5 ต.ค. 2021 เวลา 01:30 • ไลฟ์สไตล์
มารู้จัก Ginger Ale เครื่องดื่มซู่ซ่า ที่แอบให้ประโยชน์หลากหลาย !
1
เอาง่ายๆเลย Ginger Ale ก็คือเครื่องดื่มน้ำขิง ที่ผ่านกระบวนการหมักกับน้ำตาล จนเกิดแก๊ซคาร์บอนไดออกไซด์ ผสมกับน้ำมะนาว จึงทำให้เกิดรสชาติ เปรี้ยวหวานซ่า อร่อยลงตัว
1
ในส่วนของข้อมูลในเบื้องต้น
วันนี้พวกเรา InfoStory ก็ขอนำภาพสวยๆด้านล่างนี้ ช่วยพาเพื่อนๆไปเข้าใจกับ Ginger Ale มากขึ้นกัน !
1
ต้องบอกว่า ที่มาของ Ginger Ale จริงๆแล้ว ว่ากันว่า มีต้นกำเนิดมาจาก Ginger Beer
ทั้งคู่เป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมสำคัญคือ “ขิง” ที่เหมือนกัน
แต่ แตกต่างจากวิธีการหมักธรรมชาติด้วยยีสต์ ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เกิด แอลกอฮอล์ ใน Ginger Beer นั่นเอง
1
Ginger Beer มีต้นกำเนิดมาจาก เครื่องดื่มน้ำขิง หรือ ชาขิง ที่ได้ประโยชน์จากขิง นิยมใช้เป็นยารักษาโรค จำพวกระบบย่อย ท้องและลำใส้ ต่างๆ ตั้งแต่สมัย 500 ปีก่อนคริสตศักราช จากชาวจีน และ ชาวอินเดีย
1
หลังจากนั้น ชาวอังกฤษที่รักในการดื่มสุรา ก็ได้เริ่มลองนำน้ำขิง ที่ว่านี้ เข้ามาผสม
1
ผลปรากฎคือ รสชาตินั้น มีความหลากหลาย และ แปลกใหม่มาก
ว่ากันว่า Ginger Beer เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ยอดนิยมมากๆ ในยุคสมัยวิกตอเรียน(ประมาณปี ค.ศ. 1851) และ ถูกคิดค้นขึ้นในเมืองยอร์กเชียร์ ประเทศอังกฤษ เป็นที่แรก
1
ต่อมา Ginger Ale ก็ได้ถูกพัฒนามาต่อ ด้วยคอนเซปต์ที่คล้ายคลึงกับ Ginger Beer คือ ต้องการรสสัมผัส และ คุณประโยชน์จากน้ำขิง เพียงแต่ต้องการให้เป็นที่นิยมและดื่มได้ทุกวัยมากกว่า
รสชาติจึงมีความเบาบางลง เน้นความหวานจากน้ำตาล และ ความเปรี้ยวจากมะนาวที่มากขึ้น และ พัฒนาให้ไม่มีแอลกอฮอล์ (จากการหมักด้วยวิธีที่แตกต่างกันออกไป)
1
ซึ่ง Ginger Ale นี้เอง ได้ถูกอ้างว่า คิดค้นขึ้นโดยศัลยแพทย์ชาวไอริช นามว่า “Thomas Joseph Cantrel” ที่เมือง Belfast (ไอร์แลนด์เหนือ)
1
หลังจากนั้น Ginger Ale ก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น โดยการพัฒนาครั้งสำคัญคือ “Dry Ginger Ale” ที่ถูกพัฒนาโดย เภสัชกรชาวแคนาดา มีนามว่า “John J. McLaughlin”
โดยแรกเริ่มเดิมทีในปี1890 คุณ McLaughlin เขาเป็นผู้ผลิตน้ำโซดาอยู่แล้ว
และ คุณ McLaughlin ก็เริ่มคิดว่า เขาเริ่มอยากจะสร้างรสชาติให้กับน้ำโซดาของเขา
1
จนกระทั่งในปี 1907 เขาก็ได้จดสิทธิบัตรกับเครื่องดื่ม Dry Ginger Ale เจ้าแรก กับชื่อที่เราคุ้นเคยอย่าง “Canada Dry Ginger Ale” นั่นเอง
1
โฆษณา