5 ส.ค. 2021 เวลา 14:20
“ศีล สมาธิ ปัญญา”
“ … ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ปัญญาซึ่งมีสมาธิเป็นรากฐานนั้น
ย่อมปรากฏดุจไฟดวงใหญ่กำจัดความมืด
ให้ปลาสนาการ มีแสงสว่างรุ่งเรืองอำไพ
ขับฝุ่นละอองคือกิเลสให้ปลิวหาย
ปัญญาจึงเป็นประดุจประทีปแห่งดวงใจ
อันว่าจิตนี้เป็นธรรมชาติที่ผ่องใสอยู่โดยปกติ
แต่เศร้าหมองไปเพราะคลุกเคล้าด้วยกิเลสนานาชนิด
ศีล สมาธิ และปัญญา
เป็นเครื่องฟอกจิตให้ขาวสะอาดดังเดิม
จิตที่ฟอกด้วยศีล สมาธิ และปัญญา
ย่อมหลุดพ้นจากอาสวะทั้งปวง … “
:
“ … ดูกรภิกษุทั้งหลาย
บุคคลผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วจากอาสวะ
ย่อมพบกับปีติปราโมทย์อันใหญ่หลวง
รู้สึกตนว่าได้พบขุมทรัพย์มหึมาหาอะไรเปรียบมิได้
อิ่มอาบซาบซ่านด้วยด้วยธรรมตนของตนเองนั่นแล
เป็นผู้รู้ว่าบัดนี้กิเลสานุสัยต่างๆ ได้สิ้นไปแล้ว
ภพใหม่ไม่มีอีกแล้ว เหมือนบุคคลผู้ตัดแขนขาด
ย่อมรู้ด้วยตนเองว่าบัดนี้แขนของตนได้ขาดแล้ว …”
.
บางตอนจากพุทธโอวาทก่อนปรินิพพาน
เรียบเรียงจากพระไตรปิฎก
โดย อาจารย์วศิน อินทสระ
 
อ้างอิง :

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา