20 ส.ค. 2021 เวลา 10:30 • อาหาร
ทำความรู้จัก Process กาแฟไทยจาก Bluekoff Plantation : Washed Process
วันนี้เราจะมาชวนทุกคนมาบุกตะลุยแหล่งปลูกกาแฟขึ้นชื่อของเชียงรายอย่าง “ดอยช้าง” แหล่งปลูกกาแฟ อราบิก้าที่ขึ้นชื่อและเป็นที่เลื่องลือเรื่องกลิ่นหอมและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ที่ทำให้คอกาแฟหลายคนยกให้เป็นแหล่งปลูกที่มีความน่าสนใจและชื่นชอบรสชาติกาแฟจากที่นี่
2
Bluekoff Plantation : Washed Process
โดยที่โปรเซสหลักๆ ของบลูคอฟจะเป็น Washed Process หรือการโปรเซสแบบเปียก โดยกระบวนการนี้จะใช้น้ำในปริมาณมาก เพราะใช้ในเกือบทุกๆ ขั้นตอน และเพื่อให้เราสามารถควบคุมคุณภาพของเมล็ดกาแฟที่ต้องการให้ได้ 100% เราได้ก่อตั้งโรงงานแปรรูปเมล็ดกาแฟที่บ้านดอยช้างขึ้น ก็คือ Bluekoff Plantation นั่นเอง
เรามาดูกันว่า Washed Process ของเรามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?
เมื่อฤดูการเก็บเกี่ยวมาถึงประมาณช่วงเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ ของทุกปี เราจะทำการรับซื้อเชอร์รี่กาแฟจากเกษตรกรที่เป็นสมาชิก เพื่อเป็นการควบคุมคุณภาพและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ เพื่อให้ได้เชอร์รี่กาแฟจากต้นทางที่ดี และเรายังแนะนำรวมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับการเพาะปลูกและดูแลรักษาต้นกาแฟให้กับเกษตรกรเพื่อให้สามารถนำไปปรับใช้กับไร่กาแฟของตัวเองอีกด้วย
หลังจากรับเชอร์รี่กาแฟจากเกษตรกรแล้ว จะทำการเทเชอร์รี่กาแฟผ่านเข้าเครื่อง De Stoner เพื่อแยกเศษหิน ใบไม้ และกิ่งไม้ต่างๆ ที่ติดมากับเชอร์รี่กาแฟนั่นเอง
หลังจากผ่านเครื่อง De-Stoner แล้ว เชอร์รี่กาแฟจะไหลลงสู่บ่อซีเมนต์ขนาดใหญ่ที่เติมน้ำไว้ เพื่อทำความสะอาดเศษดิน เศษฝุ่น และเป็นการคัดแยกเชอร์รี่กาแฟที่น้ำหนักเบา รวมถึงเศษใบไม้ / กิ่งไม้ ไปยังอีกบ่อหนึ่ง เราจะเลือกใช้เฉพาะเมล็ดกาแฟที่จมเท่านั้น และนี่เป็นการคัดแยกเชอร์รี่กาแฟในขั้นตอนเริ่มต้นนั่นเอง
หลังจากผ่านการคัดแยกเชอร์รี่กาแฟลอยออกแล้ว เชอร์รี่กาแฟที่จมจะถูกนำมาสีเปลือกออกและเปลือกของเชอร์รี่กาแฟจะถูกนำไปหมักเพื่อทำเป็นปุ๋ย แล้วแจกจ่ายให้กับเกษตรกร เพื่อนำไปใช้กับต้นกาแฟต่อไป
เมื่อทำการสีเปลือกเรียบร้อยแล้ว จะได้เมล็ดกาแฟที่มีขนาดใหญ่ น้ำหนักดี และถูกส่งไปยังบ่อหมักกาแฟเกรด A ของเรา ซึ่งเมล็ดกาแฟหลังจากสีเปลือกแล้วจะมีเมือกกาแฟติดอยู่ มีลักษณะเหนียวและลื่น ซึ่งเราจะนำมาหมักในบ่อหมักที่เติมน้ำสะอาดไว้ประมาณ 24 ชั่วโมง เราจะให้จุลินทรีย์ตามธรรมชาติหมักเมล็ดกาแฟ เพื่อสร้างกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับกาแฟของเรา และเมื่อครบ 24 ชั่วโมง เมือกที่เคยมีจะหลุดออกมาบ้างในบางส่วน
จากนั้นเราจะนำเมล็ดกาแฟที่ผ่านการหมักแล้วมาขัดเมือกกัน ซึ่งกระบวนการนี้มีหลักการเดียวกันกับการปั่นแห้งของเครื่องซักผ้านั่นเอง
เกร็ดความรู้ : เมือกที่ติดอยู่กับเมล็ดกาแฟจะมีน้ำตาลซึ่งเป็นอาหารของจุลินทรีย์ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เมล็ดกาแฟหมักต่อ ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของรสชาติ เราจึงต้องทำการขัดเมือกออก เพื่อให้สามารถควบคุมคุณภาพของกลิ่นและรสชาติของกาแฟได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง
หนึ่งในความพิเศษของบลูคอฟคือ เมื่อทำการขัดเมือกแล้ว เราจะไม่นำเมล็ดกาแฟไปตากในทันที แต่เมล็ดกาแฟทั้งหมดจะถูกลำเลียงต่อมายังเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายถังทรงกระบอกขนาดใหญ่ เราจะทำการอบแห้งเมล็ดกาแฟเพื่อลดความชื้นที่มีอยู่ในเมล็ดกาแฟลงก่อน
โดยจะใช้ความร้อนจากเตาถ่านขนาดใหญ่ ที่มีการควบคุมดูแลเรื่องอุณหภูมิและความชื้นเป็นอย่างดี หลังจากที่ระดับความชื้นเหมาะสมแล้ว เราจะนำเมล็ดกาแฟไปตากบนลานตากเมล็ดกาแฟนั่นเอง
เมื่อทำการตากแห้งเรียบร้อยแล้ว เมล็ดกาแฟที่ยังมีกะลาติดอยู่จะถูกบรรจุลงในกระสอบป่านส่งมายังโรงเก็บรักษาเมล็ดกาแฟ เพื่อทำการบ่มเมล็ดกาแฟก่อน โดยควบคุมเรื่องของอุณหภูมิ ความชื้น เป็นอย่างดี และป้องกันไม่ให้โดนแสงแดดเป็นเวลาประมาณ 3-6 เดือน เพื่อเป็นการพักเมล็ดกาแฟหรือเป็นการปรับสภาพของเมล็ดกาแฟ ทำให้รสชาตินิ่งและลงตัวมากขึ้น
เกร็ดความรู้ : เมล็ดกาแฟที่ไม่ผ่านการบ่มก็เปรียบเสมือนผลไม้ที่ยังไม่ลืมต้น รสชาติจะฝาด มีกลิ่นเขียว ไม่อร่อย ดังนั้นกาแฟที่มีคุณภาพและมาตรฐานที่ดี ต้องผ่านการบ่มที่ดีในระยะเวลาที่เหมาะสม
1
เมื่อบ่มได้ระยะเวลาที่เหมาะสมแล้ว เราจะนำเมล็ดกาแฟมาสีเพื่อเอากะลาออก และคัดแยกขนาดเมล็ดกาแฟ จากนั้นนำมาคั่วด้วยโปรไฟล์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ และแพ็คด้วยขั้นตอนและกระบวนการที่ได้มาตรฐานการผลิต ต้องบอกเลยว่าในทุกๆ ขั้นตอนเราทำอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ได้เมล็ดกาแฟที่ได้มาตรฐานก่อนส่งตรงถึงมือลูกค้าทุกท่าน
1
นอกจาก Washed Process แล้ว เรายังมีโปรเซสอื่นๆ ที่มีความน่าสนใจ รอติดตามบทความต่อๆ ของเราได้ ที่ Blockdit: Bluekoff สำหรับวันนี้เราต้องขอลาไปแล้วพบกันใหม่กับบทความถัดไป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
โทร. 081-979-9565 ต่อ 2 Bluekoff Showroom
Line: @bluekoff
#Bluekoff #Bluekoffcoffee #Bluekoffshowroom #SpecialtyCoffee #CoffeeCoffeeCoffee
โฆษณา