3 ส.ค. 2021 เวลา 12:00 • ไลฟ์สไตล์
มารู้จัก "LAGER" เบียร์สีเหลืองทองสุดคุ้นตา สดใสและไม่ซับซ้อน (ฉบับมือใหม่)
หลาย ๆ โพสก่อนหน้านี้กับเรื่องราวของเบียร์ฉบับมือใหม่
พวกเราได้พาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับ ประเภทแก้วของเบียร์, เบียร์ IPA, Ale, เบียร์ดำ (Porter & Stout) หรือ เบียร์ชมพูอย่าง Rosée กันไปแล้ว
แต่มีเบียร์ประเภทหนึ่ง ที่อาจเรียกได้ว่า ได้รับความนิยมจากการบริโภคมากที่สุดในโลกเลย
นั่นคือ “Lager” หรือ “ลาเกอร์” นั่นเอง
พอเราพูดถึงเบียร์ Lager เนี่ย เชื่อเลยว่า เพื่อน ๆ ก็คงจะนึกถึงภาพของเบียร์ Budweiser หรือ Stella Artois ที่เป็นเบียร์สีเหลืองทองสด มีฟองเบียร์ที่เห็นแล้วดูสดชื่น
เบียร์ Lager เป็นเบียร์ที่ผลิตโดยใช้ยีสต์ประเภทหมักนอนก้นที่เกิดขึ้นบริเวณด้านล่างของถังหมักเบียร์ (bottom-fermentation yeast) และจะนิยมหมักโดยใช้อุณหภูมิ 5-15 องศา
เรื่องราวของ Lager ก็จะค่อนข้างต่างกับ เอล (Ale) ในหลาย ๆ อย่าง
เช่น Ale เป็นเบียร์ที่เกิดจากการใช้ยีสต์ประเภทหมักลอยผิว (top-fermenting yeast) โดยใช้อุณหภูมิที่สูงขึ้นมาหน่อยประมาณ 18-22 องศา
แต่ถ้าเราจะเทียบเรื่องสีกันตรง ๆ แล้วบอกว่า Lager ต้องเป็นเบียร์สีทองใส หรือ Ale ต้องเป็นสีน้ำตาลเข้ม
เห็นที...ก็คงจะไม่สามารถเทียบแบบนั้นได้นะ
อันที่จริงแล้ว เบียร์ประเภท Lager เขาไม่ได้มีแค่สีเหลืองอำพัน หรือ ทองอร่ามแบบที่พวกเราคุ้นหน้าคุ้นตากันนะ
เบียร์ Lager ที่เป็นสีออกน้ำตาลเข้มไปจนถึงดำก็มีให้เห็นเยอะแยะเลย (เช่น Dark Lager, Bock)
แต่ไม่ว่าจะเป็น Lager หรือ Ale สิ่งที่เหมือนกันทั้ง 2 อย่าง คือ วัตถุดิบอย่าง น้ำ ฮ็อป มอลต์ และ ยีสต์ นั่นเอง
ถ้าหยั่งงั้น วันนี้ให้พวกเรา InfoStory พาเพื่อน ๆ ไปรู้จักเบียร์ลาเกอร์ หรือ Lager กันแบบฉบับมือใหม่
ในซีรี่ส์ “โลกของเบียร์ ฉบับมือใหม่” ซึ่งในตอนนี้ เป็นตอนที่ 5
"Lager" เป็นเบียร์ที่มีลักษณะสีเหลืองอ่อนไปจนถึงสีเข้ม บอดี้บาง ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูง มีระดับแอลกอฮอล์ต่ำ ดื่มง่ายรสชาติไม่ซับซ้อน
"Lager” เป็นคำที่มาจากภาษาเยอรมันอย่าง “Lagern” ที่หมายถึง “การเก็บรักษา”
เหตุผลเบียร์ Lager ต้องนำภาษาเยอรมันมาใช้ก็เพราะ
มันมีต้นกำเนิดมาจากชาวเยอรมันตอนเหนือ (Northern German) ในศตวรรษที่ 16 นั่นเอง
พอพูดถึงต้นกำเนิดตรงนี้ ก็อดนึกถึงคำถามยอดฮิตที่มีการเถียงกันอยู่บ่อยครั้งว่า
แล้ว “Lager กับ Ale” เนี่ย อะไรเกิดมาก่อนกันนะ ?
หลังจากที่ค้นหามา ก็พบว่ามีหลากหลายความเชื่อเลยละ
แต่ส่วนตัวพวกเรามองว่า ต้นกำเนิดจากวัตถุดิบมันคือสิ่งสิ่งเดียวกัน คือ น้ำ ฮ็อป มอลต์ และ ยีสต์
มาแตกต่างในเรื่องวิธีการหมัก หรือ อาจเป็นเรื่องของสายพันธุ์มอลต์ ฮ็อป
เพราะหากกล่าวไปถึงต้นกำเนิดของเบียร์ ก็เป็นเครื่องดื่มที่ทำมาจากดอกหญ้า องุ่นหรือพืชพันธุ์ผลไม้ต่างๆ จับมาหมักรวมกันที่อยู่คู่กับมนุษย์มาตั้งแต่ 22,000 ปีก่อนคริสตกาล หรือตั้งแต่ในยุคน้ำแข็งเลยละ
จนกระทั่งมาเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น ในช่วง 5,000 ปีก่อนคริสตกาล กับ ชนเผ่าไอยคุปต์ หรือ อียิปต์โบราณ
แต่มนุษย์เริ่มเรียกเครื่องดื่มนี้ว่า “เบียร์” ในช่วง ศตวรรษที่ 7 หรือ ตรงกับช่วงยุโรปสมัยกลาง (Middle Ages)
จากที่พวกเรานั่งอ่านมา ดูเหมือนว่าเรื่องราววิธีการผลิตที่เกิดจากการใช้ยีสต์ประเภทหมักลอยผิว (top-fermenting yeast) ซึ่งเป็นการกำเนิดของ “Ale” จะได้ถูกบันทึกเอาไว้ก่อน “Lager” แต่ก็เป็นระยะเวลาที่ห่างกันไม่มาก (ว่ากันว่า Ale ถูกบันทึกเรื่องราวต้นกำเนิดไว้ช่วงศตวรรษที่ 15 นะ)
เรื่องราวของเบียร์ประเภท Lager ได้เริ่มต้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 14
โดยผู้คนในสมัยนั้นได้ค้นพบวิธีการผลิตเบียร์แบบใช้ยีสต์ประเภทหมักนอนก้นที่เกิดขึ้นบริเวณด้านล่างของถังหมักเบียร์ (แต่ยังไม่ได้เรียกว่า Lager นะ)
ซึ่งกำเนิดจากชาวเยอรมันในแคว้นบาวาเรีย และ ชาวโบฮีเมียในสาธารณรัฐเช็กที่ในอดีตคือประเทศเช็กเกีย (ที่ว่ากันว่าเป็นชาวเยอรมันที่ไปอาศัยอยู่ที่นั้น) ในช่วงปี ค.ศ.1539
แต่ก็ Lager ก็ยังเป็นที่นิยมอยู่แค่ 2 ประเทศนี้เท่านั้น
ต่อมา ในช่วงปี ค.ศ. 1603 เนี่ย ชาวอังกฤษและชาวยุโรปชาติอื่น ๆ ก็ได้เริ่มสัมผัสกับรสชาติของ Lager กันมากขึ้น
(แต่ต้องบอกว่า Lager ที่เป็นสัญชาติเยอรมันหรือที่ชาวยุโรปดั้งเดิมดื่มกันนั้น จะมีสีและรสที่เข้มกว่า Lager ที่เราคุ้นหูคุ้นตากันทั่วไปมากเลย)
จนกระทั่ง… ในช่วงยุคทองของเบียร์ Lager ในศตวรรษที่ 19 (ประมาณปี 1840s) เหล่าผู้ผลิตเบียร์ Lager 3 คนอย่าง คุณ Anton Dreher เป็นชาวออสเตรีย, Gabriel Sedlmayr และ Josef Groll ที่เป็นชาวเยอรมัน ได้เริ่มการทดลองผลิตเบียร์ Lager ให้มีจุดเด่นเพิ่มเติมและทำให้เกิดเบียร์รูปแบบใหม่ ๆ
ยกตัวอย่างเช่น
การทำให้เบียร์มีสีอำพัน ซึ่งต่อมาได้กลายเป็น Amber Lager หรือ การเน้นจุดเด่นของสีเหลืองทองใส และทำให้ดื่มง่ายบ้าง ที่เรารู้จักกันในชื่อของ Pale Lager
Amber Lager
พอพูดถึงเบียร์ “Pilsner” แล้ว
เพื่อน ๆ ทราบไหมว่า Pilsner ถือว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเบียร์ที่มีต้นกำเนิดในอาณาจักรโบฮีเมีย ซึ่งคือสาธารณรัฐเช็กในปัจจุบัน
โดยผู้ให้กำเนิดเจ้าแรก จนมีสิทธิ์ในการใช้ชื่อ “Pilsner” ได้เพียงเจ้าเดียว คือแบรนด์ “Pilsner Urquell"" ในปีค.ศ.1842 ในเมือง Pilsen สาธารณรัฐเช็ก นั่นเอง
โดยจุดเด่นของ Pilsner ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่ชาวเยอรมันอย่างคุณ Gabriel Sedlmayr ได้ค้นพบสูตรการทำ Pale Lager คือ เน้นไปที่ ความสว่างใสในสีของเบียร์ รสชาติเบาและหอม
แน่นอนว่า คนส่วนใหญ่ในยุโรป ก็จะคุ้นชินกับเบียร์ที่มีสีและรสชาติที่เข้มข้น
พอเจอ Pilsner ที่มีลักษณะตรงกันข้ามหมดนี้ ก็ตกหลุมรักเลย
ในเวลาต่อมา Pilsner ก็ได้มีการส่งออกเบียร์ไปยังสหรัฐอเมริกา
แน่นอนว่า..ชาวอเมริกันก็ติดใจมาก ๆ เช่นกัน ถึงขนาดมีการผลิตเบียร์ ที่เป็นลักษณะเดียวกันกับ Pilsner หรือ Pale Lager เช่น แบรนด์ Budweiser ที่เราคุ้นตากัน
หรือการคิดค้นสูตร Light Lager อย่าง Coors Light และ Bud Light ออกมาให้เราเห็นกัน นั่นเอง (ซึ่งก็ได้แรงบันดาลใจมาจากความเบาหอมของ Pilsner)
โอะ ! พูดมาตั้งนาน เกือบลืมเรื่องราวของเบียร์ “Lager” ที่ไม่ได้มีสีเหลืองอำพัน หรือ ทองอร่าม กันเลย
Lager ประเภทนี้ จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มของ Dark Lager หรือ อาจจะเรียกว่า Black Lager ก็ได้
(บางแหล่งอ้างอิงจะเรียกทับเป็นแบบ German Lager ไปเลยก็มีเยอะนะ แต่เราขออนุญาตเรียกรวมไว้ เพื่อที่จะได้เห็นภาพชัดขึ้น)
ต้องบอกก่อนว่า ถึงแม้ Dark Lager จะมีสีเข้มจนออกไปถึงสีดำเนี่ย...
แต่เพื่อน ๆ อย่าสับสนว่ามันเป็น Porter หรือ Stout นะ เพราะอันนั้นเป็นประเภทของ Ale จ้า
(จุดแตกต่างก็อย่างที่กล่าวมาด้านบนเลยจ้า เรื่องของ Ale กับ Lager)
Dark Lager
Dark Lager ก็จะมีจุดเด่นที่ชัดเจนของมอลต์คั่ว
และถึงแม้ว่าจะมีสีเข้ม ก็รสชาตินั้นไม่ได้ขมตามสีของมันนะ แต่จะออกหวานอ่อน ๆ กลมกล่อมแทน และยังคงเอกลักษณ์บอดี้ที่เบา ความซ่าของลาเกอร์อยู่
ตัวอย่างของเบียร์ Dark Lager ที่น่าสนใจ ก็อย่างเช่น
“Bock”
Bock เป็น Dark Lager ที่เรียกได้ว่าเป็น Strong Lager จากเยอรมนี ที่ดั้งเดิมเป็นสีดำ (แต่มีการพัฒนาหลายสูตร และมีในส่วนของสี Amber หรือสีอำพัน และ สีทองแดงให้เห็นเยอะ)
Bock จะมีสีประมาณนี้จ้า
Bock เป็นหนึ่งในเบียร์ Dark Lager ที่มีความเป็นมาที่ยาวนานมาก (ประมาณศตวรรษที่ 14 เลย)
โดยมีการบันทึกว่า ปรากฎครั้งแรกที่เมือง Einbeck ทางตอนเหนือของประเทศเยอรมัน
โดย Bock เป็นเบียร์ที่มีเอกลักษณ์ของมอลต์และฮ็อปที่โดดเด่นมาก (โดยเฉพาะฮ็อป)
ซึ่งสมัยแรก ๆ เนี่ย Bock ได้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มของ Ale
ก่อนที่ในช่วงศตวรรษที่ 17 ประเทศผู้ผลิตฝั่งเยอรมันในเมืองมิวนิก ได้การปรับวิธีการผลิตของ Bock ให้เป็นแบบ Lager
และหลังจากที่ Pilsner กลายเบียร์ยอดนิยมของฝั่งอเมริกาได้ไม่นาน
ชาวเยอรมันที่อพยพไปอยู่ที่อเมริกา ก็ได้มีการเผยแพร่สูตรการผลิต Bock
ผสมเข้ากับสายพันธุ์ฮ็อปใหม่ ๆ ของอเมริกา จนได้คลอดออกมาเป็น American bock beer หรือที่รู้จักกับในชื่อ Wisconsin bock นั่นเอง
หากเราจะลงไปดูในโลกของ Bock แล้ว ต้องบอกว่า มีอีกมากมายเลยทีอาจกล่าวถึงไม่ไหว เช่น Helles bock, Doppelbock, Eisbock และ Pale Bock
Pale Bock สีจะอ่อนขึ้นมาหน่อยนะ คล้าย ๆ Amber Lager
Dark Lager อีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจ ก็คือ Dunkel (อ่านว่า ดุงเกล)
Dunkel หรือที่เรามักจะรู้จักกันในชื่อของ “เบียร์ดำ” เพราะคำนี้มีความหมายว่า “ความมืด” ในภาษาเยอรมัน (ลักษณะภายนอกเนี่ย อาจคล้ายกับเบียร์ดำของ Guinness แต่ว่า...ไม่เหมือนกันเลยละนะ)
Dunkel
Dunkel เรียกได้ว่าเป็น Dark German Lager กำเนิดที่เมืองมิวนิก นิยมผลิตกันมากในแคว้นบาวาเรีย
มีจุดเด่นคือ มอลต์ที่คั่วเข้มจนมีสีดำ พร้อมให้รสชาติมอลต์ที่นุ่มนวล
แน่นอนว่า Dunkel เอง ก็ตามไปเป็นที่นิยมถึงฝั่งอเมริกาอีกเช่นกัน (เอาอีกละนะ โยงมาอีกแล้วนะเราน่ะ…)
โดยชาวอเมริกัน จะนิยมดื่ม Dunkel คู่กับอาหารประเภทบาร์บีคิว
[ขอเพิ่ม คหสต.] สำหรับเรานะ พอพูดถึง Dark Lager ตัวพวกเรากลับนึกถึงยี่ห้อ “ເບຍລາວ” มาก่อนเพื่อนเลย ยังไม่เข้าใจเหมือนกัน อาจเพราะเข้าถึงง่ายก็เป็นได้
(เชื่อว่าเพื่อน ๆ แฟนเพจประเทศลาวที่อ่านอยู่ น่าจะคุ้นเคยกับเบียร์ลาวกันอย่างดี ส่วนตัวเราว่าอร่อยไม่แพ้เบียร์ Dark Lager ของยุโรปเลยละ)
หลังจากที่เราอ่านเรื่องราวของ Lager กันมาพอหอมปากหอมคอ
อันที่จริงแล้ว เบียร์ Lager ยังมีอีกหลายประเภทมากเลยนะ ที่ยังไม่ได้กล่าวถึง
ยกตัวอย่างเช่น
- Amber Lager พวกกลุ่มลาเกอร์สีอำพัน (จะสีคล้าย ๆ Ale) ตัวอย่างที่ดีก็ Vienna Lager, Rauchbier (Smoked Beer)
- Specialty Lager หรือพวก Hybrid Beer ตัวอย่างที่ดีก็เช่น Steam Beer, Cream Ale, Herb & Spice จำพวกเบียร์ที่ทำผลิตและหมักด้วยพืชสมุนไพรหรือเครื่องเทศตามฤดูกาล
อ่านจนถึงตรงนี้ เพื่อน ๆ อาจเริ่มมองเห็นเบียร์ Lager ในมุมมองที่หลากหลายมากขึ้น เพราะว่า บางความเข้าใจของเรา อาจเป็นแค่ 1 มุมมองของ Lager
ยกตัวอย่างเช่น
- Lager ดื่มง่าย ผลิตง่าย เห็นทั่วบ้านทั่วเมืองเลย
>> จริง ๆ แล้ว Lager แต่ไม่ได้ผลิตง่าย แบบที่เราเข้าใจกัน (ไม่ว่าจะ Ale หรือ Lager ก็มีความยากในการผลิตเหมือนกัน)
- Lager เป็นพวกเบียร์แอลกอฮอล์ต่ำ สำหรับมือใหม่ ...
>> จริง ๆ แล้ว Lager แอลกอฮอล์สูงแบบ Ale ก็มีให้เลือกเยอะมากเลยละ
- Lager ดูน่าเบื่อ เพราะไม่มีลูกเล่นรสชาติเยอะเท่า Ale
>> ตอนแรกเราเคยเชื่อแบบนี้นะ แต่พอได้มาลอง Amber Lager (พวก Vienna) หรือ Dark Lager อย่างพวก Bock หรือแม้กระทั่ง Pale Lager ของทางเยอรมัน (พวก Paulaner) ก็ค่อนข้างสนุกใช้ได้เลยละ
ถึงตรงนี้ พวกเราก็ขออนุญาตจบเรื่องราวสาระสบายสมอง ไว้ที่ตรงนี้ 🙂
หากมีข้อมูลคลาดเคลื่อนประการใด พวกเราต้องกราบขออภัย ในแบบของมือใหม่หัดเรียนรู้ มา ณ ที่นี้
แหล่งอ้างอิงเพิ่มเติม
-หนังสือ "TASTING BEER" 2nd edition โดย Randy Mosher
-หนังสือ "The Beer Bible" โดย Jeff Alworth
-หนังสือ “Beer for Dummies” โดย Marty Nachel และ Steve Ettlinger
โฆษณา