17 ก.ค. 2021 เวลา 12:38 • ปรัชญา
"การบวชที่แท้จริง"
"... การบวชที่แท้จริง
เป็นเรื่องของสภาวธรรม
เริ่มต้นจากการที่เรามีศีลก่อน
ศีล ๕ ก็คือ ความเป็นปกติของกาย วาจา ใจ
1
ไม่เบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น
เป็นพื้นฐาน ความไม่เบียดเบียน
จากนั้นเมื่อเราฝึกสติปัฏฐาน
จนเริ่มจิตตั้งมั่น เป็นสมาธิ
ศีล ๘ โดยสภาวธรรมก็เกิดขึ้น
ที่เรียกว่า การประพฤติพรหมจรรย์
หรือ การออกจากกามารมณ์ นั่นเอง
เมื่อใดที่โยมเข้าถึงสมาธิ
จิต จะออกจากกามารมณ์โดยธรรมชาติอยู่แล้ว
Photo by Alexandr Podvalny from Pexels
เพราะฉะนั้น บางที
เราไปยึดติดที่ศีล ๘ ที่เป็นเปลือกนอกเกินไป
ถึงเรานุ่งขาวห่มขาว ถือศีล ๘
แต่ใจเรายังข้องอยู่กับกามารมณ์
ยังไม่ใช่ระดับที่เรียกว่า
การประพฤติพรหมจรรย์
แต่ในทางกลับกันโดยสภาวธรรม
ถ้าโยมฝึกจนมีจิตใจที่ตั้งมั่น
จิตพรากออกจากกามารมณ์
มีจิตใจที่ตั้งมั่น
ศีล ๘ โดยสภาวธรรมถึงเกิดขึ้น
โยมอยู่ที่ไหน
นั่นคือการบวชแล้วโยม
ต่อให้โยมแต่งชุดฆราวาส
อยู่ที่ไหน นั่นก็คือการบวชแล้วโยม
คือ ‘บวชที่ใจ’ นั่นเอง
ตรงกันข้าม
ถ้าเป็นภิกษุห่มชายจีวร
แต่จิตข้องอยู่ในกามารมณ์
ก็ยังไม่ใช่การบวช โยม
เพราะฉะนั้น เข้าใจให้ถูกว่า
การบวชที่แท้จริง เป็นเรื่องของสภาวธรรม
เป็นเรื่องของจิตล้วน ๆ เลย
เมื่อใดที่โยมฝึกแล้ว
จิตสงัดจากกามและอกุศลธรรม
นั่นแหละ การประพฤติพรหมจรรย์ที่เกิดขึ้น
การบวชที่แท้จริง
เริ่มต้นตรงนั้น
ถ้าเราบวชเป็นพระภิกษุ
เป็นแม่ชี นุ่งขาวห่มขาว
แต่จิตเรายังไม่สามารถสงัดจากกามและอกุศลธรรมได้
ก็ยังไม่ชื่อว่า การบวช
บางทีแล้ว
มีโทษมีภัยมากกว่าเดิมด้วย
เพราะว่าเรานุ่งห่มผ้าที่เป็นธงชัยพระอรหันต์
แต่จิตเรายังไม่ได้มีความตั้งมั่นในระดับนั้น
1
เพราะฉะนั้น อย่าไปยึดติดว่า
เราต้องบวชเป็นพระ หรือ บวชเป็นชี
ให้ความสำคัญกับการบวชใจเป็นหลัก
อันนี้มันเป็นแค่เปลือกนอกเท่านั้นเอง
1
เพียงแต่ว่า ชีวิตนักบวช
เกื้อกูลต่อการปฏิบัติมากกว่า
แต่ทีนี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยที่เรามี
แต่สิ่งสำคัญที่เราทำได้เลย
ก็คือ ฝึก เพียรฝึกที่ใจได้เลย
2
ไม่ว่าเราจะอยู่เพศไหน ที่ไหน
เราก็บวชกันตรงนั้นแหละโยม
เมื่อใดที่เรามีจิตตั้งมั่น
การบวชเกิดขึ้นอยู่แล้ว
มันไม่ได้ต้องมีพิธีรีตรอง
มีการกล่าวคำใด ๆ ทั้งสิ้นหรอก
2
ทุกอย่างมันเกิดที่ใจ ก็จบที่ใจ นั่นแหละ
เมื่อใดโยมปฏิบัติธรรม
มีจิตตั้งมั่น
สงัดจากกามและอกุศลธรรม
การบวชที่แท้จริง จึงเริ่มต้น
ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้เกิดตลอดเวลา
ถูกไหม ?
เดี๋ยวจิตก็เคลื่อนออก
ก็ต้องอาศัยการฝึกฝน
จนกว่าโยมจะมีสติที่ตั้งมั่น ที่ทรงตัว
การประพฤติพรหมจรรย์
คือ การหลีกออกจากกามารมณ์นั่นเอง
จึงเกิดขึ้น
และแน่นอน ถ้าโยมสามารถรักษาใจให้ตั้งมั่น
มีสติตั้งมั่นอยู่เสมอ
ก็เป็นปฏิปทาที่น้อมไปเพื่อพระนิพพานอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้น เข้าใจให้ถูกว่า
การที่เราจะเข้าถึงความหลุดพ้นได้
ก็คือเราเดินตามอริยมรรคมีองค์แปด
เป็นฆราวาส เดินตามมรรคมีองค์แปด
ได้ไหมโยม ?
... ได้
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า
ชนเหล่าใด เจริญสติปัฏฐาน ๔ อยู่เนือง ๆ
จะปรารถนาความพ้นทุกข์หรือไม่ก็ตาม
ก็ทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
เพราะฉะนั้น ความสำคัญอยู่ที่
การที่เราเดินตามอริยมรรค
ปฏิบัติตรงทาง ตรงธรรม
เพศ เป็นแค่สมมมุติข้างนอกเท่านั้นเอง
สมัยนี้ เป็นเพศนักบวช
แต่ว่าใจไม่ได้เป็นนักบวชเยอะแยะไป
เพราะฉะนั้น เราให้ความสำคัญที่ใจเป็นหลัก
แต่ถ้าเราเอื้อ
เขาเรียกว่าเราสามารถเอื้อต่อการเป็นเพศนักบวชได้
มันก็เป็นสิ่งที่ดี
แต่เราให้ความสำคัญกับใจที่ตั้งมั่นเป็นหลัก
อยู่ที่ไหนแล้วใจตั้งมั่นได้
การบวชก็ที่นั่นแหละโยม
ที่นั่นก็เป็นวัด
ที่นั่นก็เป็นที่ปฏิบัติธรรม
ต่อให้โยมอยู่ในที่ ที่วุ่นวายจอแจ
ท่ามกลางความวุ่นวายในโลก
แต่ถ้าโยมเกิดรักษาใจให้ตั้งมั่น
อยู่ท่ามกลางนั้นได้
วัดก็เกิดที่ใจนะ โยม
ความเป็นพระ เกิดที่ใจของโยมนั่นแหละ
คำว่า ‘ความเป็นพระ’ ก็คือ
สิ่งที่เขาเรียกว่าความประเสริฐ นั่นเอง
ก็คือสภาวะที่มีใจผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
ในธรรมนั่นเอง
ความเป็นพระ วัดกันโดยสภาวธรรม
มันไม่ใช่เรื่องของเพศสมมุติข้างนอก ... "
.
ธรรมบรรยายโดย
พระมหาวรพรต กิตฺติวโร

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา