2 ส.ค. 2021 เวลา 12:19 • ไลฟ์สไตล์
🌸Monday Museum 🌸 Ep. 6
เรายังอยู่ที่ National Gallery of Art ที่ Washington D.C. ส่วนตึกทางปีกตะวันตกค่ะ
ในช่วงที่ไปเมื่อ มิถุนายน 2019 มี การจัดแสดงภาพเขียน
“Tintoretto: Artist of Renaissance Venice”
เพื่อเฉลิมฉลองครบ 500 ปีชาตกาล ของJacopo Tintoretto (1519-1594) พอดี
โชคดีมากๆเลย …ไปชมภาพเขียนของ ศิลปินที่มีชื่อเสียงคนสุดท้ายของยุค Renaissance กัน
1
ภาพที่พี่เขียนชอบมากที่สุดคือภาพนี้ค่ะ
⭐️The Origin of the Milky Way ⭐️: ต้นกำเนิดของทางช้างเผือก
2
The Origin of the Milky Way ภาพเขียนโดย Tintoretto. เมื่อปี 1575 ปกติตั้งแสดงที่ National Gallery,London,U.K.
ทางช้างเผือกที่เราเห็นเป็นกลุ่มดาวสีขาวราวหยดน้ำนมที่กระจายอยู่บนท้องฟ้านั้น
ภาษาอังกฤษ เรียกว่า Milky Way เป็นคำที่ทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนทีเดียวค่ะ…ทางสีขาวราวน้ำนม
ชาวกรีกโบราณ ก็คงเห็นเช่นเดียวกัน ถึงกับมีนิยายเทพปกรนัม เล่าเรื่องไว้ และTintoretto ได้นำมาวาดเป็นภาพ แสดงเหตุการณ์ช่วงสำคัญนั้นไว้ คือ
เทพเจ้าจูปีเตอร์(ในภาพห่มผ้าสีแดง)กำลังอุ้มเจ้าหนูน้อย Hercules ที่เกิดจากตนเองกับหญิงธรรมดา เพื่อนำมาให้ดูดดื่มน้ำนมจากอกของเทพ Juno ผู้เป็นภรรยา
เพราะน้ำนมจากเทพธิดาจะทำให้เจ้าหนูเป็นอมตะ เหมือนกับเทพองค์หนึ่ง
แต่….ขณะที่อุ้มเข้ามาดูดนมนั้นเอง Juno ก็ตกใจตื่น ผงะถอยด้วยความโกรธ ทำให้น้ำนมพุ่งกระฉูดออกจากเต้าทั้งสองข้าง
น้ำนมจากเต้าด้านบนกระจายออกไปเป็นแถบดวงดาวแพรวพราว ต่อมาเรียกว่า Milky Way ส่วนเต้าด้านล่าง ละอองน้ำนมกระจายลงสู่พื้นโลก กลายเป็นดอกลิลลี่แสนสวย (ส่วนล่างของภาพถูกตัดออกไปในภายหลัง)
การเล่นสีของภาพนี้แสดงให้เห็นว่า Tintoretto เป็นผู้ที่ชำนาญในการใช้สีทั้งสีของท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม ค่อยๆไล่ลงมาเป็น
เป็นสีเทา ตัดกับสีของผ้าที่มีทั้งสีขาว ทอง ไปจนถึงสีแดง
ก็ไม่น่าแปลกใจค่ะ เพราะ คำว่า Tintoretto เป็นภาษาอิตาลี แปลว่า คนย้อมสีผ้าตัวน้อย หรือ ลูกของคนย้อมสีผ้า นั่นเพราะ พ่อของTintoretto เป็น dyer หรือคนย้อมสีผ้า เขาจึงแวดล้อมไปด้วยสีประเภทต่างๆและเริ่มวาดภาพบนผนังบ้านมาตั้งแต่เด็ก
พ่อเห็นแววว่า มีใจรักและฝีมือในการวาดภาพ จึงส่งไปให้ไปฝึกงานอยู่กับ Titian ซึ่งเป็นนักวาดภาพมือหนึ่งอายุในวัย 56 ปีแล้วและมีสตูดิโอขนาดใหญ่
 
เด็กชาย Tintoretto อายุ 14 ปี ไปอยู่กับ Titian ได้ 10 วัน ก็ถูกส่งตัวกลับ และไม่ได้เข้าฝึกที่สตูดิโอไหนอีกเลย
เห็นจะเป็นเพราะ เขามีความคิดที่แปลกใหม่ และวาดภาพอย่างอิสระ ไม่เข้ากับแบบแผนเดิมๆ อาจารย์เล็งเห็นว่าเด็กคนนี้คงจะสอนยาก !
Tintoretto จึงเรียนเองมาโดยตลอด ด้วยความมุมานะ ฝึกหัดวาดสรีระของคนจากซากศพที่ใช้เพื่อเรียนกายวิภาคบ้าง เรียนจากภาพนูนต่ำบ้าง ภาพในโบสถ์ที่มีอยู่มากมายในเมืองเวนิสบ้าง …..วาดภาพทั้งวันทั้งคืน…
เขาอยู่อย่างยากจนแต่มีความใฝ่ฝันที่สูงส่ง
ดูจากแววตาของเขาในรูป Self portrait ที่มองตรงมายังเราสิคะ นี่คือหนึ่งในภาพเขียนตัวเองของศิลปินภาพแรกๆ
ความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวส่งตรงพุ่งสู่ผู้ชม
ย้ำด้วยคติประจำตัวที่ปรากฏเด่นอยู่เหนือประตู สตูดิโอของเขา
Michelangelo’s design and Titian’s color
อออกแบบดั่งไมเคิล แองเจลโล ลงสีแบบ Titian
ลักษณะเด่นของภาพวาดของ Tintoretto คือ รูปร่าง มัดกล้ามเนื้อที่ดูสมจริง และ แสงเงาที่ดูเหมือนอยู่เหนือธรรมชาติ สีสันที่ตัดกันอย่างจัดจ้าน คือมีส่วนผสมของ Michaelangelo กับ Titian ในสัดส่วนที่พอเหมาะ กลายเป็นเอกลักษณ์ของเขาเอง
จะว่าไปแล้วเขาเป็นศิลปินที่มาก่อนเวลา เขาอยู่ในยุคท้ายๆของ Renaissance และเป็นต้นแบบของยุค Baroque ที่กำลังจะเริ่มขึ้น …
ในภาพขนาดใหญ่ของ Tintoretto จะมีองค์ประกอบของตัวละคร เรื่องราว และเหตุการณ์ต่างๆ เหมือนกำลังดูฉากหนึ่งของภาพยนตร์เลยทีเดียว
The Virgin and Child with Saints 1540 (private collection USA)
ยกตัวอย่างภาพข้างบนนี้ The Virgin and Child with Saints วาดในปี 1540
เป็นภาพแรกสุดที่มีลายเซ็น และปีที่วาด ถึงแม้จะเป็นเรื่องราวดั้งเดิมเกี่ยวกับ Virgin Mary กับ ทารกและมีนักบุญล้อมรอบ แต่การตีความของศิลปินท่านนี้ไม่ธรรมดา!
ดูภาพทารกสิคะ อยู่ในท่ากางมือออกโผเข้าหาคนที่อยู่ใกล้ เหมือนกิริยาของเด็กธรรมดาทั่วไป ท่านั่งของ VirginMary ก็้อยู่ในลักษณะนั่งไขว่ห้าง ซึ่งไม่ค่อยเห็นภาพในลักษณะนี้ สักเท่าไร
ท่านั่งจะไปเหมือนกับ รูปปั้น Madonna โดยMichelangelo ที่อยู่ในโบสถ์ Medici Chapel ที่ Florence ทั้งๆที่Tintoretto ไม่เคยเดินทางออกนอกเมืองเวนิส เขาก็อาจจะเห็นจากภาพวาด
รูปปั้น Madonna ที่ Medici Chapel Florence ภาพจาก Wikipedia
Tintoretto เป็นศิลปินนักวาดภาพในกลุ่มจำนวนน้อยที่เรียนรู้การวาดภาพด้วยตนเอง โดยไม่ได้รับการฝึกฝนตามรูปแบบ(consumate painter) และยังมีฝีมือที่โดดเด่น
Tintoretto :ศิลปินยิ่งใหญ่คนสุดท้ายของยุค Renaissance
ผู้ฝึกฝนเรียนรู้ด้วยความอุตสาหะพยายาม จนประสบความสำเร็จ และมีชื่อเสียงในที่สุด
ความรู้เกี่ยวกับทางช้างเผือก
กาแล็กซี (Galaxy) หมายถึง อาณาจักรของดาว ประกอบด้วยแก๊ส ฝุ่น และดาวฤกษ์และดาวเคราะห์หลายแสนล้านดวง กาแลกซีของเราชื่อ “ทางช้างเผือก” (The Milky Way Galaxy)
ที่มีชื่อเช่นนี้เพราะ คนไทยถือว่ากษัตริย์เป็นเทวดาซึ่งอวตารมาจากสรวงสวรรค์​ ช้างเผือกเป็นสัตว์คู่บุญบารมีของกษัตริย์ ทางช้างเผือกเป็นที่อยู่ของเทวดาและนางฟ้า
ส่วนชาวตะวันตกก็มีตำนานเกี่ยวกับเทพเจ้าเช่นกัน จึงมองเห็นเป็นทางน้ำนมไหลพาดผ่านท้องฟ้า
กาแล็กซีทางช้างเผือกมีขนาดประมาณหนึ่งแสนปีแสง เนื่องจากโลกของเราอยู่ภายในทางช้างเผือก จึงมองเห็นทางช้างเผือกเป็นทางสว่างพาดผ่านท้องฟ้าเป็นฝ้าสีขาว
อ้างอิง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา