23 ส.ค. 2021 เวลา 14:00 • ปรัชญา
" ... ดูกรอานนท์ผู้รู้แล้วและมิได้ทำตามนั้น
จะนับว่าเป็นคนรู้ไม่ได้
เพราะไม่เกิดมรรคเกิดผลสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย ... "
เมื่อรู้แล้วปฏิบัติตาม จึงจะเป็นผลเป็นกุศลต่อไป
เมื่อรู้แล้วไม่ปฏิบัติตาม ก็หาผลอานิสงส์มิได้
เพราะละกิเลสตัณหามิได้
เปรียบเหมือนบุคคลผู้ตกเข้าไปในกองเพลิง
เมื่อรู้ว่าเป็นกองเพลิง
ก็รีบออกหนี จึงจะพ้นความร้อน
ถ้ารู้ว่าตัวตกเข้าอยู่ในกองเพลิง
แต่มิได้พยายามที่จะหลีกหนีออก
จะพ้นจากความร้อน ความไหม้อย่างไรได้
ข้ออุปมานี้ฉันใด บุคคลผู้รู้แล้วว่า
สิ่งนี้เป็นโทษแต่มิได้ละเสีย
ก็มิได้พ้นจากโทษเหมือนกับผู้ไม่พ้นจากกองเพลิงฉะนั้น
ดูกรอานนท์ ผู้รู้แล้วและมิได้ทำตามนั้น
จะนับว่าเป็นคนรู้ไม่ได้
เพราะไม่เกิดมรรคเกิดผลสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย
เราตถาคตอนุญาตตั้งศาสนธรรมคำสั่งสอนไว้นี้
ก็เพื่อว่า เมื่อรู้แล้วว่าสิ่งใดเป็นโทษให้ละเสีย
มิใช่ตั้งไว้เพื่ออ่านเล่น ฟังเล่น พูดเล่น เท่านั้นเลย
 
บุคคลทั้งหลายได้เสวยทุกข์ในมนุษย์แลในอบายภูมินั้น
ไม่ใช่สิ่งอื่นเลย เป็นเพราะกิเลสราคะตัณหานั้นอย่างเดียว
ถ้าบุคคลผู้ยังไม่พ้นจากกิเลส ราคะตัณหาได้ตราบใด
ก็ยังไม่เป็นผู้พ้นจากอบายทุกข์ได้จนตราบนั้น
บุคคลผู้มิได้พ้นจากกิเลสราคะตัณหานั้น
จะทำบุญให้ทานสร้างกุศลอย่างแข็งแรงเท่าใดก็ดี
ก็จักได้เสวยความสุขในมนุษยโลกและเทวโลกเพียงเท่านั้น
ที่จะได้เสวยสุขในพระนิพพานนั้นเป็นอันไม่ได้เลย
ถ้าประสงค์ต่อพระนิพพานแท้
ให้โกนเกล้าเข้าบวชในพระศาสนา
ไม่ว่าบุรุษหญิงชาย ถ้าทำได้อย่างนี้
ชื่อว่าปฏิบัติใกล้ต่อพระนิพพาน
เพราะว่าเมืองนิพพานนั้นปราศจากกิเลสตัณหา
เมืองมนุษย์แลเมืองสวรรค์เป็นที่ทรงไว้ซึ่งกิเลสตัณหา
ไม่เหมือนเมืองพระนิพพาน
อ้างอิง :
* สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ
ต้องปฏิบัติให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
เกิดมรรคเกิดผล
ที่เรียกว่า มรรคผลนิพพาน
อริยมรรค อริยผล ทั้ง 4 ได้แก่
โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล
สกิทาคามีมรรค สกิทาคามีผล
อนาคามีมรรค อนาคามีผล
อรหันตมรรค อรหันตผล

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา