12 ก.ค. 2021 เวลา 10:31 • อาหาร
pretzel bread
เล่าให้ฟัง​ วันจันทร์.-
คริสต์ศตวรรษ​ที่​ 7​ น้ำตาลเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก​ ชาวยุโรป​สมัยกลาง​ (ยุคมืด)​ บ้างถึงขนาดเก็บน้ำตาลใส่ตู้ล้อกกุญแจให้มิดชิด
ไขมันสัตว์​เองก็ต้องสงวนไว้สำหรับทำสบู่ ทำเทียนไขบ้าง​ และใช้หล่อลื่น​ (เพลาเกวียน)​ ดังนั้นอาหารส่วนใหญ่จึงต้มเอา..
เมื่อเราทำเพรตเซิล จึงลองไปค้นสืบสาวราว​เรื่อง ​ก็ได้ความว่า ประมาณ​ คศ​. 610​ แถวๆ​ อิตาลีตอนเหนือนั้น​ มีเด็กๆ​ น่ารัก​ประพฤติตัวดี​ และมีพระจิตใจดีงามละแวกแถวนั้นได้สร้างสรรค์เพรตเซิลขึ้นมา
ในฤดูถือบวช​ พระนักทำขนมปังจิตใจงามที่ว่า​ มีแนวคิดที่จะให้รางวัลเด็กๆ​ ที่ประพฤติตัวดี​ เอาใจใส่ต่อการเรียนบทสวดภาวนา​
เขาจึงอบขนมปังไม่ใส่ผงฟูแล้วบิดแป้งโดว์ให้ดูไปแล้วคล้าย​ "แขนสองข้างที่วางทาบไขว้ไว้กับอกยามสวดภาวนาวิงวอน" แล้วนำไปอบ​ และได้ตั้งชื่อขนมนี้เป็นภาษาลาตินว่า​ "เปรติโอลา -​รางวัลเล็กๆ​ น้อยๆ"
จากนั้นเพรตเซิล​ ได้รับความนิยม​ป้อปปูล่า​ ในยุคมืดนี้​ ดังปรากฏในงานศิลปะและวรรณกรรมจำนวนมาก​ นัยว่าเป็นสัญญลักษณ์​แห่งโชคลาภ​ อายุยืนยาว
ต่อมายังมีเรื่องเล่าอีกว่า​ เพรตเซิล​ ยังมีส่วนช่วยกรุงเวียนนาให้พ้นภัยจากการรุกรานของชาวเติร์ก​
ช่วงกลางดึกกองทัพเติร์กกำลังขุดอุโมงค์​ลับลอดใต้กำแพงเมืองเพื่อโจมตีเวียนนา​ และเวลานั้นเองเป็นเวลาที่ช่างทำขนมชาวเวียนนากะดึกกำลังง่วนอยู่กับการทำเพรตเซิล​ เพื่อความสดใหม่ของขนมที่จะมอบให้ลูกค้าประจำ​ (เหมือนพี่หมู​ ร้าน​ Bread​ Books​ Bike & Beer เลย​ ฮาา)​ พวกช่างทำขนมได้ยินเสียงขุด​จึงแจ้งทางการและขัดขวางไว้ได้​ กษัตริย์​เองก็ให้รางวัลในความชอบนี้​โดยมอบตราอาร์มรูปเพรตเซิลแก่ช่างทำขนมปัง​ และถ้าคุณมีโอกาสไปเที่ยวเวียนนาจะสังเกตเห็นตราอาร์มนี้ติดไว้ที่หน้าร้านขนมปังจนทุกวันนี้
ที่มา-- History of the world โดย​ Erik Sass & Steve Wiegand และพวก
โฆษณา