14 ก.ค. 2021 เวลา 00:30 • สุขภาพ
งานวิจัยจากบราซิลพบว่าหลังฉีด Sinovac ไป 4 เดือน ระดับภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์แกมม่าลดลงจนไม่สามารถตรวจวัดได้ (Not detected)
1
บราซิลต้องเผชิญกับเชื้อโควิดกลายพันธุ์แกมม่า (P.1/สายพันธุ์บราซิล) มาโดยตลอดและถือเป็นสายพันธุ์หลักที่ครองการระบาดในพื้นที่ จนมีงานวิจัยที่ศึกษาความดื้อของสายพันธุ์นี้ต่อระบบภูมิคุ้มกัน ตีพิมพ์ในวารสาร The Lancet เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2021
โดยทีมวิจัยได้ทดสอบความดื้อของสายพันธุ์แกมม่าต่อพลาสมาของกลุ่มตัวอย่าง 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ติดเชื้อโควิดตามธรรมชาติ และ กลุ่มที่ได้ฉีดวัคซีน ซึ่งถือว่าเป็นพลาสมาที่มีระบบภูมิคุ้มกันแล้ว มาทำ virus neutralization assay รายงานออกมาเป็นค่า VNT50 หรือ ค่าที่พลาสมาสามารถยับยั้งไวรัสได้ 50%
ทำการทดลองโดยใช้สายพันธุ์ B เป็นตัวเปรียบเทียบ; สายพันธุ์ B คือสายพันธุ์ที่แยกได้จากผู้ป่วยโควิดเคสแรกในบราซิลเมื่อ กุมภาพันธ์ 2020 ถือเป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมของประเทศบราซิล
[ กลุ่มตัวอย่าง ]
👥 กลุ่มที่ติดเชื้อโควิดและหายแล้ว : 21 คน
👥 กลุ่มที่ฉีดวัคซีน Sinovac 53 คน แบ่งย่อยได้เป็น
- กลุ่มที่ฉีดวัคซีนเข็มเดียว เก็บพลาสมาหลังจากฉีดเข็มแรก 20-23 วัน : 18 คน
- กลุ่มที่ฉีดวัคซีนครบสองเข็ม เก็บพลาสมาหลังจากฉีดเข็มสอง 17-38 วัน : 20 คน
- กลุ่มที่ฉีดวัคซีนครบสองเข็มตั้งแต่การทดลองเฟส 3 ของ Sinovac ในประเทศบราซิล เก็บพลาสมาหลังจากฉีดเข็มสอง 134-260 วัน : 15 คน
[ ผลการทดลอง ]
🔺 พบว่าพลาสมาของกลุ่มที่ติดเชื้อโควิดและหายแล้ว มีความสามารถในการต่อต้านสายพันธุ์แกมม่าลดลง เปรียบเทียบกับสายพันธุ์ B ถึง 8.6 เท่า
1
- ค่า VNT50 ต่อสายพันธุ์แกมม่า = 30
- ค่า VNT50 ต่อสายพันธุ์ B = 260
🔺 ส่วนพลาสมาของกลุ่มที่ฉีดวัคซีน Sinovac เข็มเดียว ไม่พบว่ามีการ neutralization เกิดขึ้นต่อสายพันธุ์แกมม่า แสดงว่าระดับภูมิคุ้มกันมีน้อยจนไม่สามารถสู้กับสายพันธุ์แกมม่าได้ แต่ยังพอสู้กับสายพันธุ์ B ได้บ้าง
- ค่า VNT50 ต่อสายพันธุ์แกมม่า = below the limit of detection หรือ น้อยจนตรวจไม่ได้
- ค่า VNT50 ต่อสายพันธุ์ B = 20
🔺 พลาสมาของกลุ่มที่ฉีดวัคซีน Sinovac ครบทั้งสองเข็ม เก็บพลาสมาหลังจากฉีดเข็มสอง 17-38 วัน ยังพอต่อสู้กับสายพันธุ์แกมม่าได้บ้าง โดยลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์ B ประมาณ 3 เท่า
- ค่า VNT50 ต่อสายพันธุ์แกมม่า = 24
- ค่า VNT50 ต่อสายพันธุ์ B = 75
🔺 พลาสมาของกลุ่มที่ฉีดวัคซีน Sinovac ครบทั้งสองเข็มตั้งแต่การทดลองเฟส 3 ของ Sinovac เก็บพลาสมาหลังจากฉีดเข็มสอง 134-260 วัน ไม่พบว่ามีการ neutralization เกิดขึ้นต่อสายพันธุ์แกมม่า แสดงว่าระดับภูมิคุ้มกันมีน้อยจนไม่สามารถสู้กับสายพันธุ์แกมม่าได้ แต่ยังพอสู้กับสายพันธุ์ B ได้บ้าง
- ค่า VNT50 ต่อสายพันธุ์แกมม่า = below the limit of detection หรือ น้อยจนตรวจไม่ได้
- ค่า VNT50 ต่อสายพันธุ์ B = 20
จากภาพจะเห็นว่ากลุ่มที่ฉีด Sinovac เข็มเดียว และ หลังฉีดครบสองเข็มไป 4 เดือน ระดับภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์แกมม่า (P.1) ซึ่งแสดงด้วยจุดสีชมพูและสีเขียว มีน้อยมากจนตรวจไม่ได้ (Not detected) [DOI: https://doi.org/10.1016/S2666-5247(21)00129-4]
[ สรุป ]
▪️ สายพันธุ์แกมม่ามีความสามารถในการหลบหนีภูมิคุ้มกันได้
1
▪️ ระดับภูมิคุ้มกันที่ได้จากการติดเชื้อ สามารถต่อสู้กับสายพันธุ์ B ซึ่งเป็นสายพันธุ์ดั้งเดิมของประเทศบราซิลได้ดีมาก แต่สู้กับสายพันธุ์แกมม่าได้ลดลง 8.6 เท่า ถึงอย่างไรก็ตาม ระดับภูมิคุ้มกันที่ได้จากการติดเชื้อสามารถสู้กับไวรัสทั้งสองสายพันธุ์ได้ดีกว่าระดับภูมิคุ้มกันที่ได้จากการฉีดวัคซีน Sinovac
▪️ ระดับภูมิคุ้มกันที่ได้จากการฉีดวัคซีน Sinovac เข็มเดียว รับมือกับสายพันธุ์แกมม่าไม่ได้เลย
▪️ ระดับภูมิคุ้มกันที่ได้จากการฉีดวัคซีน Sinovac ครบโดสทั้งสองเข็ม หลังฉีดเข็มสอง 17-38 วัน ยังพอสู้กับไวรัสสายพันธุ์แกมม่าได้บ้าง
▪️ ระดับภูมิคุ้มกันที่ได้จากการฉีดวัคซีน Sinovac ครบโดสทั้งสองเข็ม หลังฉีดเข็มสอง 134-260 วัน หรือ เมื่อเวลาผ่านไป 4-9 เดือน พบว่าระดับภูมิคุ้มกันลดลง จนรับมือกับสายพันธุ์แกมม่าไม่ได้เลย
🌸 ความเห็นส่วนตัว
เนื่องจากยังไม่มีงานวิจัยของ Sinovac ต่อสายพันธุ์เดลต้าออกมาเลย และตอนนี้ประเทศไทยกำลังรับมือกับสายพันธุ์เดลต้า ที่สามารถหลบหนีภูมิคุ้มกันได้ใกล้เคียงสายพันธุ์แกมม่า แต่แพร่เชื้อได้ง่ายกว่า ดังนั้นการศึกษานี้อาจพอบอกอะไรเราได้บ้าง​
2
อย่างที่เขียนไปในบทความก่อนหน้า เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนสลับระหว่าง Sinovac-AstraZeneca ถึงแม้จะยังไม่มีประเทศไหนทำ และมีข่าวต่างประเทศรายงานว่าประเทศไทยมีการให้ฉีดสลับเข็ม 1 และเข็ม 2 ระหว่าง Sinovac-AstraZeneca เป็นที่แรก แต่การฉีด Sinovac ครบทั้งสองเข็ม ในสถานการณ์ขณะนี้ก็ดูเหมือนไม่เพียงพอที่จะควบคุมการระบาด ดังนั้น ถ้าฉีด Sinovac เข็มแรกไปแล้ว อาจพิจารณาการฉีด AstraZeneca เข็มสองเพื่อการป้องกันที่ดีกว่า
แต่ยังเน้นว่าสิ่งที่ควรทำที่สุดคือการฉีด AstraZeneca ทั้งสองเข็ม หรือฉีดวัคซีนอื่นที่มีประสิทธิภาพสูงพอที่จะป้องกันได้มากกว่า ดังนั้นแผนระยะยาวควรจะเป็นการนำวัคซีนอื่นๆเข้ามาให้มากที่สุดและเร็วที่สุด
References >>

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา