29 ก.ค. 2021 เวลา 01:58 • ปรัชญา
"ทวนกระแสโลก พบกระแสธรรม"
1
"... การทวนกระแส
ที่สุภาษิตโบราณท่านกล่าวว่า
"น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย"
4
น้ำเย็นคือบางที
เราอยู่กับโลกไป
ไหลไปตามกระแสสบายอยู่ดี ๆ
สุดท้ายมันก็ไหลลงต่ำ
ธรรมชาติมันไหลลงต่ำ
ก็ตกต่ำไปเรื่อย ๆ
แต่น้ำร้อนปลาเป็น
คือบางทีเราเจอทุกข์ในโลกนี้
มันทำให้เราขวนขวาย
ที่จะหาทางดับทุกข์
1
เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา
มันมีคุณค่าทั้งหมดนะ
1
แม้กระทั่งบทเรียนทุกอย่าง
ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรา
หลายคนเคยผ่านความเจ็บปวด
ผ่านความทุกข์ทรมานต่าง ๆ
ความเจ็บปวดก็ให้คุณค่านะโยม
อย่าไปทุกข์ อย่าไปน้อยใจ
กับโชคชะตาที่เกิดขึ้น
ทุกสิ่งทุกอย่างมันให้คุณค่า
ในตัวมันเองทั้งนั้น
1
ความเจ็บปวด
มันทำให้เราตระหนักรู้ว่า
โลกมันทุกข์เพียงใด
มันทำให้เราตื่นขึ้นมา
ที่ขวนขวาย
ที่จะหลุดออกจากวังวนตรงนี้
"น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย"
บางทีถ้าเราใช้ชีวิตสบายไปในโลก
เราอาจจะไม่ได้ขวนขวาย
เข้าหาธรรมะเลยก็ได้
สุดท้ายเราก็จะไหลลงต่ำ
ไปตามธรรมชาติที่มันไหลลงต่ำ
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าโยม
จะเผชิญกับปัญหา อุปสรรคอะไร
จะผ่านความเจ็บปวด
ทุกข์ทรมานมาเพียงใด
อย่าไปท้อแท้ในโชคชะตา
ทุกอย่างมันให้คุณค่าอยู่แล้ว
เห็นทุกข์จึงเห็นธรรม
เปลี่ยนความเจ็บปวด
ความทุกข์ทรมานเหล่านั้น
วางใจให้ถูกว่าสิ่งเหล่านี้
มันก็ไม่ได้คงอยู่ตลอดไป
มันเป็นสิ่งชั่วคราว
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก
มันก็ล้วนเป็นสิ่งชั่วคราว
บางคนมีหนี้สินมาก
หนี้สินมันก็เป็นของชั่วคราว
มันเป็นของชั่วคราวของโลก
วางใจให้ถูก
เราก็ทำทุกอย่างไปตามหน้าที่
ตามสมมุติของโลก
แต่วางใจให้ถูกว่า
ความเจ็บปวดก็ดี ความทุกข์ทรมานก็ดี
สิ่งต่าง ๆ ก็ดี
มันก็เป็นเพียงของชั่วคราว
สุดท้ายก็ต้องจากไป
เราจะไปยึดยื้อฉุดกระชากไว้
มันก็ไม่ได้ด้วย
มันก็ต้องจากกันไปอยู่ดี
แต่ความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมาน
มันทำให้เราเกิดความตระหนักรู้
เห็นโทษภัยในวัฎสงสาร
ชีวิตบนมนุษย์โลก
พระผู้มีพระภาคเจ้าอุปมาประดุจ
"หยาดน้ำบนยอดหญ้า"
กลางคืนน้ำค้างมันลง
พอรุ่งอรุณขึ้นมา
มันย่อมเหือดแห้งไปเร็วฉันใด
เปรียบเหมือนหยดน้ำ
ที่หยาดลงในกระทะอันเดือด
ย่อมเหือดแห้งไปเร็วฉันใด
เหมือนกระพริบตา แป๊บเดียว
ที่เราว่าเราใช้ชีวิตมาหลายสิบปี
แต่เมื่อเทียบกับชีวิตในวัฏฏะ
มันแป๊บเดียวเอง
แต่สิ่งที่เราทำไว้
มันส่งผลอย่างยาวนาน
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ดี หรือไม่ดีก็ตาม
เพราะฉะนั้น การใช้ชีวิตอย่างประเสริฐ
เป็นสิ่งที่พวกเราทุกคน
ควรตระหนักรู้ขึ้นมา
ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ผู้ที่เห็นโลกตามความเป็นจริง
แม้มีชีวิตอยู่เพียงวันหนึ่ง คืนหนึ่ง
ก็ประเสริฐกว่าใช้ชีวิตมาร้อยปี
แต่ยังหลับใหล
อย่าได้น้อยใจในโชคชะตา
ในสิ่งต่าง ๆ ที่เราต้องเผชิญอยู่
ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่
ยังมีลมหายใจอยู่
เรามีโอกาสที่จะปลดปล่อยตัวเอง
ออกจากวงจรตรงนี้ได้
มันจะมีโอกาสอันใด
ที่มันสำคัญกว่านี้
ส่วนใหญ่บนโลก
ก็ไม่ได้เกิดการตระหนักรู้ขึ้นมา
จากโลกนี้ไป
โดยที่ไม่ได้เข้าถึงสิ่งที่มัน
เป็นสาระจริง ๆ ของการมีชีวิต ..."
.
ธรรมบรรยายโดย
พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
ขอบคุณรูปภาพจาก : Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา