Blockdit Logo (Mobile)
A
ALC Story
•
28 ส.ค. 2021 เวลา 09:00 • อาหาร
แช่ WINE ในช่องแช่แข็ง ทำได้หรือไม่?
การดื่มไวน์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แทบจะทุกประเภท มักจะมีเทคนิคหลาย ๆ แบบที่ทำให้ดื่มได้ง่ายขึ้น หนึ่งในนั้นคือการดื่มในขณะที่เย็น เพื่อให้สัมผัสของแอลกอฮอล์เบาบางลง และดื่มได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Red Wine (ไวน์แดง) ที่มีสัมผัสของแอลกอฮอล์สูง หรือ White Wine (ไวนขาว) และ Sparkling Wine (สปาร์กลิ้งไวน์) ที่ต้องการรสสัมผัสที่สดชื่นเป็นพิเศษ แต่การที่จะทำให้เย็นได้ตามต้องการนั้นอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย จึงไม่แปลกใจที่มีคนใจร้อนบางคนหาวิธีที่จะทำให้ไวน์เย็นเร็วขึ้น... อย่างการเอาไปแช่ในช่องแช่แข็ง
ถ้าใครที่เคยอ่านเรื่องของการแช่ไวน์มา อาจจะรู้ดีว่าการแช่ไวน์แบบเย็นจัด ๆ นั้น ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย เพราะนอกจากจะทำให้ไวน์กลายเป็นน้ำแข็งเมื่อแช่ทิ้งไว้เป็นเวลานานแล้ว การทำให้ไวน์เย็นจัด เอกลักษณ์และคาแรคเตอร์ของไวน์จะหายไปด้วย อย่าง White Wine ก็จะเสียกลิ่นหอมและรสชาติไป ในขณะที่ Red Wine ก็จะไม่ได้สัมผัส Tannin และกลิ่นผลไม้สีแดงที่ควรจะเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวไปเลย
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ควรใช้ช่องแช่แข็งไปเสียทีเดียว เพราะผลกระทบที่เกิดกับไวน์มันไม่ได้เกิดแบบทันทีทันใดขนาดนั้น อย่างที่คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ และ Sommelier ได้แนะนำ Tips ดี ๆ ในการแช่ไวน์ด้วยช่องแช่แข็งไว้ดังนี้
Matt Walls นักเขียนจาก Decanter‘s Rhône ได้แนะนำไว้ว่า ถ้าคุณอยากจะแช่ไวน์ในช่องแช่แข็ง ควรแช่ไว้นาน 22 นาที สำหรับความเย็นแบบเบา ๆ พอดี ๆ แต่ถ้าต้องการให้เย็นได้ที่ 28 นาที เป็นระยะเวลาที่เหมาะสม ในขณะที่ Xavier Rousset MS - Sommelier และเจ้าของภัตตาคาร มีวิธีการแช่ที่ไวกว่า ด้วยการห่อขวดไวน์ด้วยผ้าขนหนูเปียก แล้วนำไปแช่ในช่องแช่แข็งประมาณ 10 นาที
สำหรับกรณีของ Sparkling Wine และ Champagne (แชมเปญ) นั้น ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ 20 นาทีถือเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการแช่ Sparkling Wine และ Champagne ในช่องแช่แข็ง
สิ่งที่ทุกวิธีได้แนะนำไว้เหมือนๆ กัน คือ “อย่าแช่ทิ้งไว้นานกว่านั้น” เพราะหลังจากนี้ไปคือความวินาศดี ๆ นี่เอง เพราะแทนที่จะได้เพลิดเพลินกับไวน์เย็น ๆ อาจจะต้องมานั่งทำความสะอาดคราบน้ำแข็งไวน์และเศษแก้วที่มาจากระเบิดเพราะแรงดันในขวดแทน ยิ่งกับ Sparkling Wine และ Champagne ที่มี Carbon Dioxide ที่ทำให้เกิดความซ่าอยู่ ยิ่งโอกาสที่แรงดันข้างในจะทำให้ขวดแตกหรือระเบิดออกมาได้มากกว่า... ถ้าไม่เชื่อก็ลองเอาขวดโซดาเข้าไปแช่ไว้สักคืนสิ..!!!
โฆษณา