27 ส.ค. 2021 เวลา 12:09 • ปรัชญา
" ... ถ้าไม่รู้จักสุขอันใด
ก็ไม่อาจยังความสุขอันนั้นให้เกิดขึ้นได้
ไม่เหมือนทุกข์ในนรก
อันทุกข์ในนรกนั้น จะรู้ก็ตาม ไม่รู้ก็ตาม
ถ้าทำกรรมที่เป็นบาปแล้ว
ผู้ที่รู้หรือผู้ที่ไม่รู้ก็ตกนรกเหมือนกัน
ถ้าไม่รู้จักนรกก็ยิ่งไม่มีเวลาพ้นจากนรกได้ ..."
ดูกรอานนท์ ถ้าอยากได้สุขอันใด
ก็ควรรู้จักสุขอันนั้นก่อนจึงจะได้
เมื่ออยากได้สุขในพระนิพพาน
ก็ควรรู้จักสุขในพระนิพพาน
อยากได้สุขในมนุษย์แลสวรรค์
ก็ให้รู้จักสุขมนุษย์แลสวรรค์นั้นเสียก่อนจึงจะได้
ถ้าไม่รู้จักสุขอันใด
ก็ไม่อาจยังความสุขอันนั้นให้เกิดขึ้นได้
ไม่เหมือนทุกข์ในนรก
อันทุกข์ในนรกนั้น จะรู้ก็ตาม ไม่รู้ก็ตาม
ถ้าทำกรรมที่เป็นบาปแล้ว
ผู้ที่รู้หรือผู้ที่ไม่รู้ก็ตกนรกเหมือนกัน
ถ้าไม่รู้จักนรกก็ยิ่งไม่มีเวลาพ้นนรกได้
ถึงจะทำบุญให้ทานสักปานใด
ก็ไม่อาจพ้นจากนรกได้
แต่มิใช่ว่าทำบุญให้ทานไม่ได้บุญ
ความสุขที่ได้แต่การทำบุญนั้นมีอยู่
แต่ว่าเป็นความสุขที่ยังไม่พ้นจากทุกข์ในนรก
เมื่อยังไม่รู้ไม่เห็นนรกตราบใด
ก็ยังไม่พ้นจากนรกอยู่ตราบนั้น
ครั้นได้เข้าถึงนรกแล้ว
เมื่อได้รู้ทางออกจากนรกได้แล้ว
ปรารถนาจักพ้นจากนรกก็พ้นได้
เมื่อไม่อยากพ้นก็ไม่อาจพ้นได้
ต้องรู้จักแจ้งชัดว่านรกอยู่ในที่นั้น ๆ
มีลักษณะอาการอย่างนั้น ๆ
และควรรู้จักทางออกจากนรกให้แจ้งชัด
ทางออกจากนรกนั้นก็คือ
ศีล ๕ ศีล ๑๐ ศีลพระปาติโมกข์นั่นเอง
เมื่อรู้แล้วอยากจะออกให้พ้นก็ออกได้
ไม่อยากจะออกให้พ้น ก็พ้นไม่ได้
ผู้ที่รู้กับผู้ที่ไม่รู้
ย่อมได้รับทุกข์ในนรกเหมือนกัน
ส่วนความสุขในมนุษย์แลสวรรค์แลพระนิพพานนั้น
ต้องรู้จักจึงจะได้
ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจ ไม่ได้เลย
มีอาการต่างกันอย่างนี้.
อ้างอิง :

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา