12 ก.ค. 2021 เวลา 11:17 • นิยาย เรื่องสั้น
สำหรับพาร์ทนี้จะค่อนข้างยาวนะครับ ผมไม่อยากย่อเท่าไรเพราะกลัวจะหมดสนุก เพราะเรื่องราวของนารายณ์อวตารตั้งแต่ปางที่6เป็นต้นไปจะเข้มข้นขึ้นเป็นกอง
ดังนั้นสำหรับตอนนี้ ผมจะยกมาแค่2ปาง คือ
ปางที่ 6 และ 7 ตามลำดับ
ปางที่6
"ปรศุรามาวตาร" (परशुराम अवतार)
หลังจากที่ หิรัณยักษะ หรือ ชัย ถูกวราหะสังหาร วิญญาณของเขาก็ได้ไปเกิดใหม่เป็น ราวัณ/ราวณะ หรือ ที่เรารู้จักกันดีในนาม "ทศกัณฐ์"
ราวัณ/ราวณะ หรือที่ไทยเรารู้จักกันดีในนาม ทศกัณฐ์
ราวณะเป็นจอมรากษสผู้เก่งกาจ มีอิทธิฤทธิ์มากมายหาผู้ใดเทียบได้ การแผ่ขยายอิทธิพลของราวณะจึงเริ่มต้นขึ้น แต่แล้วก็ต้องมาสะดุดกับ พระราชาองค์หนึ่งแห่งเมืองมหิษบดีปุระนามว่า "กัตตวีรยะอรชุน" กัตตะวีรยะอรชุน หรือ "อรชุนพันมือ" ผู้มีแขนนับพัน บางตำราก็ว่าเป็นอสูร บางตำราก็ว่าเป็นมนุษย์ (อรชุนคนนี้เป็นคนละคนกับอรชุนในมหาภารตะ) อรชุนพันมือนั้นเป็นลูกศิษย์เอกของ พระทัตตเตรยะ หรือพระตรีมูรติ(ของจริง)นั่นเอง อรชุนพันมือมีความสามารถมากมายไม่ต่างจากราวณะ ราวณะนั้นได้ยินชื่อนี้ก็คิดจะโค่นล้มให้ได้เพื่อให้ตนได้เป็นเบอร์1 จึงยกทัพไปรบกับอรชุน
อรชุนหาได้กลัวราวณะไม่ จึงรับคำท้าและสู้รบกับราวณะเป็นเวลานาน และแล้วความทะเยอทะยานของราวณะก็สิ้นสุดลงเมื่ออรชุนสามารถปราบราวณะลงได้ และจับมัดแห่ประจานทั้งเมือง สร้างความเจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจให้ราวณะเป็นอย่างมาก จนถึงขั้นญาติผู้ใหญ่ของราวณะต้องมาขอร้องอรชุนให้ยกโทษให้ราวณะด้วยเถิด อรชุนจึงปล่อยวางความโกรธลง และปล่อยราวณะให้เป็นอิสระ หลังจากนั้นทั้งสองจึงกลายเป็นสหายกันเรื่อยมา เรียกว่า ทศกัณฐ์ หายซ่าไปอีกสักพักใหญ่ๆ
กษัตริย์อรชุนพันมือ หรือ กัตตะวีรยะอรชุน
ไม่ต้องไปโฟกัสอะไรกับราวณะครับ ไว้ปางต่อไปเดี๋ยวเขามีบทเอง
อรชุนนั้นมีทั้งอำนาจและความเก่งกาจอยู่ในมือหามีผู้ใดเทียบได้ จึงสามารถคานอำนาจกับเหล่าพราหมณ์ได้เต็มที่เพราะไม่มีใครกล้าหือกับเขา ตรงนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้ พระวิษณุ อวตารลงมาเพื่อช่วยเหลือเหล่าพราหมณ์
2
พระวิษณุอวตารลงไปเกิดเป็นบุตรคนสุดท้องจสกบุตรห้าคนของ"ฤๅษีชมทัคนี" มีนามว่า "ราม" เมื่อเติบโตขึ้น รามเป็นผู้มีความรอบรู้ในพระเวท ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนตามรอยบิดา นอกจากนี้ รามก็ยังชำนาญในศิลปะการต่อสู้อีกตัว รามได้บำเพ็ญเพียรต่อองค์ศิวะพระมหาเทพ จนพระศิวะพอใจ ได้รับตัวเป็นศิษย์และได้มอบขวานวิเศษให้เป็นอาวุธ จึงได้ชื่อใหม่ว่า "ปรศุราม" ปรศุ แปลว่าขวาน ดังนั้น ชื่อใหม่นี้จึงมีความหมายว่า "รามผู้ถือขวาน"
วันหนึ่ง นางเรณุกา มารดาของปรศุราม ไปเห็นพระราชาและเจ้าหญิงพลอดรักกันริมน้ำก็เกิดตัดพ้อและเสียมจที่ตนต้องแต่งงานกับฤๅษีใช้ชีวิตลำบาก แถมฤๅษีก็เอาแต่บำเพ็ญเพียร ความรู้ไปถึงหูฤๅษี ท่านก็โกรธมาก จึงได้บอกให้ลูกชายทั้ง4คนไปฆ่าแม่ แต่ไม่มีใครกล้าทำ ฤๅษีจึงสาปให้ทั้ง4คนเป็นบ้า แล้วรอเรียกรถโรงพยาบาลบ้ามารับ(มุข)
ทีนี้ก็เหลือแค่ปรศุราม ฤๅษีชมทัคนี ได้ไปบอกเรื่องนี้แก่ปรศุราม แรกๆ ปรศุรามก็ไม่เห็นด้วย แต่ก็ด้วยเกรงจะไก็รับอันตรายแบบพี่ๆ จึงไปขอขมาแม่แล้วฆ่าแม่ทันที
ฤๅษีชมทัคนีกล่าวชื่นชมปรศุรามพร้อมกับให้พร ปรศุรามขอพรสามข้อคือ 1.ขอให้ชุบชีวิตมารดา 2.ขอให้ถอนคำสาปจากเหล่าพี่ๆ 3.ขอให้ตนมีอายุยืน และมีฤทธิ์เดช
ซึ่งฤๅษีชมทัคนีก็พอใจและประทานพระให้
วันหนึ่งที่ไม่มีใครอยู่อาศรม นอกจากนางเรณุกา กษัตริย์อรชุนพันมือ ได้เสด็จผ่านมา นางเรณุกาได้ต้อนรับและได้ให้แม่โคศุรภี ซึ่งเป็นโคสารพัดนึกขออะไรก็ได้ เสกอาหารออกมาต้อนรับขบวนเสด็จจนอิ่มหนำสำราญ อรชุนพันมือพอใจเป็นอย่างยิ่ง จึงเอ่ยปากขอแม่โคศุรภีพร้อมกับบอกว่าอยากได้อะไรก็จะยอมหามาให้
แม่โคสุรภี
แต่นางเรณุกาปฏิเสธเนื่องจากว่า หากตนให้แม่โคไป ตนก็จะไม่มีอาหาร และอรชุนก็มีทรัพย์สมบัติอยู่มากมายเหตุใดจึงจะเอาโคไป
" ถ้างั้นไม่เอาแม่โคก็ได้ แต่ขอลูกโคแทนละกัน เขาน่าจะมีฤทธิ์เหมือนกัน " อรชุนต้องการเช่นนั้น
แต่นางเรณุกาไม่อยากให้ พรากลูกจากแม่ จึงปฏิเสธไปอีก ทีนี้พอขอนั่นก็ไม่ได้ ขอนี่ก็ไม่ได้ อรชุนจึงอาละวาดบริเวณอาศรมและจับลูกโคกลับวังไป
เรื่องไปถึงหูปรศุราม ท่านก็โกรธจัดจนถึงขีดสุด ท่านได้ถือขวานเพชรบุกไปยังเมืองมหิษบดี และต่อสู้กับอรชุน อรชุนหากลัวไม่เพราะขนาด ราวณะ ตนยังเอาชนะได้ถึงขั้นมันร้องขอชีวิต กะแค่พราหมณ์คนหนึ่งจะต้องกลัวอะไร
ปรศุรามเข้าต่อสู้กับอรชุนพันมือ
ว่าแล้วทั้งสองก็เข้าต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่สำหรับปรศุรามต่างจากราวณะอย่างมาก อรชุนสู้ได้ไม่นานก็ถูกปรศุราม ฆ่าตายในที่สุด แล้วแย่งโคกลับคืนมาได้
แต่เรื่องมันไม่จบแค่นั้นครับ เมื่อเหล่าโอรสของอรชุนทราบเรื่องจึงพากันมาแก้แค้น แต่แทนที่พวกเขาจะไปสู้กับปรศุรามโดยตรง ดันไปฆ่าฤๅษีชมทัคนี เสียชีวิต
ปรศุรามแค้นใจยิ่งนักจึงได้สาบานว่า
"กูจะล้างบางวรรณะกษัตริย์ให้หมดทั้งแผ่นดิน"
และแล้วมหกรรมการแก้แค้นของปรศุรามก็เริ่มขึ้น ปรศุรามไล่สังหารเหล่าโอรสของอรชุน ตลอดจนกษัตริย์เมืองต่างๆ จนหมดทั้งแผ่นดินนี้ เหลือเพียงแค่ เชื้อพระวงศ์ที่เป็นเด็กและผู้หญิงเท่านั้น
จึงได้มีการไปเชิญพราหมณ์มาทำพิธีนิโยค (ให้พราหมณ์หลับนอนกับราชินี หรือเจ้าหญิง เนื่องจากได้สูญเสียสวามี โดยการทำพิธีนิโยค เป็นไปเพื่อการสร้างทายาทเพื่อจะได้เป็นกษัตริย์ในอนาคตเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาแบบสามีภรรยา) และแล้ว วรรณะพราหมณ์จึงถือเป็นวรรณะผู้ให้กำเนิดวรรณะกษัตริย์อีกครั้ง
หลังจากแก้แค้นสำเร็จ ปรศุรามสำนึกได้ถึงบาปของตนจึงหลบหายจากสังคมไปบำเพ็ญตบะไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก อีกต่อไป
ปรศุราม ปะทะกับ พระพิฆเนศ
วันหนึ่ง ปรศุรามเดินทางไปเข้าเฝ้าพระศิวะ แต่เมื่อมาถึงเขาไกรลาศ พระพิฆเนศก็ออกมาขวางไว้ จึงได้เข้าปะทะกัน เขาได้ขว้างขวานไปถูกงาพระพิฆเนศหัก สิ่งที่ตามมาคือ เขาได้ถูกพระแม่ปารวตีสาป ทำให้อิทธิฤทธิ์หายไปเกือบหมด พระวิษณุได้อวตารเป็นพราหมณ์มาช่วยโดยทำการรำให้พระแม่ได้ทรงทอดพระเนตร โดยเมื่อพระแม่ให้พรกับพราหมณ์น้อย พราหมณ์น้อยก็ได้กล่าวถึงความดีงามที่ปรศุรามได้ทำ พระแม่จึงได้คืนอิทธิฤทธิ์ให้ พระวิษณุทรงแบ่งครึ่งหนึ่งให้ปรศุราม และอีกครึ่งหนึ่งให้พระพิฆเนศ
ตรงนี้เป็นที่มาของการรำฉุยฉายพราหมณ์ นั่นเอง
ฉุยฉายพราหมณ์
นอกจากนี้ ปรศุรามยังเป็น อาจารย์ของเหล่านักรบชั้นยอดมากมายในมหาภารตะ เช่น กรรณะ ภีษมะ และ โทรณาจารย์ เป็นต้น
คราหนึ่งเจ้าหญิงอำภา ได้มาขอให้ปรศุรามไปฆ่า ภีษมะ ที่มีปัญหากับตน แต่การต่อสู้ยาวนานถึงขั้นที่ว่า พระศิวะ ต้องทรงลงมาห้ามการต่อสู้ด้วยตนเองเพราะเกรงว่าโลกธาตุจะสั่นสะเทือนและจะเกิดความเสียหาย
ถึงแม้ว่าจะถูกลดทอนอิทธิฤทธิ์ไปแล้ว แต่การต่อสู้ของทั้งสองร้ายแรงถึงขั้นที่มหาเทพต้องมาห้ามเอง ก็นับว่าไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง
ปรศุราม ปะทะ ภีษมะ
สำหรับในไทย ก็มีเรื่องของ ปรศุราม เช่นกัน โดยกล่าวว่า ปรศุรามก็คือ รามสูร ที่ไล่แย่งแก้วมณี ของนางมณีเมขลานั่นเอง
หากเราสังเกตุดีๆจะพบว่า เรื่องราวของปรศุรามนั้นคล้ายกับเรื่องรามสูรพอสมควร เช่น มีขวานเป็นอาวุธ เป็นผู้มอบธนูแด่พระราม ศัตรูชื่ออรชุนเช่นเดียวกัน และอรชุนคนนั้นก็ยังเคยชนะทศกัณฐ์เหมือนกันอีกด้วย เพียงแต่ในไทยไม่ได้นับรามสูรเป็นนารายณ์อวตาร
ปางที่7
รามาวตาร (रामावतार)
อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่า ชัย หรือหิรัณยักษะได้มาเกิดเป็น ราวัณ/ราวณะ หรือ ทศกัณฐ์ ส่วน วิชัย หรือ หิรัณยกศิปุได้มาเกิดเป็น กุมภกรรณ โดยกุมภกรรณขอพรให้ตนเองหลับอยู่ตลอดเวลา แต่ก็หยั่งรู้ถึงความเป็นไปของโลก โดยเวอร์ชั่นอินเดียของวาลมิกินี้ กุมภกรรณนั้นเก่งกว่าราวณะเสียอีก
ประติมากรรม กุมภกรรณ ที่เกาะบาหลี อินโดนีเซีย
นอกจากนี้ราวณะหลังจากได้รับพร ที่จะไม่มีผู้ใดฆ่ามันได้แล้ว นอกจากมนุษย์ มันก็เที่ยวอาละวาดไปทั่ว วันหนึ่งพี่แกได้ไปอาละวาดยกเขาไกรลาสหมายจะแสดงอิทธิฤทธิ์ใส่พระศิวะ แต่ พระศิวะที่ประทับอยู่บนไกรลาส ท่านทรงลุกขึ้นและกระทืบท้าวลงที่พื้นเพียงครั้งเดียวเขาไกรลาสก็หล่นทับมือราวณะ จนต้องแหกปากร้องอยู่นับโกฏิปี เสียงร้องของราวณะดังไกลมากจนได้ชื่อว่า "ราพณาสูร" แปลว่า อสูรผู้มีเสียงร้องดังกึกก้อง
ราวณะได้ร้องเพลงศิวะทาณฑวะขับกล่อมจนพระศิวะให้อภัยและช่วยเอามือออกให้ หลังจากนั้นราวณะก็กลายเป็นสาวกเบอร์หนึ่งของพระศิวะอีกคน
ส่วนพระนารายณ์ แน่นอนว่า ต้องอวตารมาเกิดเป็น "ศรีราม" หรือที่ไทยเราเรียกว่า "พระราม"
พระรามเป็นโอรสองค์โตของท้าวทศรถ โดยท้าวทศรถมีมเหสีสามพระองค์คือ
1. พระนางเกาศัลยา (ไทยเรียก เกาสุริยา)
มีโอรสนาม "ศรีราม" เป็นโอรสองค์โต
2. พระนางสมุทรชา (ไทยเรียก สมุทรเทวี)
มีโอรสแฝดนาม "ลักษมัณ" และ "ศัตรุฆน์" เป็นโอรสองค์ที่3และ4
3. พระนางไกเกยี (ไทยเรียก ไกยเกษี)
มีโอรสนาม "ภรต" เป็นโอรสองค์ที่2
เจ้าชายทั้งสี่ได้รับการฝึกหัดศึกษาจาก ฤๅษีวศิษฐ์ และ ฤๅษีวิศวมิตร จนวันหนึ่งก็ได้เข้าร่วมพิธีสยุมพร พระธิดา ของ ท้าวชนก หรือ ท้าวมาลัยธวัช แห่งเมืองมิถิลา โดยศรีรามได้ยกมหาธนูขึ้นได้ แต่ แต่ แต่ ปรศุราม จากปางเมื่อกี้ ก็ได้โผล่เข้ามาแล้วอาละวาด บอกว่า นี่เป็นธนูที่ตนรับผิดชอบ ท้าวชนกจะมาทำแบบนี้ไม่ได้ แต่แล้ว ปรศุราม ก็ได้พบว่า ศรีราม ก็คือนารายณ์อวตารเช่นกัน จึงเข้าใจและไม่ขัดขวาง พร้อมกับยกธนูให้ศรีรามไปเลย ศรีรามจึงได้ อภิเษกสมรสกับ เจ้าหญิงสีดา ลักษมัณ อภิเษกกับ อูมิรา ภรต อภิเษกกับมาณทวี และ ศัตรุฆน์ อภิเษกกับ ศรุตเกียรติ
ลักษมัณ ศรีราม และนางสีดา
หลังจากนั้น ภรตและศัตรุฆน์ ได้ไปช่วยราชการที่เมือง ไกเกยะ เมืองของพระอัยกา ซึ่งตอนนั้นท้าวทศรถก็พระชนมายุมากแล้ว จึงหมายมั่นปั้นมือให้ศรีราม ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอโยธยา แต่ พระนางไกเกยี ก็ทวงสัญญาเดิมที่ทั้งคู่เคยสัญญากันไว้ เพราะว่า ไกเกยีเคยช่วย ท้าวทศรถ ตอนศึก ท้าวทศรถ ซาบซึ้งน้ำใจ จึงสัญญาว่า หากต้องการสิ่งใดตนก็จะให้ มาจนถึงตอนนี้ นางได้ทวงสัญญาโดยขอให้ทรงเรียกภรตกลับมา และ เนรเทศพระรามไปอยู่ป่า 14 ปี เหตุเพราะว่า นางรับใช้ของพระนางไกเกยี ไม่ถูกกับศรีราม จึงยุยงพระนาง
ท้าวทศรถทรงกริ้วยิ่งนัก แต่ก็จำต้องทำตามขัตติยะมานะ ให้ศรีรามออกป่าไปทั้งน้ำตา โดยมี ลักษมัณ และ สีดา ติดตามไปด้วย แล้วท้าวทศรถก็ผูกใจเจ็บพระนางไกเกยี ถึงขั้นไม่อนุญาตให้เผาผีกันเลย เมื่อ ภรต และ ศัตรุฆน์ กลับมา ก็ต้องเศร้าเสียใจจากการที่ท้าวทศรถสวรรคต ภรต ยังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่แม่ตนมาทำแบบนี้อีก
เมื่อภรตขึ้นครองอโยธยา ก็ได้ออกตามหาศรีราม เมื่อได้พบก็จึงทูลเชิญให้กลับมาเป็นกษัตริย์ แต่ด้วยขัตติยะมานะ ศรีรามจึงปฏิเสธ แล้วบอกให้รอให้ครบ14ปีก่อน ภรตจึงทูลขอรองพระบาทของศรีราม ไปวางไว้ที่หน้าบัลลังก์เป็นตัวแทน แล้วตนก็ดูแลอโยธยารอวันที่ศรีรามจะกลับมา
ศรีราม ลักษมัณ และสีดา ออกบวชเป็นฤๅษีได้สักพักหนึ่ง วันหนึ่ง นางศูรปนขา(สำมนักขา) น้องสาวราวณะ พยายามเข้าไปอ่อย แต่ สองหนุ่มไม่เล่นด้วยจึงวิวาทกัน นางได้กลับไปฟ้องราวณะ และบอกว่า เมียของฤๅษีสวยมาก ให้ไปฉุดมาแก้แค้นที่ตนโดนทำร้าย ราวณะจึงไปฉุดนางสีดามาโดยส่งกวางทองไปหลอกล่อ ให้พระรามตามไปแล้วหาทางฉุดนางสีดามา ระหว่างทาง นกชฎายุ(สดายุ)ได้พบเห็นเหตุการณ์และเข้าขัดขวาง แต่ก็พลาดท่าถูกราวณะฆ่าตาย
ศรีรามและลักษมัณพบชฎายุในสภาพปางตาย ก่อนที่ชฎายุจะชี้ทางที่ราวณะหนีไป
หลังจากนั้น ศรีรามและลักษมัณเมื่อได้เบาะแสก็ออกรวบรวมกองทัพพลพรรควานรเพื่อบุกไปโจมตีกรุงลงกา โดยศรีรามเข้าไปช่วยสุครีพที่กำลังมีปัญหากับพาลีพี่ชายของตน สุดท้ายพาลีถูกยิงเสียชีวิต สุครีพได้ครองกรุงขีดขินและร่วมกับศรีรามในการเดินทางไปยังกรุงลงกา โดยมี หนุมาน องคต ชมพูพาน(หมี) นล นีละ ศุเสน ฯลฯ เข้ามาเป็นนักรบ โดยหนุมาน องคต และชมพูพานได้ล่วงหน้าไปสืบข่าวทางไปกรุงลงกาก่อน หลังจากที่หนุมานไปยังกรุงลงกาและสืบข่าวเรียบร้อยพร้อมกับเผาบ้านเมืองเขาเสียเละตุ้มเป๊ะ ศรีรามโกรธมากว่าถ้าหากราวณะโมโหจัดจนฆ่านางสีดาจะทำอย่างไร แต่วิภีษณะ(พิเภก)ก็ห้ามไว้และบอกว่าราวณะคงไม่กล้าทำแบบนั้นแน่
หนุมานเผากรุงลงกา
หลังจากนั้นก็มีการถมทะเล ซึ่งคุมงานโดย นละ(ในไทยคือนิลนนท์) เมื่อพร้อมแล้ว กองทัพวานรก็บุกเข้าประชิดกรุงลงกา เกิดการต่อสู้ขึ้นหลายครั้ง ฝ่ายรากษสที่กรุงลงกา ก็ต้องเสียนักรบฝีมือดีไปมาก ญาติโกโหติกา จนในที่สุดราวณะก็ไปปลูุกกุมภกรรณออกรบ กุมภกรรณ นั้นรู้ดีว่า ศรีรามคือพระนารายณ์อวตาร สู้ไปยังไงก็แพ้ แต่ด้วยความเป็นทหารจึงจำใจออกรบ และยังได้บอกอีกว่า อย่าได้หาคนนำทักออกไปเสี่ยงอีก เพราะหากตนแพ้ศรีรามก็ไม่มีใครชนะแน่ และผลก็คือ แพ้ กุมภกรรณหรือ หิรัณยกศิปุ/วิชัย ก็หลุดพ้นจากชาติที่สองดวงวิญญาณเตรียมไปเกิดเป็นอสูรในชาติสุดท้าย หลังจากนั้น เมฆนาท หรือ อินทรชิต ได้มาออกรบและก็ตายตามอาไป ราวณะจึงนำทัพเอง รบพุ่งกับศรีรามอยู่นาน จนในที่สุด ศรีรามก็เอาชนะราวณะได้ และราวณะ หรือ หิรัณยักษะ/ชัย ก็ได้เสียชีวิตตามน้องชายไป เตรียมไปเกิดในชาติสุดท้ายเช่นกัน
แล้ววิภีษณะ ก็ได้ขึ้นปกครองกรุงลงกาสืบไป
ตั้งแต่ระยะเวลาที่ศรีรามถูกเนรเทศเป็นระยะเวลา 14 ปี
แล้วศรีรามก็รับนางสีดากลับสู่กรุงอโยธยา เมื่อเสร็จพิธีลุยไฟแล้ว ทุกคนก็อยู่กันด้วยกันอย่างมีความสุข
จริงๆแล้ว มันก็ควรจะจบแค่นั้นล่ะ
แต่
มันมีกัณฑ์ที่แต่งเพิ่มมาอีกคือ "อุตตรกัณฑ์"
ตอนจบดาร์คกว่า รามเกียรติ์ไทยมาก
โดยว่าด้วยเรื่องชีวิตบั้นปลายของศรีราม หลังจากที่นางสีดาผ่านพิธีลุยไฟแล้ว แต่ก็มีคนบางคนครหาว่า นางสีดาอาจไม่บริสุทธิ์นางอาจเป็นผู้มีมลทินมัวหมองก็ได้เพราะไปอยู่เมืองรากษสมาตั้ง14ปี แล้วมันก็เหมือนเป็นอุปาทานหมู่ เริ่มเชื่อกันไปเรื่อยๆ จนก่อให้เกิดม็อบขับไล่นางสีดา สุดท้ายศรีรามก็จำใจต้องขับไล่นางออกไป แม้ตนจะยังเชื่อมั่นนางอยู่(ซึ่งตรงนี้ส่วนตัวผมมองว่าปัญญาอ่อนมากๆ แต่มันก็คงเป็นค่านิยมโบราณ)
หลังจากนั้น นางสีดาที่ทรงครรภ์อ่อนๆก็ร่อนเร่มาจนพบ ฤๅษีวาลมิกิ ผู้ที่เป็นคนรจนาเรื่องรามายณะนี้เอง ฤๅษีวาลมิกิได้ให้ที่พักพิงและไม่นานนางสีดาก็ได้คลอดโอรสแฝดนามว่า พระกุศ(มงกุฎ) พระลวะ(พระลบ) ฤๅษีวาลมิกิได้รจนาเรื่องรามายณะให้ทั้งสองฟัง จนเข้าใจที่มาของมารดาตน
ฤๅษีวาลมิกิคอยดูแลพระกุศและพระลบ
ต่อมา ศรีรามได้กระทำพิธีอัศวเมธ ฤๅษีวาลมิกิได้พาพระกุศและพระลบไปด้วย
ฤๅษีได้ให้ทั้งสองสวดเรื่องรามายณะ ในพิธีทั้งคู่ก็ได้สวดไปเรื่อยๆจนถึงตอนที่ศรีรามเนรเทศนางสีดา ศรีรามกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
ฤๅษีวาลมิกิอยากให้ทั้งคู่ปรับควาทเข้าใจกันจึงได้เชิญนางสีดาออกมา แต่นางยังคงโกรธศรีรามมาดที่ไม่เชื่อใจตน นางได้ประกาศยืนยันในความบริสุทธิ์ของตน นางกล่าวต่อแม่พระธรณีว่าหากนางเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ของให้แผ่นดินรับเอานางไปอยู่ด้วย
เมื่อสิ้นเสียง แผ่นดินก็ได้แยกตัวออกนางได้เดินลงไปในรอยแยกนั้นและหลังจากนั้นแผ่นดินก็เคลื่อนเข้าต่อกันราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ศรีรามยิ่งเสียใจหนักกว่าเก่า แต่ก็ทำอะไรไม่ได้จึงได้รับเอาโอรสทั้งสองเข้ามาเลี้ยงดูในวังสืบมา
ถ้ารามเกียรติ์ไทยเรา เพิ่มเติมที่ มีการเจรจาหลายครั้ง ถึงขั้นพระศิวะ ต้องเข้ามาช่วยปรับความเข้าใจ จนทั้งพระรามและนางสีดา พระมงกุฎ พระลบ ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
แต่อินเดียไม่ใช่
หลังจากนั้นศรีรามก็ปกครองอโยธยาจนถึงวัยไม้ใกล้ฝั่ง ลักษมัณ ได้ปล่อยให้ฤๅษีทุรวาสเข้ามาพบศรีรามโดยไม่ได้อนุญาต ลักษมัณจึงโดนเนรเทศและไปสิ้นใจอยู่ที่แม่น้ำสรยุ กลับคืนไปเป็น อนันตนาคราช ดังเดิม
ต่อมาก็ถึงคิวของศรีราม พระกาฬได้พยายามเข้าไปเอาวิญญาณของศรีราม แต่หนุมานก็ขวางไว้อย่างสุดกำลัง พระกาฬสู้จนหมดแรง ถึงขั้นขอร้อง แต่หนุมานก็ไม่ยอม จนต้องใช้วิธีแอบเข้าห้องบรรทมในรูปของวิญญาณไปเจรจากับศรีรามให้หลอกล่อหนุมาน ศรีรามจึงโยนแหวนไปในร่องแล้วให้หนุมานตามไปเก็บ หนุมานรีบลงไป แต่ก็ใช้เวลาอยู่นานมาก จนสุดท้ายก็กลับมาไม่ทัน พระกาฬได้เชิญดวงวิญญาณของศรีรามมาแล้วก็ได้กลับกลายเป็น พระวิษณุ คืนสู่วิมานไวกูณฐ์ประทับบนบัลลังก์อนันตนาคราช ถือ คฑา สังข์ สุทรรศนจักร เคียงคู่พระแม่ลักษมี ดังเดิม พร้อมกับวิญญาณของเหล่าทหารวานรที่ได้ละสังขารแล้ว ก็ได้กลับคืนเป็นเหล่าเทวดาดังเดิมที่ได้เคยอวตารลงมาเช่นกัน
แต่ก็ยังมีผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อหลังจากนั้นเช่นกัน เช่น หนุมานที่ได้รับพรว่า จะมีชีวิตอยู่ตราบที่ยังมีคนบูชาพระราม(ซึ่งในศตวรรษที่21นี้ก็ยังคงมีอยู่) ชาวฮินดูเชื่อว่า ทุกวันนี้ หนุมานก็ยังคงมีชีวิตอยู่เช่นกัน
เป็นอย่างไรกันบ้างกับพาร์ทสองครับ
ก่อนอื่นเลยผมต้องขออภัยจริงๆที่ดำเนินการล่าช้า เพราะ รามายณะนั้นค่อนข้างยาวครับ ขนาดผมค้นหาแบบย่อๆก็ยังใช้เวลา
ผ่านไปแล้ว7ปาง ทวาปรยุค ยังคงดำเนินต่อไป พาร์ทหน้า เราจะจัดเต็มไปเลย กับ ประวัติย่อ พระกฤษณะ (แบบโคตรย่อ) ปางเดียวทั้งพาร์ท
รอติดตามอ่านนะครับ
ขอบพระคุณทุกๆท่านที่ได้ติดตามอ่านมาจนถึงตรงนี้ครับ
โฆษณา