สุดท้ายมาจบที่ร้าน Tin Tin Cafe ที่แสนน่ารักและเก๋ ในร้านตกแต่งเป็นรูปการ์ตูน Tin Tin ใครเป็นแฟนของเจ้าหนูตินตินและหมาน้อยสโนวีคงชอบ แต่ฉันเฉย ๆ มันน่ารักดีนั่นแหละ แต่อยากไปคลุกคลีริมถนนมากกว่า
กลับมาเช็คเอาท์และแบกกระเป๋ามุ่งหน้าสู่ Camillia ที่จองไว้ แต่ก็บอกคีธว่าจะไปดู Red Hotel ก่อนเพราะเป็นทางผ่าน เมื่อคืนไม่ได้แวะไป ยังไม่ทันถึง Red Hotel ดีก็มีชายชาวเวียดนามประมาณสี่ห้าคนมารุมล้อมพวกเรา ถามกันเซ็งแซ่ว่าหาที่พักอยู่รึเปล่า ต่างคนก็ยื่นนามบัตรทิ่มหน้าเข้ามา พอแจ้งว่าจะไป Red Hotel ชายคนหนึ่งก็บอกว่าให้รอตรงนี้ เดี๋ยววิ่งไปเช็คให้ พักนึงก็วิ่งกลับมาว่าเต็มแล้ว แล้วก็คะยั้นคะยอให้เดินตามเค้าไป จะพาไปอีกโรงแรมนึง
เราปิดวันด้วยร้านอาหาร Up to you ของคีธอีกตามเคย คือแล้วแต่ฉันอยากกินอะไร แถวไหนก็ได้ไปกินกัน ซึ่งตอนนี้ฉันก็เริ่มสงสัยแล้วว่า ที่อีคีธมันห่วงว่าฉันจะเหงา หรือมันจะเหงากันแน่
ถัดจากย่านเสื้อผ้า ก็มาเจอกับย่านขายซีดีเถื่อน ส่วนใหญ่เป็นซีดีเพลงสากล ฉันเลยเลือกมองหาเพลงของ Manu Chau และ Frank Sinatra ที่เคยฟังที่บ้านน้ำปาย ได้ติดมือมา 4 แผ่น
เดินมาที่ไปรษณีย์กลางใกล้ทะเลสาบ หาที่นั่งเขียนโปสการ์ดถึงเพื่อน ๆ สักพักก็มีเด็กกลุ่มนึงเดินมาขายแผนที่และโปสการ์ด ก็จะเริ่มต้นด้วยประโยคที่ฟังมาตลอดสามวันนี้ว่า “Where are you from?” “Thailand!!” “You are very sexy girl” ซึ่งเด็กขายโปสการ์ดริมทะเลสาบเกือบทุกคนจะพูดแพทเทิร์นนี้