15 ก.ย. 2021 เวลา 00:40 • ปรัชญา
"หลงไปในคิด ? "
"... วันนี้ถ้าผมบอกว่าทุกคนหลงไปในคิด
ท่านก็จะรู้สึกว่า
ทุกคนมันก็ต้องคิดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ
จะมานั่งบอกว่าหลงไปในคิด
มันแปลว่าอะไร ?
เวลาเราไปปฏิบัติธรรม
หรือว่าแม้แต่เวลาที่เรานั่งสมาธิ
เค้าก็บอกว่า นั่งสมาธินะ
แล้วจะได้ไม่ต้องคิด
เพราะว่าความคิดนี้ นำมาซึ่งทุกข์
ผมยอมรับเลยว่า
ในวันที่ผมเข้ามาปฏิบัติธรรมวันแรก ๆ
ผมก็ได้ยินคำอย่างนี้
ความคิด ทำให้ทุกข์
พอมานั่งสมาธิ ก็เลยหยุดคิด
เอาล่ะ ต่อให้มันจะเป็นจริงบ้างบางส่วนก็ตาม
แต่สิ่งที่ผมสงสัยเลยก็คือว่า
แล้วพอออกจากนั่งสมาธิ ก็คิดอยู่ดี
ถ้าเราจะเอาคิดเป็นที่ตั้งอย่างเดียว
เราอาจจะสับสนนะ
เนื่องจากว่าตอนที่ผมสงสัย
เกียรตินิยมอันดับ ๑ ไม่คิดเหรอ ... คิด
คนที่ร่ำรวยเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี ... คิด
หรือต่อให้พระสงฆ์องค์เจ้า
ที่เราว่าครูบาอาจารย์
เกจิอาจารย์ที่ถึงธรรมแล้ว
ถ้าท่านจะสร้างเสนาสนะ ท่านก็ต้องคิด
แล้วยังไงเนี่ย
มันจึงทำให้ผมเริ่ม Question mark ทันทีเลย
มานั่งสมาธิ เพื่อให้หยุดคิด
แล้วบอกว่า คิดนำมาซึ่งทุกข์
เอาล่ะ ผมก็เชื่อว่า
คิดทำให้เราทุกข์
สมมติว่าใครอกหัก แล้วก็คิดย้อนไปถึงเรื่องอกหัก
คน ๆ นั้นก็นั่งทุกข์เศร้า จมอยู่ในความคิด
อันนั้นก็ทุกข์ ใช่
ความคิดนำมาซึ่งทุกข์ เข้าใจได้
แต่บอกให้หยุดคิด เพื่อจะได้หมดทุกข์
มันน่าจะแปลก ๆ
หรือว่าผมเข้าใจผิดเองในวันนั้น
สมมติว่าวันนั้นผมเข้าใจผิดเอง
แล้ววันนี้ผมพอจะเข้าใจอะไรถูกขึ้นมาบ้าง
ผมจะลองนำความเข้าใจนั้น
มาเล่าให้พวกท่านฟังก็แล้วกัน
ก่อนที่เราจะมานั่งสรุปว่า
คิด หรือว่าหลง หรือว่าอะไรก็แล้วแต่
เรามาดูความจริงกันก่อน
ถ้าผมให้ท่านสั่งสมาธิตอนนี้
แล้วก็ทุกคนที่กำลังนั่งอยู่หน้าจอ
หลับตา แล้วก็อยู่กับลมหายใจ
ลองดูสักแป๊บนึงก็ได้นะครับ
...
ท่านจะรู้สึกเลยว่า
ท่านรู้ลมหายใจได้ไม่กี่ที
เดี๋ยว ๆ ท่านก็เริ่มคิดละ
ถ้าผมบอกว่ากลับมาอยู่กับลมไว้
ท่านก็จะกลับมาอยู่กับลม
อีกสักแป๊บนึง
เดี๋ยว ๆ ท่านก็เผลอไปคิดอีก
อาจจะเป็นความกังวล
หรือไม่ท่านอาจจะคิดถึงเมื่อวาน
งานที่ทำคั่งค้าง เดี๋ยวต้องไปทำอะไรต่อ
ท่านก็ต้องคิดอยู่ดี
อ้าว ไม่คิดแล้วเดี๋ยวจะทำงานยังไงล่ะ
เพราะมันไม่ได้คิด เตรียมแผนล่วงหน้า
จะเห็นเลยว่า เออใช่
ต่อให้เรานั่งสมาธิ เราจะเห็นว่า
เดี๋ยวเราก็คิดไปข้างหน้า เดี๋ยวเราก็คิดไปข้างหลัง
เดี๋ยวเราก็คิดไปที่อดีต เดี๋ยวเราก็คิดไปที่อนาคต
แล้วเดี๋ยวเราก็เริ่มกังวล
แล้วเราก็เริ่มเป็นทุกข์
ถ้าใครคิดอย่างที่ผมบอก
คิดถึงคนที่เคยทำให้เราเจ็บช้ำน้ำใจ
เราก็เป็นทุกข์
ทีนี้ เรามาดูความจริงกันหน่อย
ถ้าผมมีหลอดกาแฟอันนึง
ผมมีแก้วน้ำ หรือขันสักอันหนึ่ง
แล้วผมใส่ฟองแชมพูลงไป
เหมือนที่ลูก ๆ ท่านเคยเล่น
หรือเหมือนที่เด็ก ๆ เคยเล่นกัน
เราเอาหลอดจุ่ม แล้วก็เป่า
เราก็จะเห็นฟองแชมพู ค่อย ๆ โตขึ้น ๆ ๆ
เราเป่าเบา ๆ มันก็ค่อย ๆ โตขึ้น ๆ ๆ ๆ
เพื่อน ๆ ที่กำลังล้อมวงกันช่วยกันลุ้น
"เบา ๆ เบา ๆ"
ฟองแชมพูก็โตขึ้น ๆ ๆ ๆ
ในที่สุดมีคน อาจจะเอานิ้วไปทิ่ม
หรือว่ามันแตกเองก็ตาม
พิ้ววว หายไป
ผมถามว่าที่เด็กกำลังลุ้นอย่างมีความสุข
ตื่นเต้น หรือว่ามีความทุกข์ที่ฟองแชมพูแตกก็ตาม
ในฟองแชมพู หรือตัวแชมพูมีอะไรมั้ยครับ
ไม่มีอะไรเลย
แล้วตลอดเวลา สมมติว่า 5 นาทีที่ผ่านไป
ที่นั่งเป่าฟองแชมพู ทุกคนกำลังลุ้นอยู่นี้
แล้วมันก็ พิ้ววว แล้วมันก็หายไปเลย
ไม่ได้มีอะไรเลย
สุข ทุกข์ที่กำลังเกิดขึ้นทั้งหมดจากฟองแชมพู
ก็ค้างอยู่อย่างนั้น
ทั้ง ๆ ที่ตัวฟองแชมพูไม่ได้มีอยู่จริง
...
เราลองกลับเข้าไปในการนั่งสมาธิใหม่
เพื่อจะได้เห็นความจริงได้ง่ายขึ้น
ถ้าขณะที่เรากำลังนั่งสมาธิ
ผ่านไปได้สัก 4 - 5 ลมหายใจ
แล้วท่านก็เริ่มคิด
ท่านเริ่มคิดถึงคนที่ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจ
แล้วท่านก็คิดต่อไปเรื่อย ๆ
มันไม่น่าทำชั้นอย่างนี้เลย
ไม่น่าทำแบบนี้เลย
ทำไมต้องทำกับชั้นแบบนี้ด้วย
ความทุกข์ของท่านจะค่อย ๆ ก่อตัวมากขึ้น ๆ ๆ
ถ้าผมมีระฆังเคาะ เป้งง
แล้วให้ทุกคนกลับมาอยู่กับลมหายใจ
ท่านก็จะกลับมาอยู่กับลมหายใจ
ขณะที่อยู่กับลมหายใจ
ผมถามว่า ความคิดดับไปหรือยัง ดับไปแล้ว
มันเหมือนกับฟองแชมพูที่ท่านเป่าขึ้นมาเรื่อย ๆ ๆ
ว่าคนนั้นไม่น่าทำชั้นอย่างนี้
คนนี้ไม่น่าทำชั้นอย่างนั้น
แล้วผมเอานิ้วไปทิ่มฟองแชมพู ผิ้ววว
แล้วมันหายไป
ท่านกลับมาอยู่กับลม
ผมถามว่า 5 นาทีที่ผ่านมาสักครู่นี้
ที่ท่านนั่งคิดว่าคนนั้นทำท่านอย่างนู้น อย่างนี้
แล้วท่านก็เป็นทุกข์
มันอยู่ที่ไหน ตอนนี้ ? ... ไม่มี
ความคิดนั้นอยู่ที่ไหนแล้ว ... ไม่มี
ความคิดไม่ได้มีตัวตนอะไร
ถ้าท่านเอามือโบกไปที่หน้า
ท่านลองโบกดู
ขณะที่ท่านกำลังโบกอยู่
ท่านจะได้ลมที่สัมผัส
เหมือนกับที่เอาพัดมาพัด
ลมที่เข้ามากระทบแก้ม มันมีอยู่จริง ๆ
ถ้าท่านยินดีพอใจกับลมที่มากระทบแก้ม
ผมจะไม่ว่าอะไรเลย
เพราะสิ่งนี้ยังพอสัมผัสกันได้จริง ๆ
แต่ขณะที่ท่านกำลังคิดถึงคนที่ทำให้ท่านเป็นทุกข์
แล้วท่านก็เริ่มเป็นทุกข์ใจขึ้นมา
ผมเคาะระฆัง เป้งงง
ท่านกลับมาอยู่กับลมหายใจ
ความคิดนั้นดับหายไป
เหลือแต่ซากของความเจ็บปวด
กับความทุกข์ระทมเอาไว้
อย่างนี้จะไม่เรียกท่านหลงเหรอ
ท่านกำลังหลงเข้าไปในความคิด
ที่ไม่มีตัวตน
ท่านกำลังอยู่ในโลกที่ไม่ได้มีตัวตนจริง
ท่านสร้างโลกนี้ขึ้นมาเฉย ๆ
ในช่วงเวลานึง
ตรงนี้ที่ทางพุทธศาสนา เรียกว่า "ภพ"
ตรงนี้ที่เราเรียกว่าภพ
อยู่ ๆ ท่านก็ไปสร้างภพขึ้นมาซะอย่างนั้น
ถ้าเป็นภพที่ท่านขังตัวเองเอาไว้
ด้วยความแค้น ความอาฆาต ความพยาบาท
ท่านกำลังสร้างภพของสัตว์นรกขึ้นมาเอง
ถึงตอนนี้ เห็นหรือยังว่า
ภพทั้งหลายที่ท่านก่อ ๆ ๆ ๆ ... ขึ้นมาในแต่ละขณะ
เราทำกันขึ้นมาเอง
แล้วถ้าภพมีอยู่ ชาติจะไม่มีได้ยังไง
แล้วถ้าวันนึงเหตุปัจจัยถึงพร้อม
ที่ท่านจะไปเกิดเป็นสัตว์นรกขึ้นมา
ก็เพราะท่านได้สร้างภพเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
แล้วท่านก็ไปสร้างกายขึ้นมาใหม่
ทีนี้กลายเป็นของจริง
ที่ไปอยู่ในภูมิของสัตว์นรกล่ะ
แล้วใครเป็นคนทำ
แล้วท่านจะมานั่งเสียใจกับอะไร
ในเมื่อสิ่งนี้เราก่อขึ้นมาเอง ...
วันนี้ที่ผมบอกว่ามนุษย์เราหลงเข้าไปในคิด
ความคิดนำมาซึ่งทุกข์ ใช่
ในเบื้องต้นเราต้องเห็นตรงนี้ให้ได้ก่อน
ว่าความคิดทั้งหลาย
ที่เราค่อย ๆ ก่อมันขึ้นมา
เหมือนกับการที่เราเป่าฟองแชมพูขึ้นมา ไม่ได้หยุด
ฟองนี้แตก ฟองใหม่ก็เป่าขึ้นมาอีก
ฟองใหม่แตก ฟองใหม่ก็ถูกเป่าขึ้นมาเรื่อย ๆ
ไม่เคยจบ ไม่เคยสิ้น
แล้วท่านก็เข้าไปทุกข์ ๆ ๆ ๆ
อาจจะมีสุข ๆ ๆ ๆ บ้าง
จากฟองแชมพูที่ท่านเป่าขึ้นมาแล้วท่านมีความสุข
แต่ลองบวกลบคูณหารในชีวิตดูจริง ๆ
ว่าท่านทุกข์หรือสุขมากกว่ากันในแต่ละเวลา
ลองดูกันอย่างตรงไปตรงมา
เพราะเรื่องอย่างนี้
มันเป็นเรื่องของเราเอง ไม่ได้เกี่ยวกับใคร
ไม่ต้องให้ใครมานั่งพินิจ วิเคราะห์ว่า
อนาคตนะ ชั้นพยากรณ์ได้เลยว่าเธอจะไปเกิดเป็นอะไร
ไม่ต้องให้ใครพยากรณ์
เราพยากรณ์ตนได้เลย
เพราะสิ่งที่เราสร้างเอาไว้นี้ คืออะไร
แล้วทุกข์ที่เราสร้างไว้มากมายขนาดนี้
จะนำมาซึ่งชีวิตที่เป็นสุขได้ยังไง ?
เอาแค่ว่า ไม่ต้องไปมองชาติไหน ๆ
มองกันในปัจุบันชาตินี้แหละ
ในแต่ละขณะที่เรากำลังสร้างความทุกข์ขึ้นมา
จากความคิดที่เราก่อขึ้นมาเรื่อย ๆ
ถ้าเราเข้ามาเห็นความจริง
แล้วเรากลับมาอยู่กับลมหายใจ
เราบอกแล้วว่าฟองแชมพูมันแตก พิ้ววว
เราเริ่มตื่นขึ้นมา
แล้วก็อยู่ในโลกของความจริง
เดี๋ยว ๆ เราก็เริ่มคิดอีก
แล้วก็ พิ้ววว ให้มันแตกซะ
แล้วก็อยู่ในโลกความจริง
ส่วนถ้าท่านจะคิดเรื่องงาน คิดไปเลย
ผมไม่ได้บอกว่า
ความคิดทั้งหมดจะนำมาซึ่งทุกข์โดยส่วนเดียว
หลายความคิดนำมาซึ่งประโยชน์
แก่สังคม แก่ชีวิตครอบครัว
แก่ชีวิตของทุก ๆ คน
เช่น การทำงาน การสร้างผลงานต่าง ๆ
ก็อาศัยความคิด
แต่ความคิดที่นำมาซึ่งทุกข์
อย่างเช่นการกังวลถึงอดีต
การกังวลถึงอนาคต
การพะวงถึงอดีตก็ตาม
สิ่งเหล่านี้มันไม่ได้มีอยู่จริง
มันกลายเป็นเรามานั่งเลียซาก
เรามาเลียซากของที่ไม่มีแล้ว
มันคล้าย ๆ กับ
ของมันจบไปแล้ว
แต่ท่านไม่ยอมจบเรื่องนั้น
ถ้ามีการพลัดพรากจากคนที่รัก
คนที่รักท่านไปนานแล้ว จะจากเป็นหรือจากตายก็ตาม
แต่วันนี้ท่านยังมาเลียซากของเก่า
ยังเอาภาพของเก่า ยังเอาความคิดเก่า ๆ
ขึ้นมาทับถม แล้วก็ทิ่มแทงหัวใจของตัวเอง
มันไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ เลย
เพียงแต่กลับมามีสติ
คำว่าสติ ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
เพียงแต่กลับมาอยู่กับลมหายใจให้ได้
ทิ่มฟองแชมพูให้แตกบ่อย ๆ
แล้วเราจะค่อย ๆ พบความจริง
เมื่อเราพบความจริงเข้าไปมาก ๆ
เราจะถึงความจริง
เห็นความจริงตามความเป็นจริง ในที่สุด ... "
.
จากการบรรยาย
สุขทุกวัน 7 วัน 7 กูรู
ออกอากาศวันที่ 26 ธันวาคม 2557 (1/2)
AMARIN TV HD ช่อง 34
โดย อ.ประเสริฐ อุทัยเฉลิม

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา