6 ก.ย. 2021 เวลา 03:04 • หนังสือ
#71 เล่ม 3 บทที่ 16 หน้า 358 ~ 363
...
ฉะนั้นคำถามเดียวตอนนี้ก็คือ พวกเขาจะปฏิเสธฉันอีกไหม❓
N : มันสำคัญกับพระองค์ด้วยหรือครับ❓
G : ไม่สำคัญเลยสักนิด เพราะวันหนึ่งลูกๆของฉันทั้งหมดก็จะต้องกลับมาหาฉัน มันไม่ใช่เรื่องว่าจะกลับหรือไม่กลับ แต่เป็นเรื่องว่าจะกลับมาเมื่อไหร่เท่านั้น (เรื่องนี้ต่างหากที่สำคัญ) ฉะนั้นใครมีหูก็จงฟังเถิด
...
...
...
N : ครับ เอ่อ...คือเรากำลังคุยกันเรื่องชีวิตในดาวเคราะห์ดวงอื่น แล้วพระองค์ก็กำลังจะยกตัวอย่างว่าส่วนใหญ่แล้วชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นล้ำหน้ากว่าชีวิตบนโลกยังไง
G : ในทางเทคโนโลยี อารยธรรมอื่นเกือบทั้งหมดรุดหน้ากว่าพวกเธอมาก บางอารยธรรม (จำนวนไม่มาก) ก็ล้าหลังกว่าพวกเธอ 🔸แต่ส่วนใหญ่แล้วล้ำหน้ากว่าพวกเธอไปไกล🔸
N : ล้ำหน้ากว่ายังไงครับ❓ ยกตัวอย่างให้ผมฟังหน่อย
G : โอเค อย่างเรื่องสภาพอากาศ ดูเหมือนพวกเธอจะไม่สามารถควบคุมสภาพอากาศได้ (อย่าว่าแต่จะทำนายให้แม่นยำเลย❗) ชีวิตจึงต้องขึ้นอยู่กับความแปรปรวนของมัน
แต่กับโลกอื่นๆไม่เป็นแบบนั้น สิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์ส่วนใหญ่เหล่านั้นสามารถควบคุมอุณหภูมิในระดับท้องถิ่นหรือในระดับภูมิภาคได้ เป็นต้น
N : ควบคุมได้ด้วยหรือครับ❓ ผมคิดว่าอุณหภูมิของดาวเคราะห์เป็นผลมาจากระยะห่างจากดวงอาทิตย์ ชั้นบรรยากาศ ฯลฯ
G : อะไรพวกนั้นเป็นตัวกำหนดตัวแปร และภายใต้ตัวแปรนั้นสามารถทำอะไรได้อีกมาก
N : ยังไงครับ❓ ทำอะไรในลักษณะไหนครับ❓
G : โดยการควบคุมสภาพแวดล้อม โดยการสร้าง (หรือไม่ได้สร้าง) สภาวะบางอย่างในชั้นบรรยากาศ
เธอเห็นไหมว่า มันไม่ใช่แค่ตำแหน่งแห่งที่ระหว่างพวกเธอกับดวงอาทิตย์เท่านั้น แต่มันยังเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเธอใส่ลงไป ‘ระหว่าง’ ตัวของพวกเธอกับดวงอาทิตย์ด้วย
พวกเธอได้ใส่สิ่งอันตรายที่สุดหลายอย่างลงไปในชั้นบรรยากาศ แล้วก็เอาสิ่งสำคัญที่สุดบางอย่างออกมา แต่พวกเธอก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับเรื่องนี้ หมายความว่าคนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับเรื่องนี้
แม้กระทั่งผู้ปราดเปรื่องที่สุดในหมู่พวกเธอได้พิสูจน์จนหมดข้อกังขาถึงความเสียหายที่พวกเธอได้ก่อขึ้น แต่พวกเธอก็ไม่ยอมรับมันอยู่ดี พวกเธอยังเรียกผู้ปราดเปรื่องเหล่านั้นว่าไอ้พวกบ้าสติเฟื่องอีกด้วย
และบอกว่าตัวเองนั้นรู้ดีกว่า หรือไม่พวกเธอก็บอกว่าคนฉลาดพวกนั้นมีเจตนาไม่ดี แค่หาเหตุผลมารองรับมุมมองของพวกตน และมีผลประโยชน์ที่ต้องปกป้อง
แต่จริงๆแล้วพวกเธอเองนั่นแหละที่มีเจตนาไม่ดี และกำลังพยายามหาเหตุผลมารองรับมุมมองของพวกตน และก็เป็นตัวของพวกเธอเองนั่นแหละที่กำลังปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองเป็นพิเศษ
และผลประโยชน์หลักของพวกเธอก็คือตัวของพวกเธอเอง หลักฐานทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์แค่ไหน ไม่ว่าจะน่าตื่นตะลึงและแสดงให้เห็นได้ชัดเจนเพียงใด จะถูกปฏิเสธหากมันรุกล้ำผลประโยชน์ส่วนตนของพวกเธอ
N : เป็นคำกล่าวหาที่รุนแรงนะครับ และผมก็ไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริง
G : จริงหรือ❓ เธอกำลังบอกว่าพระเจ้าเป็นพวกขี้โกหกอย่างนั้นใช่ไหม❓
N : เอ่อ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย...
G : เธอรู้ไหมว่าต้องใช้เวลานานขนาดไหนกว่าประเทศของเธอถึงเห็นด้วยกับการหยุดปล่อยมลพิษด้วยสารฟลูโอโรคาร์บอน★ สู่ชั้นบรรยากาศ❓
★chlorofluorocarbons (ครอโรฟลูโอโรคาร์บอน) หรือ CFC สารที่ทำให้เกิดการลดลงของโอโซนในชั้นบรรยากาศ – ผู้แปล
N : เอ่อ... คือ...
G : พูดไม่ออกเลยล่ะสิ แล้วเธอเคยคิดไหมว่าทำไมมันถึงต้องใช้เวลานานขนาดนั้น❓
ช่างเถอะ เดี๋ยวฉันจะบอกเธอเอง ที่ต้องใช้เวลานานขนาดนั้นเป็นเพราะการหยุดปล่อยมลพิษจะทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลายสูญเงินจำนวนมหาศาลน่ะสิ และที่ต้องใช้เวลานานขนาดนั้นเป็นเพราะมันจะไปกระทบกับความสะดวกสบายของผู้คนจำนวนมาก
ที่ต้องใช้เวลานานขนาดนั้นเป็นเพราะหลายคนและหลายประเทศเลือกที่จะปฏิเสธ (‘จำเป็นต้องปฏิเสธ’) หลักฐานที่ยืนยันอยู่หลายปีก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์และสถานภาพของตัวเอง จึงต้องทำให้สิ่งต่างๆคงอยู่แบบเดิม
1
จนกระทั่งอัตราของผู้เป็นมะเร็งผิวหนังสูงขึ้นจนน่าตกใจ จนกระทั่งระดับของอุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น ธารน้ำแข็งและหิมะเริ่มละลาย มหาสมุทรเริ่มอุ่นขึ้น แม่น้ำ ลำธาร และทะเลสาบเริ่มเกิดน้ำท่วมบ่า พวกเธอส่วนใหญ่ถึงได้เริ่มใส่ใจ
จนกระทั่งมันเริ่มส่งผลกระทบต่อ ‘ผลประโยชน์ส่วนตน’ ของพวกเธอ พวกเธอถึงได้เห็นว่ามันเป็นความจริงตามที่ผู้ปราดเปรื่องทั้งหลายพยายามป่าวประกาศมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
N : ผลประโยชน์ส่วนตนมันผิดตรงไหนครับ❓ ผมจำได้ว่าพระองค์เคยพูดเอาไว้ในเล่ม 1 ว่า ผลประโยชน์ส่วนตนต้องมาก่อนเป็นอันดับแรกด้วยซ้ำ
G : ฉันพูดแบบนั้นนั่นแหละ และมันก็เป็นอย่างนั้นด้วย (ที่ผลประโยชน์ส่วนตนต้องมาก่อน)
ทว่าในวัฒนธรรมอื่นและสังคมอื่นบนดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ นิยามของ “ผลประโยชน์ส่วนตน” นั้น 🔸กว้างใหญ่กว่าบนโลกของเธอมากนัก🔸
มันชัดเจนมากสำหรับสิ่งมีชีวิตที่ตื่นรู้แล้วว่า ▶️ อะไรที่ทำร้ายคนๆหนึ่งได้แสดงว่ามันก็ต้องทำร้ายคนหลายคนได้ ▶️ และอะไรที่เป็นประโยชน์กับคนแค่ไม่กี่คนได้แสดงว่าต้องเป็นประโยชน์กับจำนวนมากได้เช่นกัน เพราะหากไม่เป็นอย่างนั้น ในท้ายที่สุดแล้ว 🔸มันก็จะไม่เป็นประโยชน์กับใครเลย🔸
แต่ในโลกของเธอกลับตรงกันข้าม อะไรที่ทำร้ายคนๆหนึ่งจะถูกเพิกเฉยจากคนส่วนใหญ่ และอะไรที่ให้ประโยชน์กับคนแค่ไม่กี่คนจะถูกปฏิเสธจากคนส่วนใหญ่
นี่เป็นเพราะนิยามของคำว่า “ผลประโยชน์ส่วนตน” ของพวกเธอแคบมาก แทบไม่เกินวงคนใกล้ชิดไม่กี่คนที่ตนรัก และแก่เหล่าคนที่ผ่านการคัดเลือก (ผ่านการต่อรองผลประโยชน์) จากพวกตนเท่านั้น
ใช่ ฉันพูดไว้ในเล่ม 1 ว่า 🔸ในทุกความสัมพันธ์จงทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่สุดต่อตัวเธอเอง🔸
แต่ฉันก็ยังพูดอีกด้วยว่า 🔸เมื่อเธอเห็นว่าอะไรคือผลประโยชน์สูงสุดของตัวเธอ — เธอก็จะเห็นว่ามันคือผลประโยชน์สูงสุดของคนอื่นด้วย🔸
✨เพราะเธอ และ คนอื่นคือหนึ่งเดียวกัน✨
💥 เธอและคนอื่นทั้งหมดล้วนคือหนึ่งเดียวกัน — นี่คือสภาวะแห่งการตระหนักรู้ในระดับที่พวกเธอยังไปไม่ถึง
เธอถามถึงเทคโนโลยีขั้นสูง และฉันจะตอบเธอว่า : 🔸พวกเธอไม่มีทางมีเทคโนโลยีขั้นสูงที่เป็นประโยชน์ใดๆได้โดยปราศจากแนวคิดขั้นสูงรองรับ🔸
💢 เทคโนโลยีขั้นสูงที่ปราศจากแนวคิดขั้นสูงรองรับจะไม่ก่อให้เกิดความก้าวหน้า — แต่จะก่อให้เกิดความพินาศ
💢 พวกเธอได้ประสบกับมันมาแล้วบนดาวเคราะห์ของพวกเธอ และพวกเธอก็ใกล้จะประสบกับมันอีกครั้งเหลือเกินแล้ว
N : หมายความว่ายังไงครับ❓ พระองค์กำลังพูดถึงเรื่องอะไร❓
G : ฉันกำลังบอกว่า ครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้บนดาวเคราะห์ดวงนี้ พวกเธอได้ไปถึงจุดสูงสุด (จริงๆต้องบอกว่าไปเกินจุดสูงสุด) เป็นจุดที่พวกเธอในตอนนี้กำลังปีนป่ายขึ้นไปอย่างช้าๆ
มันเคยมีอารยธรรมหนึ่งบนโลกที่ล้ำหน้ากว่าอารยธรรมในยุคปัจจุบัน และมันก็ได้ 🔸ทำลายตัวเอง🔸
💢 ไม่ใช่แค่ทำลายตัวเอง แต่ยังทำลายสิ่งอื่นๆเกือบทั้งหมดลงไปด้วย
💢 เป็นเพราะอารยธรรมนั้นไม่รู้วิธีจัดการกับเทคโนโลยีที่พวกตนได้พัฒนาขึ้น
💢 วิวัฒนาการทางเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณมากจนถึงขั้นพวกเขายกให้เทคโนโลยีคือพระเจ้า
💢 ผู้คนบูชาเทคโนโลยี รวมถึงสิ่งต่างๆที่เทคโนโลยีได้รังสรรค์และทำให้เกิดขึ้น ผู้คนในอารยธรรมนั้นได้รับทุกสิ่งทุกอย่างที่เทคโนโลยีที่เกินจะควบคุมได้มอบให้ รวมถึงการทำลายล้างที่ไม่อาจควบคุมได้
💢 พวกเขาทำให้ทุกอย่างบนโลกจบสิ้นลง
N : ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นที่นี่ บนโลกใบนี้งั้นหรือครับ❓
G : ใช่
N : พระองค์กำลังพูดถึงอารยธรรมแอตแลนติสที่สาบสูญไปใช่มั้ย❓
G : พวกเธอบางคนก็เรียกอย่างนั้น
N : แล้วก็เลอมูเรีย มหาทวีปมู❓
G : นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของปรัมปราคติของพวกเธอ
N : มันคือความจริงงั้นหรือเนี่ย❗ พวกเราเคยเจริญถึงขีดสุดมาก่อน❗
G : โอ้ ยิ่งกว่านั้นอีก เพื่อนเอ๋ย ยิ่งกว่านั้นเยอะ
N : แล้วพวกเราก็ทำลายตัวเอง❗
G : เธอจะประหลาดใจไปทำไม พวกเธอก็กำลังทำแบบนั้นอยู่ในตอนนี้
N : ผมรู้ครับ แต่พระองค์จะช่วยบอกวิธีให้พวกเราหยุดทำแบบนั้นได้มั้ยครับ❓
...
...
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา