25 ส.ค. 2021 เวลา 12:32 • ปรัชญา
" ... ผู้ศึกษาพึงเข้าใจว่าพระนิพพานอยู่ที่สุดของโลก
ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นทางไปพระนิพพาน
ถ้ารู้อย่างนี้ยังมีทางที่จะถึงพระนิพพานได้บ้าง
2
แม้เมื่อรู้แล้วอย่างนั้น
ก็จำต้องพากเพียรพยายามเต็มที่ จึงจะถึง
เหมือนคนตาดีว่ายข้ามน้ำ
ก็ต้องพยายามจนสุดกำลัง จึงจะข้ามพ้นได้
มีอุปไมยเหมือนกันฉันนั้น ... "
2
ตทนนฺตรํ ในลำดับนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสเทศนาต่อไปอีกว่า
อานนฺท ดูกรอานนท์
นิพฺพานํ นครํ นาม อันชื่อว่าเมืองพระนิพพาน
ย่อมตั้งอยู่ในที่สุดแห่งโลก
โลกมีที่สุดเพียงใด พระนิพพานก็ตั้งอยู่ที่สุดนั้น
พระนิพพาน เป็นพระมหานครอันใหญ่
เป็นที่บรมสุขหาที่เปรียบมิได้
คำที่ว่าที่สุดแห่งโลกนั้น
จะถือเอาอากาศโลกหรือจักรวาลโลกเป็นประมาณนั้นมิได้
อากาศโลกและจักรวาลโลกนั้น
มีที่สุดเบื้องต่ำก็เพียงใต้แผ่นดิน
แผ่นดินนี้มีน้ำรอง
ลมนั้นหนาได้ ๙ แสน ๔ หมื่นโยชน์สำหรับรองน้ำไว้
ใต้ลมนั้นลงไปเป็นอากาศหาที่สุดมิได้
ที่สุดโลกเบื้องต่ำก็เพียงลมเท่านั้น
อันว่าที่สุดแห่งจักรวาลโลกเบื้องขวางนั้น
มีอนันตจักรวาลเป็นเขต
นอกอนันตจักรวาลออกไปก็เป็นอากาศว่าง ๆ อยู่
จึงว่าโดยขวางมีอนันตจักรวาลเป็นที่สุด
อันว่าที่สุดแห่งจักรวาลโลกเบื้องบนนั้น
มีอรูปพรหมเป็นเขต เพราะอรูปพรหม ๔ ชั้นนั้น
พระพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นนิพพานพรหมหรือนิพพานโลก
นิพพานโลกนี้เป็นที่ไม่สิ้นสุด
ส่วนว่านิพพานของพระพุทธเจ้า
ซึ่งมีนามว่า โลกุตตรนิพพาน
ที่สุดที่แล้วต่ออรูปพรหม ๔ ชั้นขึ้นไป
ก็เป็นแต่อากาศว่าง ๆ อยู่
จึงว่าที่สุดเบื้องบน เพียงอรูปพรหมเท่านั้น
จะเข้าใจเอาเองว่าลมรองน้ำแลอนันตจักรวาล
และอรูปพรหมเป็นที่สุดของโลก
เมืองพระนิพพานคงตั้งอยู่ในที่สุดของโลกเหล่านั้นดังนี้
พระพุทธเจ้าห้ามเสียว่า อย่าพึงเข้าใจอย่างนั้นเลย
ที่ทั้งหลายเหล่านั้น
ใคร ๆ ก็ไม่สามารถจะไปถึงด้วยกำลังกาย
หรือด้วยกำลังพาหนะมียานช้างยานม้าได้
อย่าเข้าใจว่าเมืองนิพพานตั้งอยู่ในที่สุดของโลกเหล่านั้น
หรือตั้งอยู่ในที่แห่งนั้นแห่งนี้
อย่าเข้าใจว่าตั้งอยู่ในที่ใดที่หนึ่งเลย
แต่ว่าพระนิพพานนั้น
หากมีอยู่ในที่สุดของโลกเป็นของจริง ไม่ต้องสงสัย
ให้ท่านทั้งหลายศึกษาให้เห็นโลก รู้โลกเสียให้ชัดเจน
ก็จักเห็นพระนิพพาน
พระนิพพานก็หากตั้งอยู่ในที่สุดแห่งโลกนั้นเอง
ดูกรอานนท์ บุคคลทั้งหลายถึงที่สุดโลก
ออกจากโลกได้แล้ว จึงชื่อว่าถึงพระนิพพาน
แลรู้ตนว่าเป็นผู้พ้นทุกข์แล้ว
แลอยู่สุขสำราญบานใจทุกเมื่อ
หาความเร่าร้อน โศกเศร้าเสียใจมิได้
ถ้าผู้ใดยังไม่ถึงที่สุดโลก
ยังออกจากโลกไม่ได้ตราบใด
ก็ชื่อว่ายังไม่ถึงพระนิพพาน
จะต้องทนทุกข์ น้อยใหญ่ทั้งหลาย
เกิด ๆ ตาย ๆ กลับไปกลับมา
หาที่สุดมิได้ตราบนั้น
บุคคลทั้งหลายเป็นผู้ต้องการพระนิพพาน
แต่หารู้ไม่ว่าพระนิพพานนั้นเป็นอย่างไร อยู่ที่ไหน
ชั้นแต่ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา
อันเป็นทางไปสู่พระนิพพาน ก็ไม่เข้าใจ
เมื่อไม่รู้ไม่เห็นไม่เข้าใจแล้ว
จักไปสู่พระนิพพานนั้นก็เป็นการลำบากยิ่งนักหนา
เปรียบเหมือนคน ๒ คน
ผู้หนึ่งตาบอด ผู้หนึ่งตาดี
จะว่ายข้ามน้ำมหานทีอันกว้างใหญ่
ในคนทั้ง ๒ นั้น ผู้ใดจักถึงฝั่งข้างโน้นก่อน
ผู้ตาดีก็ถึงก่อน
ส่วนคนผู้ตาบอดนั้น จะว่ายข้ามไปถึงฝั่งฟากโน้นได้
แสนยากแสนลำบาก
บางทีจะตายในท่ามกลางแม่น้ำ
เพราะไม่รู้ไม่เห็นว่าฝั่งอยู่ที่ไหน
ข้ออุปมานี้ฉันใด คนไม่รู้ ไม่แจ้งว่าพระนิพพานอยู่ที่ไหน
เป็นอย่างไร ชั้นแต่ทางจะไปก็ไม่เข้าใจ
เป็นแต่อยากได้อยากถึง อยากไปพระนิพพาน
เมื่อเป็นเช่นนี้ การได้การถึงของผู้นั้น
ก็ต้องเป็นของลำบากยากแค้นอยู่เป็นธรรมดา
บางทีก็ตายเสียเปล่า
จักไม่ได้เห็นเงื่อนเค้าของพระนิพพานเลย
1
ผู้ศึกษาพึงเข้าใจว่าพระนิพพานอยู่ที่สุดของโลก
ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นทางไปพระนิพพาน
ถ้ารู้อย่างนี้ยังมีทางที่จะถึงพระนิพพานได้บ้าง
แม้เมื่อรู้แล้วอย่างนั้น
ก็จำต้องพากเพียรพยายามเต็มที่ จึงจะถึง
เหมือนคนตาดีว่ายข้ามน้ำ
ก็ต้องพยายามจนสุดกำลัง จึงจะข้ามพ้นได้
มีอุปไมยเหมือนกันฉันนั้น
ดูกรอานนท์
บุคคลทั้งหลายผู้ปรารถนาพระนิพพานควรศึกษาให้รู้แจ้ง
ครั้นรู้แจ้งแล้วจักถึงก็ตาม ไม่ถึงก็ตาม
ก็ไม่เป็นทุกข์แก่ใจ
ถ้าไม่รู้ แต่อยากได้ ย่อมเป็นทุกข์มากนัก
เปรียบเหมือนบุคคล อยากได้วัตถุสิ่งหนึ่ง
แต่หากไม่รู้จักวัตถุสิ่งนั้น
ถึงวัตถุสิ่งนั้น จะมีอยู่ที่จำเพาะหน้า
ก็ไม่อาจถือเอาได้เพราะไม่รู้ ถึงจะมีอยู่ ก็มีเปล่า ๆ
ส่วนตัวก็ไม่หายความอยากได้ จึงเป็นทุกข์ยิ่งนัก
ผู้ปรารถนาพระนิพพาน
แต่ไม่รู้จักพระนิพพาน ก็เป็นทุกข์เช่นนั้น
จะถือเสียว่าไม่รู้ก็ช่างเถอะ
เราปรารถนาเอาคงจะได้
คิดอย่างนี้ก็ผิดไป ใช้ไม่ได้
แม้แต่ผู้รู้แล้ว ตั้งหน้าบากบั่นขวนขวาย
จะให้ได้ให้ถึงก็เป็นการยากลำบากอย่างยิ่ง
บุคคลผู้ไม่รู้ไม่เห็นพระนิพพานและจักถึงพระนิพพาน
จะมีมาแต่ไหน
อย่าว่าแต่พระนิพพานเลย
แม้จะกระทำการสิ่งใดก็ดี
เป็นต้นว่าช่างเงิน ช่างทอง ช่างเหล็ก
ช่างไม้ ช่างวาดเขียน ช่างต่าง ๆ เป็นต้น
ต้องรู้ด้วยใจหรือเห็นด้วยตาเสียก่อน
จึงจะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จได้
ผู้ปรารถนาพระนิพพาน
ก็ต้องศึกษาให้รู้จักพระนิพพานไว้ก่อนจึงจะได้
มาตั้งหน้าปรารถนาเอาโดยความไม่รู้นั้น
จะมีทางได้มาแต่ที่ไหน
ดูกรอานนท์
บุคคลทั้งหลายควรจะศึกษา
ให้รู้ให้แจ้งคลองของพระนิพพานไว้ให้ชัดเจน
แล้วไม่ควรประมาท แม้ปรารถนาจะไปก็ไป
แม้ไม่ปรารถนาจะไป ก็อย่าไป
ครั้นเห็นดีแล้ว จิตประสงค์แล้ว
ก็ให้ปฏิบัติในคลองแห่งพระนิพพาน
ด้วยจิตอันเลื่อมใสก็อาจจะสำเร็จ
ไม่สำเร็จก็จะเป็นอุปนิสัยปัจจัยต่อไป
ผู้ที่ไม่รู้แม้ปรารถนาจะไป
หรือไม่ไปอยู่ใกล้ที่นั้นบ่อย ๆ ก็ไม่อาจถึง
เพราะเข้าใจผิด คิดว่าอยู่ที่นั้นที่นี้
ก็เลยผิดไปตามจิตที่คิด
หลงไปหลงมา อยู่ในวัฏฏสงสาร
ไม่มีวันที่จะถึงพระนิพพานได้
อ้างอิง :

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา