24 ก.ค. 2022 เวลา 07:47 • ไลฟ์สไตล์
บทที่ 1 : พิลา ในวัยเด็ก
ชีวิตในวัยเด็กของผมก็เป็นเพียงแค่เด็กบ้านนอกธรรมดานี่ล่ะครับ แต่ที่จะแตกต่างจากเพื่อน ๆ ก็เห็นจะเป็นที่ คุณพ่อ คุณแม่ ของผมเป็นครู แน่นอน ผมก็ต้องเรียนอยู่ในโรงเรียนที่ครอบครัวประจำอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นโรงเรียนที่ คุณแม่ ประจำอยู่เสียมากกว่า
การเดินทางไปโรงเรียนของผมนั้นก็ไม่ยากเลย เพียงแค่ลงบันไดบ้านก็ถึงโรงเรียนแล้ว เพราะผมอยู่บ้านพักครูประถมภายในโรงเรียนนั้นเอง สมัยนั้น บ้านพักครูจะเป็นบ้านไม้ยกสูง มันสูงมากสำหรับผมในวัยเด็ก ด้านบนบ้านจะมีโถงกว้าง ๆ มีห้องนอน 1 ห้อง ห้องครัว 1 ห้อง และ ห้องน้ำ 1ห้องขนาดก็ไม่ใหญ่นัก ด้านหน้าจะเป็นบันไดสูงชัน ส่วนบันไดด้านหลังคุณพ่อผมได้ดัดแปลง โดยใช้ไม้ทำเป็นทางลาด ไว้เอารถเครื่องขึ้นเก็บบนบ้านได้สะดวก
แบบบ้านพักครู ปี 2522 (Cr.BOBEC)
สมัยนั้นไฟฟ้าไม่ต้องพูดถึง ผมเกิดมาก็คุ้นเคยกับตะเกียงน้ำมันก๊าดเป็นหลัก ทั้งบ้านเรามีตะเกียงอยู่ 3 อัน
1
อันแรกจะเป็นตะเกียงกระป๋องแบบใส้ อันนี้ไว้ใช้เดินเข้าห้องน้ำ แสงก็จะไม่ค่อยสว่างนัก เวลาแม่เข้าห้องน้ำ ก็จะถือไปด้วยมันก็อันเล็กเหมาะมือดี อีกอันจะดีขึ้นมาหน่อย ก็คือจะเป็นตะเกียงแบบมีโป๊ะแก้วครอบ ผมรู้สึกว่ามันสว่างกว่าอันแรกมาก แล้วก็ใส่น้ำมันได้มากด้วย
ส่วนอันสุดท้าย จะเป็นตะเกียงแบบเดินทาง อันนี้จะมีแก้วครอบในตัวเลย ถอดไม่ได้เวลาเปิดฝาครอบ จะมีก้านยกเล็ก ๆ เพื่อยกครอบแก้วขั้น พอจุดไฟก็โยกก้านยกลง ให้แก้วครอบบังลมไฟไว้ สามารปรับความสว่างได้ด้วยการ บิดให้ใส้ตะเกียง สั้น หรือ ยาวออกมา หากใส้ตะเกียงยาวออกมามากมันก็จะสว่างขึ้นนั่นเอง
ภาพตามลำดับ Cr.internet
การหูงหาอาหารก็จะเป็นเตาถ่าน แม่ จะใช้โต๊ะนักเรียนเก่า ๆ มาตั้ง แล้วเอาเตาถ่านมาวางไว้ด้านบนเวลาแม่ก่อเตาควันก็จะขโมงไปทั้งบ้านเลยทีเดียว
ส่วนเมนูอาหารนั้น ก็หาได้ตามที่มีเพราะตลาดอยู่ห่างออกไปกว่า 10 กม. เลยดีเดียว แต่ก็ยังดีที่มีชาวบ้านที่ทำอาชีพค้าขาย ปั่นจักรยานไปกลับ ระหว่างหมู่บ้านที่ผมอยู่ และ ตัวอำเภอทุกวัน เพื่อเอาของมาขายในช่วงเย็น ซึ่งของที่ได้มานั้นก็จะมีไม่มากนัก เอาเท่าที่สามารถใส่จักรยานมาได้อาศัยไปมาทุกวันก็ขายหมด
พ่อ เล่าว่าเค้ามีหมูสดมาขายนะ ลุงแกซื้อหมูมาราว ๆ 2-3 กก. สำหรับเอามาขายให้คนทั้งหมู่บ้าน แต่จะซื้อเยอะไม่ได้ ต้องแบ่งให้คนอื่นบ้าง ดังนั้นหากบ้านผมอยากกินหมูทอด เค้าก็จะแบ่งขายให้ได้ราว 2-3 ขีด ก็ถือว่าเยอะมากแล้ว อีกอย่างเมื่อไฟฟ้าไม่มี ตู้เย็นก็จะไม่มีเช่นกัน ของสดจึงไม่มีที่เก็บนั้นเอง
ทุกเย็นผมกับพ่อจะไปนั่งรอลุงที่บ้าน เพื่อรอเวลาที่แกปั่นจักรยานมาถึง สำหรับผมแล้วสิ่งที่ตั้งตารอคือ “ขนมชั้น” สีเขียว ๆ ห่อใบตอง ราคาเท่าไรก็จำไม่ได้ แต่พ่อจะซื้อให้กินแทบทุกวัน ที่บอกว่าแทบทุกวัน เพราะว่าบางวันนั้นลุงไปถึงตลาดช้าของหมดก่อ ผมก็ต้องอกหัก อดกินขนมชั้นไปในวันนั้น
สำหรับเด็กสมัยนี้เวลาจะกินขนมชั้นก็ใช้ช้อนตักเลย แต่สำหรับผมในวัยเด็ก ต้องดึงกินที่ละชั้น ๆ มันก็จะสลับกันนะ ชั้นหวาน กับ ชั้นจืด แหม่! มันสุขใจยิ่งนัก
กับข้าวในบ้านนั้น มื้อดีหน่อยก็จะเป็นลาบหมูอันนี้มักจะได้กินวันสิ้นเดือน แต่มื้อปกติก็จะเป็น ไข่เจียว ต้มยำปลากระป๋อง ทอดปลา (เท่าที่พ่อหาได้จากสระหลังโรงเรียน) สำหรับข้าวนั้น บางวันก็ข้าวเหนียว บางวันก็ข้าวสวย เนื่องด้วยคุณแม่ผมเป็นคนกรุงเทพ แม่กินข้าวเหนียวมักจะรู้สึกไม่อิ่ม แต่ผมกินได้หมดเพราะผมกินเยอะอยู่แล้ว
ความบันเทิงในวัยเด็กที่หมู่บ้านนั้นทุกเย็นจะมี ทีวี กลางบ้านอยู่ที่บ้านผู้ใหญ่บ้านไฟฟ้าก็ได้มาจากเครื่องปั่นไฟนั่นเอง ทีวีจะตั้งบนโต๊ะ อยู่ใต้ต้นไม้ข้างบ้านผู้ใหญ่พอพลบค่ำก็จะเปิดไฟ 1 หลอด เพื่อให้ความสว่าง ชาวบ้านตั้งแต่ลูกเล็กเด็กแดง ไปจนถึงหัวหงอก ปูเสื่อนั่งดูกันเต็มไปหมด
มหรสพกลางบ้านนี้สิ้นสุดราวๆ 3 ทุ่มกว่า ก็แยกย้ายบ้านใครบ้านมัน ดีหน่อยตรงที่ผู้ใหญ่ไม่คิดเงินค่าดู แต่ด้วยบ้านแกเป็นร้านค้าอยู่แล้ว ก็อาศัยพอได้ขายของไปด้วยนั้นเอง
Cr.เพจโคราชในอดีต
ร้านของผู้ใหญ่บ้าน นอกจากจะมีน้ำอัดลม เหล้า บุหรี่ ขายแบบร้านขายของชำทั่วไปแล้วก็ยังมี “น้ำแข็งกั๊ก” ขาย ไอ้เจ้าน้ำแข็งกั๊กนี่นะ เป็นได้ทั้งของหวานสำหรับเด็ก และ ของบันเทิงสำหรับผู้ใหญ่เลยทีเดียว เวลาขายเค้าก็จะใช้ขวานขีด ๆ ให้เป็นเส้นก่อนที่จะใช้สันขวานเคาะให้แตก แล้วก็แบ่งขายกันไป
กรรมวิธีในการการเก็บก็ไม่ยาก เพราะเค้าจะเอาหมกไว้ในแกลบสุม ๆไว้ ก็พอยืดอายุได้นานอยู่ สำหรับผมจะได้กินน้ำแข็ง หรือ น้ำเย็นก็ต่อเมื่อพวกผู้ใหญ่เค้าตั้งวงกัน แต่ก็นั้นล่ะที่บ้านผมตั้งวงบ่อยมาก ผมเลยได้พลอยได้กินน้ำแข็งบ่อยหน่อย พ่อ จะเคาะให้เป็นก้อนเล็ก ๆ ยื่นให้ เท่านี้ผมก็ได้กินไอติมในจินตนาการแบบเย็นชื่นใจ
Cr. https://pantip.com/topic/39689127
ผมลืมเล่าเรื่อง “น้ำ” ไป เรื่องน้ำนี่ก็สำคัญทั้งน้ำกิน น้ำใช้ มาว่ากันที่น้ำใช้ก่อน อันนี้ไม่ยาก เพราะในโรงเรียนจะมี “ปั้มโยกน้ำบาดาล” อยากได้น้ำก็เอาถังไปใส่เอา ทุกเย็น พ่อ แม่ ลูก จะมีถังน้ำคนละคู่ไว้ไปหาบน้ำมาใช้ที่บ้าน หรือ วันไหนไม่มีคน พ่อ ก็จะพาอาบน้ำมันตรงนั้นเลย
ผมขอเล่าเรื่อง“ปั้มโยกน้ำบาดาล”นี้ก่อน ตัวปั้มโยก จะทำมาจากเหล็ก หล่อขึ้นรูปทรงกระบอก มีก้านโยกด้านหลัง ด้านในก็จะเป็นกลไกในการดูดน้ำขึ้นมา เพื่อออกทางปากกระบอกด้านข้าง
ตรงกันข้ามกับก้านโยก บริเวณที่มีการเจาะบ่อบาดาลนั้น เค้าก็จะเทปูนไว้ให้เรียบ เพื่อไม่ให้หญ้าขึ้นปกคลุม ช่วงที่น้ำใต้ดินมีเยอะ หรือ กลไกของปั้มทำงานได้ดี ก็ไม่ยากเพียงแค่ออกแรงเบา ๆ กดคันโยก น้ำก็จะถูกดูดขึ้นมาแบบใสแจ๋วเลย แต่สำหรับผมในวัยเด็ก มันหนักมาก ที่สำคัญ ตอนกดลงแล้วมันดีดกลับ คันโยกจะดีดค่อนข้างแรงหากไม่ระวัง อาจได้แผลที่คาง หรือ โดนดีดที่คางมึน ๆ กลับบ้านก็ได้ (เด็กสมัยนั้นรู้ดี)
แต่ถ้ากลไกปั้มมันเสีย หรือ น้ำใต้ดินมีน้อย ก็ต้องมีกรรมวิธี “ล่อน้ำ” กันหน่อย กล่าวคือ เราก็ต้องเอาน้ำกรอกลงไปทางปากปั้มด้านบน แล้วปิดรูน้ำออกไม่ให้น้ำที่กรอกไหลออกหมด เราต้องการให้น้ำลงไปในท่อให้มาก จากนั้นก็ปัม ๆ ให้น้ำขึ้นมา เพราะด้านในมีน้ำที่เรากรอกลงไปแล้ว มันก็จะทำให้เกิดสูญญากาศ ดึงน้ำใต้ดินขึ้นมานั้นเอง
น้ำบาดาลกินได้มั๊ย ผมตอบเลยว่า กินได้สิ ยิ่งเวลาเล่นเสร็จเหงื่อออกร้อน ๆ เราก็ไปโยก ๆ แล้วรีบวิ่งมาด้านหน้า ใช้มือรองน้ำเข้าปากกินไปด้วย ล้างหน้าไปด้วย แหม่!! เย็นชื่นใจชะมัด แต่รสชาติของมันก็จะแปลก ๆ สักหน่อยจะออกเปรี้ยว ๆ เพราะเป็นน้ำที่ผ่านท่อเหล็กขึ้นมา แต่มันก็พอช่วยแก้ขัดได้
Cr.https://www.numthang.org/content/%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B9%8A%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B9%8A%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%81/1/
พ่อ กับ แม่ จะใช้น้ำบาดาลเพื่อซักล้างเท่านั้น เจ้าน้ำบาดาลนี่นะ จะเป็นน้ำที่มีความกระด้างอยู่ค่อนข้างสูง เมื่อถูสบู่จะไม่เป็นฟองแล้วก็ทำให้เหนียวตัว แต่แม่ก็สู้กับมันด้วย “สารส้ม” หลังจาก พ่อ แม่ ลูก ช่วยกันหาบน้ำขึ้นบ้านแล้ว แม่จะใช้สารส้มแกว่ง ๆในโอ่ง เพื่อให้มันตกตะกอน แล้วเวลาอาบน้ำ เมื่อถูสบู่ก็จะมีฟองดีพอสมควร
สำหรับน้ำกินก็ต้องเป็น “น้ำฝน” ถึงจะเย็นชื่นใจ แน่นอนในโรงเรียนมี “แท็งน้ำเหล็ก” ใบสี่เหลี่ยมใหญ่ ๆ อยู่เยอะ ก็ไม่เป็นการยากที่บ้านผมจะหาน้ำกิน แต่จะลำบากหน่อยก็ตอนที่ไปเอานี่ล่ะ เพราะต้องหาบเดินขึ้นทางลาดหลังบ้าน บนบ้านก็จะมีตุ่มดินไว้ใส่น้ำกิน เมื่อไปเอาน้ำกินมาใส่ลงตุ่มแล้ว แม่ ก็จะมีผ้าขาวบางปิดด้านบน รัดรอบด้วยเชือกป่าน ปิดด้วยฝาสังกะสีเป็นอันจบ เวลาจะกินก็แค่เอาขันตัก ก่อนตักก็เอาก้นขันวน ๆ ไล่ฝุ่นด้านหน้าสักหน่อย เป็นอันจบกิน มันอาจไม่เย็นเหมือนน้ำในตู้แต่ก็ชื่นใจนะครับ
การที่บ้านผมได้กินไข่เจียวทุกนั้นไม่ได้ไปซื้อมานะ คุณพ่อ ผมท่านเลี้ยงไก่ไว้ใต้ถุนบ้าน ราวๆ 5-6 ตัว เลี้ยงแบบตามมีตามเกิด โดยมีตัวผู้ 1 ตัว ไว้เป็นจ่าฝูง ทุกเช้าพ่อจะล้วงเข้าไปในรังไก่ ที่ทำจากฟางข้าว ก็มักจะได้ไข่ไก่ ใบขาวๆ กลม ๆ มาวันละฟอง สองฟอง ก็พอได้อยู่ ดัวยเงินเดือนข้าราชการครูต่างจังหวัดในสมัยนั้น หากไม่ทำเช่นนี้ก็อยู่ลำบาก
มาระยะหลัง คุณพ่อ คงเห็นว่าหากเราไปอาศัย ทีวี บ้านผู้ใหญ่บ้านดูทุกวันคงไม่ดีแน่ เพราะหมดค่าขนมแต่ละวันเยอะมาก ท่านจึงตัดสินใจซื้อ ทีวีขาวดำ มาเครื่องหนึ่งไว้เป็นความบันเทิงในบ้าน ซึ่งมันก็ดีนะไม่ต้องใช้เครื่องปั่นไฟ แต่ต่อตรงกับแบตเตอรี่ในรถเก๋งคันเก่าของพ่อเลย
https://forums.chiangraifocus.com/?topic=263578.0#gsc.tab=0
ซึ่งพ่อจะเปิดหนังให้ดูทุกเช้าวันเสาร์และวันอาทิตย์ สมัยนั้นคงหนีไม่พ้นละคร จักรๆ วงศ์ๆ ผมดูได้ราว ชม.กว่า ๆ ก็ต้องปิดเดี๋ยวรถสตาร์ทไม่ติด........

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา