29 ก.ค. 2021 เวลา 09:45 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
รายงานหนังทำเงินในอเมริกาเหนือ 23-25 กรกฎาคม; หนังใหม่มาโนช ‘Old’ ทำได้ดีเกินคาด เอาชนะ ‘Space Jam: A New Legacy’ และหนังเปิดตัวใหม่ ‘Snake Eyes’ ได้สำเร็จ
หนังทำเงินในอเมริกาเหนือ 23-25 กรกฎาคม จากรายงานของวาไรตี สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หนัง ‘Old’ ของเอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน เปิดตัวดีเกินคาด ขึ้นอันดับ 1 ด้วยรายได้ 16.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เขี่ยแชมป์เก่า ‘Space Jam: A New Legacy’ และหนังเปิดตัวใหม่ด้วยกัน ‘Snake Eyes’ โดยหนัง ‘Space Jam’ ทำรายได้ตกฮวบฮาบ ส่วน ‘Snake Eyes’ ก็ทำเงินได้ต่ำกว่าที่คาดกันไว้ จนหนังของผู้กำกับมาโนชเข้าวินที่ 1 อย่างที่เห็น
โดย ‘Old’ อาจจะไม่ใช่งานที่ทำให้อึ้ง หรือต้องอ้าปากค้างในตอนจบ เหมือนที่ชยามาลานเคยทำไว้ใน ‘The Sixth Sense’ แต่ก็ทำให้เห็นว่า บ็อกซ์ออฟฟิศในยุคโรคระบาด รวมไปถึงการปล่อยหนังแบบไฮบริด หรือกลยุทธการจัดจำหน่ายใหม่ ๆ นั้น มัน ‘เถื่อน’ และ ‘คาดเดา’ ไม่ได้ขนาดไหน ขณะเดียวกันความมั่นคงก็ยังดูท่าจะอีกนานกว่าจะเกิดขึ้น เพราะไวรัสกลายพันธุ์เริ่มทำให้ยอดของผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง โดยล่าสุดในเขตลอสแอนเจลีส ตลาดหนังที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ต้องประกาศให้กลับมาสวมหน้ากากอนามัยกันอีกครั้ง
เดวิด เอ. กรอสส์ผู้บริหารของแฟรนไชส์ เอนเตอร์เทนเมนต์ รีเสิร์ช บริษัทที่ปรึกษาทางด้านภาพยนตร์ บอกว่าไวรัสายพันธุ์เดลตา ทำให้เกิดคามชะงักงันไม่ใช่แค่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ แต่ทั้งโลก
“กับการที่มีประชากรเพียงครึ่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกาที่ได้รับวัคซีน และปริมาณการฉีดทำได้แค่วันละราว ๆ ครึ่งล้านเข็ม ธุรกิจอาจจะพอทำกำไรกันได้ แต่จะให้กลับมาแข็งแรงมันต้องใช้เวลามากกว่านี้” กรอสส์ กล่าว
สำหรับผู้บริหารโรงภาพยนตร์ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีหนังเปิดตัวในวงกว้างเพียงแค่สองเรื่องเท่านั้น คือ ‘Old’ ของยูนิเวอร์แซล ที่ว่าด้วยครอบครัวซึ่งเดินทางไปพักร้อนที่ชายหาด ซ่งทำให้พวกเขาแก่ตัวลงอย่างรวดเร็ว กับ ‘Snake Eyes’ หนังที่เป็นเรื่องราวตอนกำเนิดของ ‘G.I. Joe’ จากพาราเมาท์ ที่ได้เฮนรี โกลดิง แสดงนำ ซึ่งทั้งสองเรื่องไม่ได้มีการเปิดตัวในแบบเดียวกับหนังซัมเมอร์เรื่องอื่น ๆ เช่น ‘Black Widow’ ที่ออกตัวในโรงพร้อมกับดูได้ทางดิสนีย์พลัสแบบจ่ายค่าชมเพิ่ม ส่วน ‘Space Jam: A New Legacy’ ก็เปิดตัวในโรงพร้อม ๆ เอชบีโอแม็กซ์ โดยไม่ต้องเสียค่าชมเพิ่ม แต่ ‘Snake Eyes’ ก็จะมีให้ชมในพาราเมานท์พลัส หลังเข้าโรงเพียง 45 วัน ขณะที่ ‘Old’ ก็ถูกส่งลงโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์เหมือนที่เคยเป็น
‘Snake Eyes’ ทำได้ดีที่สุดแค่อันดับ 2 ด้วยรายได้ 13.3 ล้านเหรียญสหรัฐจาก 3,521 จอ ส่วนในตลาดต่างประเทศก็ทำได้ไม่ดีนัก เมื่อทำรายได้เพียง 4 ล้านเหรียญสหรัฐจาก 37 ตลาด ซึ่งคิดเป็น 29% ของตลาดต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นความน่าผิดหวัง สำหรับหนังทุนสร้าง 88 ล้านเหรียญสหรัฐ และเป็นหนังที่มีที่มาจากงานซึ่งรู้จักกันได้ หนังเรทพีจี-13 เรื่องนี้ได้คะแนน บีลบ จากซีนีมาสกอร์ ส่วน ‘Old’ ได้คะแนนแย่กว่า เมื่อได้เพียง ซีลบ แต่ลายเซ็นในการทำงานของชยามาลาน น่าจะเรียกแฟนหนังได้ดี แล้วยังเป็นประเด็นแช็ตในโซเชียล มีเดีย รวมถึงกลายเป็นมีมฮิต
ในตลาดต่างประเทศ ‘Old’ ทำเงินได้ 6.5 ล้านเหรียญสหรัฐจาก 23 ประเทศ เท่ากับหนังเปิดตัวด้วยรายได้รวมทั่วโลก 20 ล้านเหรียญสหรัฐ กลายเป็นหนังชยามาลานที่เปิดตัวต่ำที่สุด แต่การที่ตัวเขาเป็นคนลงทุนสร้างเอง ด้วยงบที่ไม่มากนัก นั่นหมายความว่าหนังไม่จำเป็นต้องทำเงินมากมาย เพื่อให้ได้กำไร โดยมีรายงานว่า ‘Old’ ใช้ทุนสร้างไปราว ๆ 18 ล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่จิม ออร์ ประธานฝ่ายจัดจำหน่ายในประเทศของยูนิเวอร์แซล คาดว่า ‘Old’ น่าจะยืนระยะได้ยาว ในโรงภาพยนตร์ “เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน เป็นเจ้าของสถิติที่ไม่น่าเชื่อ” ออร์กล่าว พร้อมกับชมทีมการตลาดของสตูดิโอ “นี่เป็นหนังทำการตลาดยาก เพราะคุณไม่อยากบอกอะไรที่มากเกินไป”
และบางทีเซอร์ไพรส์ที่สุดในสไตล์ชยามาลาน ที่เกิดขึ้นก็คือ การที่หนังล้ม ‘Space Jam: A New Legacy’ ที่เลอบรอน เจมส์ ประกบกับตัวการ์ตูนลูนีย์ ทูนส์ได้ สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หนังตกมาถึงที่สี่ ด้วยรายได้ 9.5 ล้านเหรียญสหรัฐในการฉายสัปดาห์ที่สอง ซึ่งน้อยกว่าสัปดาห์เปิดตัวถึง 69% ที่ทำไว้ 31 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกมองกันว่ารายได้ของหนังในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาอของหนัง น่าจะอยู่ที่ราว ๆ 15 – 18 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะตกลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า 45%-50% ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ในช่วงโรคระบาด จากที่ผ่าน ๆ มา หนังครอบครัวมักจะเป็นข้อยกเว้น สามารถยืนระยะได้ยาว ๆ แต่การฉายพร้อมกันทั้งในโรงและสตรีมมิง บวกกับคำวิจารณ์ที่ไม่ดี น่าจะมีผลต่อยอดขายตั๋ว
ไม่ใช่แค่ตกจากที่ 1 แต่ ‘Space Jam’ ยังทำเงินน้อยกว่าหนังมาร์เวล สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน แสดงนำ ‘Black Widow’ ที่ฉายมาเป็นสัปดาห์ที่สามแล้ว หนังเก็บรายได้อีก 11.6 ล้านเหรียญสหรัฐจาก 4,250 จอ รายได้รวมในอเมริกาเหนืออยู่ที่ 154 ล้านเหรียญสหรัฐ แม้จะเป็นตัวเลขที่ดีในช่วงนี้ แต่ก็เป็นรายได้ที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับหนังเรื่องอื่น ๆ ในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล
ภาคต่อของ ‘Fast & Furious’ – ‘F9’ ยังอยู่ในท็อปไฟว์ หนังเก็บเงินอีก 4.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ในสัปดาห์ที่ห้าที่เข้าโรงหนังทำเงินในอเมริกาเหนือไปแล้ว 163 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังฉายมาเดือนกว่าหนังกำลังจะเป็นหนังฮอลลีวูดเรื่องแรกที่ทำเงินเกิน 600 ล้านเหรียญสหรัฐนับตั้งแต่เกิดโรคระบาด
ในอันดับอื่น ๆ หนังดรามา อัตชีวประวัติที่มาร์ค วอห์ลเบิร์ก รับบทนำ ‘Joe Bell’ อยู่ในอันดับ 11 ด้วยรายได้ 707,184 เหรียญสหรัฐจาก 1,094 จอ โดยหนังไม่ได้ใจนักวิจารณ์​เมื่อได้ค่าความสดในเว็บมะเขือเน่าแค่ 37% แต่ดูจะถูกใจผู้ชมมากกว่า เมื่อได้ค่าความสดจากคนดูบนเว็บเดียวกันถึง 80%
#MovieStory: 12 ฉากซิ่งที่ต้องจำ จากหนังชุด Fast & Furious อ่านเรื่องราวพร้อมชมคลิป ของหนังที่กลายเป็นเจ้าของสถิติใหม่เพียบในยุคโรคระบาด กันได้ที่นี่ >> https://bit.ly/3gGw6Q0 #Fast9 #F9 #sadaos #fastandfurious
อ่านแล้วชอบ อย่าลืมกดติดตาม และยังมีเรื่องราวมากมายให้อ่านได้ที่ www.sadaos.com และทำความรู้จักกันได้มากกว่านี้ด้วยการกดไลค์เพจ www.facebook.com/Sadaos และ www.blockdit.com/sadaos

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา