6 ก.ย. 2021 เวลา 04:16 • ปรัชญา
" ... เพราะจิตใจเป็นของไม่ตาย
ที่ว่าตายนั้นตายแต่รูปร่างกาย
ธาตุแตกขันธ์ดับเท่านั้น
ถ้าจิตใจตายแล้ว
ก็ไม่ต้องเกิดไม่ต้องตายต่อไปอีก
กล่าวคือถึงพระนิพพาน ... "
ดูกรอานนท์ เมื่ออยากรู้ว่า
เราจะได้รับความสุขในสวรรค์
หรือจะได้รับความทุกข์ในนรก
ก็จงสังเกตดูใจของเราในเวลาที่ยังไม่ตายนี้
ใจของเรามีสุขมากหรือมีทุกข์มาก
ทุกข์เป็นส่วนนรกดิบ
เมื่อตายแล้วก็ต้องไปตกนรกสุก
สุขเป็นส่วนสวรรค์ดิบ
เมื่อตายแล้วก็ได้ขึ้นสวรรค์สุก
2
เมื่อยังเป็นคนอยู่
มีสุขหรือทุกข์มากเท่าใด
แม้เมื่อตายไป ก็คงมีสุขและมีทุกข์มากเท่านั้น
ไม่มีพิเศษกว่ากัน
บุคคลผู้ปรารถนาความสุขในภพนี้และภพหน้าแล้ว
จงรักษาใจให้ได้รับความสุข
ส่วนตัวตนร่างกายข้างนอกนั้นไม่สำคัญ
จะได้รับความสุขความทุกข์ประการใดก็ช่างเถิด
เมื่อตายแล้ว ก็ทิ้งอยู่เหนือแผ่นดินหาประโยชน์มิได้
ส่วนใจนั้นเป็นของติดตามตนไปในอนาคตเบื้องหน้าได้
เพราะจิตใจเป็นของไม่ตาย
ที่ว่าตายนั้นตายแต่รูปร่าง กาย
ธาตุแตกขันธ์ดับเท่านั้น
ถ้าจิตใจตายแล้ว
ก็ไม่ต้องเกิดไม่ต้องตายต่อไปอีก
กล่าวคือถึงพระนิพพาน
ดูกรอานนท์ ในอดีตชาติเราตถาคต
ก็ได้หลงท่องเที่ยวอยู่ในสังสารวัฏนี้ช้านาน
นับด้วยร้อยด้วยพันแห่งชาติเป็นอันมาก
ทำบุญทำกุศลก็ปรารถนาแต่จักให้พ้นทุกข์
ให้เสวยสุขในเบื้องหน้า
เข้าใจว่าตายแล้ว จึงจะพ้นจากทุกข์
ครั้นเมื่อตายจริงก็ตายแต่ธาตุแต่ขันธ์เท่านั้น
ส่วนใจนั้นไม่ตาย จึงต้องไปเกิดอีก
เมื่อไปเกิดอีก ก็ต้องตายอีก
เมื่อเช่นนี้จะพ้นทุกข์ได้อย่างไร
ที่นิยมกันว่าตาย
ก็คือตายเน่าตายเหม็นกันอยู่อย่างทุกวันนี้
ชื่อว่า ตายเล่นตายไม่แท้
ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตาย
หาต้นหาปลายมิได้
ที่ตายแท้ตายจริง
คือตายทั้งรูปแตกขันธ์ดับ ตายทั้งจิตทั้งใจ
มีแต่พระพุทธเจ้ากับเหล่าพระอรหันตขีณาสพเท่านั้น
ท่านเหล่านี้ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก
ดูกรอานนท์ ในอดีตชาติเมื่อเรายังไม่รู้
ไม่เข้าใจว่าตายแล้วจึงจะพ้นทุกข์
ทำบุญทำกุศลก็มุ่งเอาแต่ความสุขในเบื้องหน้า
ครั้นตายไปก็หาได้จากทุกข์ตามความประสงค์ไม่
มาปัจฉิมชาตินี้เราจึงได้รู้ว่า
สวรรค์แลพระนิพพานมีอยู่ที่ตัวนี้เอง
เราจึงได้รีบเร่งปฏิบัติให้ได้ให้ถึงแต่เมื่อยังเป็นคนอยู่
จึงพ้นจากทุกข์และได้เสวยสุขอันปราศจากอามิส
เป็นพระบรมครู สั่งสอนเวไนยสัตว์อยู่ทุกวันนี้
ข้าแต่พระมหากัสสปะผู้มีอายุ
พระพุทธเจ้าตรัสเทศนาแก่ข้าฯ อานนท์ ดังนี้แล.
อ้างอิง :

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา