย่างไรก็ดี ชื่อเรียกของ “Long Island” ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 1972 จากบาร์เทนเดอร์ที่มาจากเกาะลอง (Long Island) รัฐนิวยอร์ก ที่ได้นำสูตรนี้ มาคิดค้นต่อเพื่อนำมาใช้ในการแข่งขัน “Cocktail-crafting”
โดยเขาได้นำสูตรดั้งเดิมของบาทหลวง ที่เป็นเหล้าหลัก 4 ชนิด มาเพิ่มเหล้า Triple-sec เข้าไป และนำไปผสมกับน้ำมะนาว ที่ให้สีสันคล้ายกับชาเย็น
จนกระทั่งในปี 1982 เนี่ย ค็อกเทล “Long Island” ก็จะถูกแพร่ขยายไปทั่วโลก
Long Island ที่ดูผ่าน ๆ แล้วก็ ไม่น่าจะมีพิศสงอะไร.... แต่ถ้าคุณคิดแบบนั้น คุณพลาดแล้วจ้า
โอเค ก็พอหอปากหอมคอกันเช่นเคย
ถ้าหยั่งงั้น วันนี้พวกเรา InfoStory ขออนุญาตจบเรื่องราวสบายสมองสั้น ๆ ไว้แต่เพียงเท่านี้ 🙂
เอาไว้พวกเราจะหยิบเลือกเรื่องราวของค็อกเทล มาให้เพื่อน ๆ รับชมกันในตอนต่อไป
โฆษณา