23 ส.ค. 2021 เวลา 02:30 • การเกษตร
ทำความรู้จัก Process กาแฟไทยจาก Bluekoff Plantation : Dry Process
ในครั้งที่แล้ว เราได้พูดถึงการโปรเซสแบบเปียก หรือ Washed Process กันไปแล้ว วันนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับการโปรเซสแบบแห้ง หรือ Dry Process / Natural Process กันค่ะ ต้องบอกก่อนว่าวิธีการแปรรูปเมล็ดกาแฟนั้นส่งผลต่อรสชาติของกาแฟแก้วโปรดของคุณอย่างชัดเจน กาแฟจากแต่ละโปรเซสจะมีเอกลักษณ์ความโดดเด่นทางรสชาติที่แตกต่างกันไปนั่นเอง
Bluekoff Plantation : Dry Process
Natural process นับว่าเป็นวิธีการโปรเซสที่เก่าแก่ที่สุดเลยก็ว่าได้ โดยผลเชอร์รี่กาแฟจะถูกนำไปตากบนลานหรือตะแกรง และเกลี่ยให้บาง โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 15-30 วัน จากนั้นจึงนำมาสีแยกผลกาแฟที่แห้งแล้วออกมาเป็นเมล็ดกาแฟสาร หรือ เมล็ดดิบนั่นเอง
วิธีการโปรเซสรูปแบบนี้เชอร์รี่กาแฟจะถูกนำมาตากทั้งผล ซึ่งน้ำตาลที่มีอยู่ในเชอร์รี่กาแฟที่เป็นอาหารของจุลินทรีย์ก็จะทำให้เกิดการหมักที่มากกว่าการโปรเซสแบบอื่น ดังนั้นแล้ว กลิ่นและรสชาติของกาแฟจะให้ความรู้สึกเหมือนผลไม้สุก ผลไม้ตากแห้ง จะมีเนื้อสัมผัสมาก และมีความหวานฉ่ำ
แต่วิธีการโปรเซสรูปแบบนี้นั้นก็มีความเสี่ยงในการเกิดเชื้อราในระหว่างที่ตากได้ หรือในบางครั้งอาจจะเกิดการหมักที่มากเกินไป (Over Fermented) และอาจจะเกิดการเน่าเสียได้ จึงต้องตากในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก และขณะที่ตากนั้น ก็แนะนำให้ทำการเกลี่ยกาแฟเป็นชั้นบางๆ เพื่อให้ผลเชอร์รี่กาแฟแห้งเท่ากันอย่างสม่ำเสมอ และควรพลิกกลับบ่อยๆ เพื่อป้องกันกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์
วิธีการโปรเซสแบบนี้ใช้น้ำน้อยมากเมื่อเทียบกับการโปรเซสในรูปแบบอื่นๆ จึงนิยมใช้กับผู้ผลิตที่อยู่ในบริเวณพื้นที่ปริมาณน้ำน้อยหรืออยู่ห่างไกลจากแหล่งน้ำ เรามักจะเห็นวิธีการโปรเซสนี้ได้บ่อยๆ จากแหล่งปลูกจากประเทศเอธิโอเปีย และบางพื้นที่ในประเทศบราซิล แต่ในปัจจุบันการโปรเซสรูปแบบนี้ก็ทำกันเกือบทุกพื้นที่ปลูกทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทยด้วยเช่นเดียวกัน
สำหรับบลูคอฟเองก็ผลิตกาแฟจากโปรเซสนี้เช่นกัน มาดูกันว่า Dry process ในรูปแบบของบลูคอฟนั้นจะมีขั้นตอนการผลิตอย่างไรบ้างค่ะ
การทำ Dry Process ในรูปแบบของเราจะเริ่มทำในช่วงปลายฤดูกาลเก็บเกี่ยว ประมาณกลางค่อนปลายเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป เนื่องจากเมล็ดกาแฟจะหวานจัดและสะสมสารอาหารได้เต็มที่
หลังจากได้ผลเชอร์รี่กาแฟแล้ว เราจะนำมาล้างน้ำ ทำความสะอาด โดยเอาฝุ่นดินและเศษกิ่งไม้ต่างๆ ออกก่อนที่จะนำเชอร์รี่กาแฟไปตากแห้ง
หลังจากทำความสะอาดและแยกเศษใบไม้ กิ่งไม้ต่างๆ ออกเรียบร้อยแล้ว เราจะนำมาตากแดดบนลานคอนกรีตขนาดใหญ่ และตะแกรงที่ทำขึ้นมาสำหรับตากโดยเฉพาะ เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
เชอร์รี่กาแฟที่ไม่สมบูรณ์ จะถูกคัดทิ้งด้วยมือคน รวมถึงมีการพลิกเกลี่ยเมล็ดกาแฟในระหว่างวัน จนกว่าจะได้กะลากาแฟที่แห้งสมบูรณ์
หลังจากที่เราทำการตากเชอร์รี่กาแฟจนแห้งดีแล้ว จะถูกบรรจุลงในกระสอบป่านเพื่อนำเข้าโรงบ่มเพื่อพักกาแฟไว้ก่อนเช่นเดียวกับเมล็ดกาแฟจาก Washed process แต่สำหรับ Dry process เราจะบ่มกาแฟทั้งที่ยังมีเปลือกเชอร์รี่กาแฟหุ้มอยู่ค่ะ เมื่อพักกาแฟในระยะเวลาที่เหมาะสมแล้ว จะนำเอาเชอร์รี่กาแฟมาสีเอาเปลือกและกะลาออกมา ให้เหลือเพียงเมล็ดกาแฟสาร หรือเมล็ดกาแฟดิบ จากนั้นเราจะนำเมล็ดกาแฟมาคั่วด้วยโปรไฟล์เฉพาะ
โดยกาแฟจาก Dry process ของเราสามารถนำมาชงได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะชงเป็นเอสเพรสโซหรือฟิลเตอร์ ด้วยบอดี้หรือเนื้อสัมผัสของกาแฟที่มากทำให้สามารถชงได้ทั้งแบบกาแฟดำและกาแฟนม ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีของลูกค้าที่ต้องการเมล็ดกาแฟ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อได้ที่
โทร. 081-979-9565 ต่อ 2 Bluekoff Showroom
Inbox Facebook : http://m.me/bluekoff
#Bluekoff #BluekoffCoffee #BluekoffShowroom #SpecialtyCoffee #CoffeeCoffeeCoffee
โฆษณา