1 ธ.ค. 2021 เวลา 12:19 • ศิลปะ & ออกแบบ
ตอนที่26.โคลีเซียม สนามกีฬาฝึกฆ่าฟัน ความโหดร้ายคือความยิ่งใหญ่ของอาณาจักร
.
.
...
....อารยธรรม ที่รุ่งเรืองทีสุดจำเป็นต้องโหดร้ายที่สุดหรือเปล่า การได้มาซึ่งความอยู่รอด และความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรจำเป็นต้องมีกองทัพที่แข็งแกร่ง ฆ่าฟันศัตรูให้ย่อยยับ วิธีคิดของระบบศาสนาและการปกครอง จะเป็นเช่นไรที่จะสอดรับกับการกระทำนั้น เพื่อให้อาณาจักรนั้นดำรงและศัตรูแพ้พ่าย การฝึกทหารฝึกกองทัพให้มั่นคงยิ่งใหญ่ ต้องหลอมความคิดผู้คนนั้นอย่างไร ไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมดเพื่อให้เป้าประสงค์ของอาณาจักรบรรลุ การฆ่าฟันไม่ใช่สิ่งที่ดีอยู่แล้วแต่ผู้ครองรัฐนั้นจะทำอย่างไรสมัยโรมันก็มีศาสนาของเทพเจ้าทำอย่างไรจะสร้างสังคมให้มีเป้าหมายต่อการรบราฆ่าฟันเป็นอามิสทั้งก่อนความตาย และเบื้องหลังความตายของผู้คนในอาณาจักรใช่หรือไม่
ทางเข้า
......ถ้า พวกเราเคยเข้าสนามกีฬาใหญ่ๆไปดูฟุตบอลหรือการแสดงอื่นๆในพื้นที่กว้างใหญ่เราจะพบอารมณ์ร่วม พวกเราไม่เพียงแต่เป็นผลผลิตของสังคมแต่พวกเรายังเป็นตัวสังคมเอง การเชียร์กีฬากับผู้คนเป็นพันเป็นหมื่นกลุ่มหรือสังคมนั้นมีชีวิตของกลุ่มขึ้นมาตัวตนของคุณผมก็หายไป เมื่อเราหลอมรวมคุณงามความดีเข้าไว้ด้วยกัน พวกเราสังคมเราก็กลายเป็นตัวคุณงามความดีนั่นเอง และในทำนองกลับกันเมื่อ พวกเราบ้าคลั่ง ความบ้าคลั่งนั้น ก็คือสังคมและคือทั้งหมดของพวกเรา
.....เกมส์กีฬาในสนามอันกว้างใหญ่ รวบรวบผู้คนให้เข้าไปอยู่และละลายความเป็นตัวตน
ให้กลายเป็นกลุ่มก้อนพลัง แห่งกลุ่มก้อนนี้ละที่ทำให้เกิดความมั่นคงของเรื่องราวของพวกของหมู่เหล่า และของอาณาจักร โรมันคงใช้วิธีนี้ในการหลอมใจของปวงชนการฆ่าฟันกันในสนามเป็นเพียงเกมส์การละเล่นเกมส์หนึ่ง เพื่อนำไปสู่การรวมกลุ่มของสังคม แล้วสังคมก็กลายเป็นเช่นคนผู้หนึ่งที่มีชีวิต เดินเหินเคลื่อนไหวไปมาได้ชีวิตคนเราเป็นเพียงเช่นนั้นจริงหรือ หรือเราเป็นเพียงฝุ่นละอองของพระเจ้าและบางขณะแห่งมายาการนั้น ฝุ่นละอองตัวนั้นก็สามารถกลายเป็นพระเจ้าเอง
.......โคลอสซิโอ้หรือโคลีเซี่ยมเป็นต้นกำเนิดของสนามกีฬาในโลกทุกที่ยกเว้นที่กรีกหรือทางเมโสโปเตมี ตั้งแต่วิทยาการเรื่องเสียง(ถึงจะรับต่อจากกรีกก็ตาม) (น่าแปลกที่ยุคสมัยนี้กลับไม่พัฒนาหรือพัฒนาเรื่องเสียงไปไม่ถึงทีกรีกหรือโรมันเคยทำ) เรื่องมุมมองของผู้ดูและมุมมองของผู้ถูกดู สถาปัตยกรรมได้ก้าวหน้าในยุคในความรุ่งเรืองของโรมัน และที่นี่เป็นหนึ่งในโบราณสถานของโรมันที่มีผู้คนรู้จักกันมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
.....แต่ก่อนโคลอสซิโอ้กรุด้วยหินอ่อนที่เรียกชื่อว่าทราวาติโนสีออกครีมครีม ที่โรงแรมสมัยก่อนกว่าห้าสิบปีนิยมใช้หินประเภทนี้มาก ภาษาเดี๋ยวนี้ของงานก่อสร้างเรียกว่าหินผุ ลองดูภาพโคลอสซิโอ้แล้วจินตนาการให้เป็นหินอ่อนทั้งหลังในแต่ละช่องของอาร์คโค้งมีตุ๊กตาทหารอยู่รอบตัวจะอาร้าอร่ามขนาดไหน ทั้งมีเรื่องว่าสมัยที่โป๊บจะสร้างวิหารวาติกันอันใหญ่โตนั้นแต่ก่อนโบสถ์ซานเปรโตนี้เป็นโบสถ์เล็กๆหลังหนึ่งจนวันที่เริ่มสร้างก็ให้มาแกะเอาหินจากโคลอสซิโอ้ไปใช้ ถ้าเป็นสมัยนี้ชมรมอนุรักษ์ของเก่าวัฒนธรรมเก่าๆคงออกมาเดินขบวนคัดค้านหรือโพสลง FBแน่นอนภาพจินตนาการว่าโคลอสซิโอ้แต่ก่อนทีสมบูรณ์จะเป็นเช่นนี้ไม่ว่าความก้าวหน้าของโรมัน จะมีมากน้อยเพียงใด
จนกระทั่งความก้าวหน้าของยุโรปในยุคกลางจนถึงปัจจุบัน เราก็ไม่เคย มีความก้าวหน้าใดใดทางจิตวิญญาณที่เพิ่มขึ้นตราบปัจจุบัน พวกเรายังเป็นกลุ่มคนกลุ่มสังคม ที่แก่งแย่งชิงดีเอารัดเอาเปรียบกัน ช่วงชิงกันฆ่าฟันกันละโมบอยากโน่นอยากนี่ เห็นแก่ตัวแก่พวกพ้อง ตราบไปอีกกี่หมื่นกี่แสนปีเราก็เป็นเช่นเดิม วิวัฒนาการแห่งความก้าวหน้าทางวัตถุ ตลอดจนการคิดค้นต่างๆให้อะไรกับสังคมมนุษย์ให้อะไรกับจิตวิญญาณของมนุษยชาติบ้าง
ผมมาที่นี่สองครั้งครั้งก่อนสมัยประมาณปี พศ.2518และมาครั้งนี้ก็มาดูความใหญ่โตของอาคาร แต่ไม่ค่อยประทับใจในวิถีแห่งการใช้สอยของสถาปัตยกรรม แม้ตัวมันจะเป็นต้นแบบยุคแรกๆของการสร้างสนามกีฬา สมัยก่อนนั้นการเข้าไปในพื้นที่ด้านในไม่เก็บเงินเดี๋ยวนี้เลี่ยนแกเอาทุกเม็ด ตัวสนามเมื่อมองลงจะเห็นโครงสร้างด้านล่างเขาว่าเป็นที่ขังนักโทษหรือสัตว์เพื่อเตรียมเอามาต่อสู้ เราคงจินตนาการถึงเช่นเดียวกับโรงละครๆแห่งการฆ่าฟันที่ถูกนำมาจัดแสดง
.....และแน่นอนเวลามาที่นี่ก็ต้องมีกลิ่นอายของการฆ่าฟัน ความอาฆาตพยาบาทหวาดกลัวเหมือนเวลาเราไปดูสถานที่ที่มีเรื่องราวโศกนาฏกรรมความเศร้าการทำลายล้าง หลายแห่งหลายที่ เช่นคุก สะพานแม่น้ำแคว ฮิโรชิมา กลิ่นอายพวกนี้ทำให้จิตใจเราวิตกกังวลห่อเหี่ยวซึมเซา แต่คนรุ่นใหม่อาจไม่รู้สึกอะไรแล้ว
เวลาจากยุคที่แล้วสืบต่อมาถึงยุคนี้ ตอนที่ไปนั้น ยังมีข่าวของพนักงานการบินไทยที่ถ่ายรูปติดรูปแปลกๆที่ช่องหน้าต่างอาร์คของตัวอาคาร มาคราวนี้ผมก็เลยขอไว้บ้างก่อนถ่ายรูปให้มีติดรูปประกอบไปบ้าง แต่ก็ไม่มีอะไรเด่นชัดนัก ฝีมือไม่ดี ในยุโรปนี่ไม่ได้ผีดุโดยเฉพาะตามอาคารเก่าหรือโรงแรมเก่าๆยิ่งมีประวัติศาสตร์โบร่ำโบราณเข้าไปอีกหนำซ้ำ พวกนี้ไม่ค่อยชอบคนเอเซียหน้าดำเจ๊กจีนอย่างพวกเรา คนที่โน่นเจอกันบ่อย และที่นี่เป็นสนามฆ่าฟันกัน มิต้องบรรยายให้มากความ
ยิ่งหลังจากที่เดินรอบสนามเสร็จผมขึ้นไปที่โบสถ์เล็กๆสีชมพูขาว บนเขาตรงข้ามกับโคลีเซียม โบสถ์นั้นกลับตรงข้ามเงียบสงบ ไม่มีผู้คน นั่งอยู่ในนั้นร่วมครึ่งชั่วโมงคนเดียว จนรู้สึกตกใจกลัวขึ้นมา รีบออกจากโบสถ์นั้น พอไปถึงบ้านสายมูอย่างแม่บ้านของเจ้าถิ่น แกเคยบวชชีอยู่นานทางภาคอีสานถึงกับร้องทักว่ามีคนเดินตามมาหลายคน ใครว่าฝรั่งไม่มีเรื่องพวกนี่น่ะ
ทางแก้ว
โคลงชมวัดฝรั่ง
๑๑มิถุนายน ๒๕๕๕-๑ธันวาคม๒๕๖๔

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา