20 ส.ค. 2021 เวลา 13:40 • สุขภาพ
: ตรวจโควิทก่อนเดินทางไปต่างประเทศ :
🔬 พี่เป็ดนัดตรวจโควิทให้ปอ น้องแป้ง น้องปุยที่โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ ในบัตรนัดเขียนว่า Fit-to-Fly เข้าใจว่าเป็นชื่อแพคเกจการตรวจโควิท สำหรับคนที่จะเดินทางไปต่างประเทศโดยเฉพาะเลย
🔬เราเลือกช่วงเช้าเพราะต้องการให้ส่ง Sample ทันตรวจ Lab รอบ 11 โมง ปกติใช้เวลา Run PCR ประมาณ 4 ชั่วโมง จากนั้นก็อ่านผล เราเผื่อเวลาไว้หากมีข้อผิดพลาด แล้วอาจจะต้อง Run Sample ใหม่ หากไม่มีข้อผิดพลาด ก็จะรู้ผลประมาณบ่ายแก่ๆ
🔬 ปกติคนที่มาตรวจโควิทเพราะสงสัยว่าจะติดโควิท จะต้องไปตรวจที่แผนกตรวจโควิท แต่ในบัตรนัดระบุให้เราไปที่ชั้น 11 แผนก Health Screening Center ซึ่งเป็นแผนกที่คนมาตรวจสุขภาพประจำปีกัน ทำให้เรารู้สึกปลอดภัยและสบายใจ เพราะแยกออกจากคนที่สงสัยว่าจะติดเชื้อโควิท
🔬 เอกสารที่เราเตรียมไปคือ หนังสือเดินทาง และพริ้นท์ Itinerary มาด้วย เจ้าหน้าที่จะได้เอาข้อมูล Passport Number ไปกรอก ปอต้องเซนต์ชื่อเพื่อยอมรับว่า ถ้าผลตรวจโควิทเป็นบวก เราจะยอมกักตัวเองที่บ้าน (Home Isolation) เพราะตอนนี้ไม่มีเตียงว่าง
🔬 เราขอผลทั้งแบบมารับเอง และให้ส่งทางอีเมล์ ก็ต้องกรอกอีเมล์ และเบอร์โทร เพื่อให้เจ้าหน้าที่ส่งอีเมล์และโทรติดต่อได้ เซนต์ชื่อในเอกสารต่างๆ แล้วพยาบาลก็พาไปวัดไข้ วัดความดัน ผ่านทุกอย่างไปอย่างราบรื่น ไม่ต้องรอคิวเลย
🔬 ตรวจโควิทจมูกข้างขวาเพียงข้างเดียว กับ ตรวจทางปาก โดย swap ทั้งสองข้างของช่องปากและโคนลิ้น ไม่ได้รู้สึกเจ็บ แค่ feel discomfort ไม่กี่วินาที
🔬 จริงๆ พี่เป็ดกับปอตื่นเช้า แต่มัวออกกำลังกายกัน พี่เป็ดวิดพื้น ปอกระโดดเชือก เลยปลุกลูกสาย ไปถึงโรงพยาบาล 10:30 น. เราทำทุกอย่างเสร็จก่อน 11 โมง แต่ไม่สามารถส่ง Sample ตรวจ Lab รอบ 11 โมงได้เพราะ Sample เยอะ คิว Run PCR เต็ม
🔬 โชคดีที่มีตรวจ Lab รอบบ่าย 3 ด้วย ซึ่งน่าจะได้ผลประมาณช่วงค่ำ พยาบาลเลยนัดรับผลเช้าวันรุ่งขึ้นซึ่งก็ยังทันอยู่ เพราะเราจะไปสนามบินตอนกลางคืน ก่อนหน้านี้ปอรู้ว่ามีตรวจ Lab รอบเย็น แต่เพิ่งรู้ว่ามีรอบบ่าย 3 ด้วย ซึ่งก็ดีกว่าที่คิดเอาไว้
🔬 การตรวจโควิทที่ Health Screening Center เป็นระบบระเบียบดีมาก สะดวกรวดเร็ว บริการดีมาก ปอกับสองสาวตรวจโควิทประมาณ 38 ชั่วโมงก่อนเครื่องออก ถ้าถูกยกเลิกไฟล์ท ต้องเดินทางวันถัด บวกไปอีก 24 ชั่วโมง ผลโควิทก็ยังใช้ได้อยู่ เพราะไม่เกิน 72 ชั่วโมง เราเผื่อ worst case ไว้ประมาณนี้ ถ้าจะนานกว่านี้ก็คงต้องทำใจตรวจโควิทใหม่
🔬 การเดินทางไปอเมริกา ไม่จำเป็นต้องใช้ใบรับรองแพทย์หรือที่คนไทยเรียกว่า Fit-to-Fly Certificate เพราะอเมริกาไม่ได้บังคับ ไม่ได้ขอ ปีที่แล้วรัฐบาลไทยเป็นฝ่ายตั้งข้อกำหนดเรื่อง Fit-to-Fly ขึ้นมาสำหรับคนไทยที่จะบินกลับเมืองไทย แต่พี่เป็ดอยากให้ตรวจร่างกายด้วย และทำเอกสารติดตัวเอาไว้
1
🔬 ตอนตรวจร่างกาย คุณหมอตรวจเสียงการหายใจ การทำงานของปอด ตรวจหู และต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอ ผลตรวจของทั้งสามคนปกติ แนะนำวิธีการใส่ Mask ที่ถูกต้อง คือให้ใส่สองชั้น และชั้นสองต้องแนบกับใบหน้า อย่าให้มีช่องว่าง เราก็ใส่สองชั้น แต่ยังมีช่องว่างอยู่บ้าง
🔬 คุณหมอแนะนำว่า เวลาเดินทางให้ระมัดระวังเรื่องการใช้ห้องน้ำ บนเครื่องบินน่าจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าเพราะทุกคนต้องตรวจโควิท และมีผลเป็นลบก่อนขึ้นเครื่อง แต่ห้องน้ำตามสนามบิน เราต้องระวังให้มาก ไม่ควรสัมผัสพื้นผิวต่างๆ โดยตรง อาจจะใช้กระดาษทิชชูจับลูกบิดประตูแทน เราเตรียม Clorox Wipes เอาไว้
🔬 คุณหมอสังเกตเห็นว่าน้องแป้งน้องปุยมีหนังสือเดินทางคนละ 2 เล่ม ถามว่าจะให้ใส่ Passport Number เล่มไหน ปอตอบว่า ตอนลงทะเบียน พนักงานแนะนำให้ยึดประเทศปลายทางเป็นหลัก คุณหมอบอกว่าสามารถใส่ Passport Number ของทั้งสองเล่มได้นะ เราก็เลยตกลงว่าใส่ Passport Numbet ทั้งสองเล่ม
🔬 สองทุ่ม เจ้าหน้าที่ห้อง Lab โทรมาแจ้งพี่เป็ดว่า ผลตรวจ Not Detected ทั้งสามคน เราดีใจที่ได้ผลทันก่อนเดินทาง และผลตรวจเป็นลบ แปลว่าไม่ติดโควิท ดีใจที่สุด นอนหลับสบายใจ
🔬วันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันเดินทาง เราได้อีเมล์ประมาณ 8 โมงเช้า ตอนบ่ายพี่เป็ดไปรับเอกสารตัวจริงมาให้ ทางโรงพยาบาลเตรียมเอกสารให้เรา 4 อย่างดังนี้
 
▪️ Covid-19 result คือ ผลตรวจโควิทแบบ Lab Report เป็นผลการตรวจ SARs-CoV-2 Real-time RT-PCR เขียนว่า Not Detected
▪️ Laboratory Quality Standards Certificate เป็นเอกสารที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขรับรองว่า “โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้รับการรับรองความสามารถห้องปฏิบัติการเครือข่ายตรวจ SARs-CoV-2 ด้วยวิธี Real-time RT-PCR ทั้ง Individual Sample และ Pooled Saliva Samples” มีทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
▪️Medical Certificate คือใบรับรองแพทย์ เขียนละเอียดว่าอุณหภูมิเท่าไหร่ ระบุว่าไม่มีประวัติเกี่ยวกับ COVID-19 หรือใกล้ชิดคนที่เป็นหรือเสี่ยงจะเป็นโควิท ไม่ได้เดินทางไปพื้นที่เสี่ยง และมีผลการตรวจสุขภาพทั่วไปอย่างที่เล่าไปก่อนหน้านี้ คุณหมอเอามาเขียนอย่างละเอียด
▪️Fit-to-Fly ชื่อในเอกสารคือ Fit for Travel Medical Certificate เป็นแบบฟอร์มที่มีรายละเอียดต่างๆ มากมาย มีรายละเอียดตรงกับในใบรับรองแพทย์ และเพิ่มเติมคือ มีช่องให้เช็ค ซึ่งคุณหมอเช็คว่า Fit to fly as normal seated passenger
🔬 ทั้งเอกสาร Medical Certificate และ Fit-to-Fly ทางโรงพบาบาลใส่ Passport Number ให้ด้วย เอกสารของน้องแป้งน้องปุยมี Passport Number ทั้งของไทยและอเมริกา ปอตรวจสอบรายละเอียดให้ถูกต้องครบถ้วน
🔬 นอกจากเอกสารทั้งหมดนี้แล้ว ถ้าจะบินเข้าอเมริกา ต้องกรอก Passenger Attestation Form ซึ่งพริ้นท์จากเวบไซด์ของสายการบินด้วย เป็นเอกสารที่เราต้องให้ข้อมูลกับสายการบินเพื่อยืนยันว่า เราผลตรวจโควิท 3 วันก่อนถึงเวลาเครื่องออก (flight’s departure) และมีผลตรวจเป็นลบ ถ้าเคยติดโควิทและหายป่วยไม่ต่ำกว่า 3 เดือนแล้ว ก็ต้องยืนยันข้อมูลด้วยเช่นกัน
🔬 ฟอร์มนี้แต่ละสายการบินเรียกชื่อต่างกัน แต่เนื้อหาในแบบฟอร์มจะคล้ายๆ กัน เพราะมาจาก CDC Guideline ของอเมริกา ขอยกตัวอย่างสายการบินและแบบฟอร์มที่น้องแป้งน้องปุยเคยกรอกมาแล้ว ได้แก่
▪️ Korean Air จะเรียกว่า Passenger Disclosure and Attestation to the United States of America
▪️ ส่วน Qatar Airways จะให้กรอกฟอร์มที่เรียกว่า COVID-19 PCR Test Passenger Consent Form
▪️ สำหรับ Asiana Airlines ซึ่งเป็นสายการบินที่เราเลือกในครั้งนี้ เรียกว่า Passenger Attestation Form
▪️ ฟอร์มต้นแบบจาก CDC Guideline https://www.cdc.gov/quarantine/pdf/Fillable-Attestation-English-508.pdf?v=2
▪️ ที่มาของข้อมูล : https://www.cdc.gov/quarantine/fr-proof-negative-test.html

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา