25 ก.ย. 2021 เวลา 12:10 • ไลฟ์สไตล์
ประโยชน์มหาศาลของ เบกกิ้งโซดา (Baking Soda) ไม่มีติดบ้าน ไม่ได้แล้ว
วันนี้ ขอพูดถึง ประโยชน์มหาศาลของ เบกกิ้งโซดา (Baking Soda) เอาใจคุณแม่บ้าน และคุณพ่อบ้าน ค่ะ ต้องบอกว่า เบกกิ้งโซดา สามารถนำไปใช้ได้สารพัดประโยชน์ ได้แก่ ด้านสุขภาพ ด้านความงาม ด้านอาหาร ด้านทำความสะอาด เป็นต้น ดังนั้น เราคงไม่รอช้า ต้องหาติดบ้านไว้อย่างแน่นอนค่ะ
 
มาดูกันว่า เบกกิ้งโซดา คืออะไร ก่อนจะนำมาใช้ประโยชน์นะคะ
เครดิตภาพ: Flickr
เบกกิ้งโซดา คือ อะไร
เบกกิ้งโซดา (Baking Soda) มีชื่อทางเคมีคือ "โซเดียมไบคาร์บอเนต" (Sodium bicarbonate) สารนี้มีลักษณะเป็นผลึกสีขาวที่ละลายน้ำได้ดี มีความเป็นด่าง เมื่อทำปฏิกิริยากับส่วนผสมที่เป็นกรดในส่วนผสมของเหลวก็จะทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จนทำให้เกิดฟองก๊าซ
 
สารนี้จะสลายตัวได้เมื่อได้รับความร้อน และมีข้อเสีย คือ จะมีสารตกค้าง ถ้าใช้มากเกินไปจะทำให้เกิดรสเฝื่อนได้ แต่สามารถแก้ไขได้ โดยเติมกรดลงไปในสูตรขนมอาหารลงไปเพื่อทำให้สารตกค้างหมดไปได้ ตัวอย่างเช่น การเติมนมเปรี้ยว หรือโยเกิร์ต เป็นต้น
เบกกิ้งโซดารูปแบบนี้ เราจะนิยมนำมาใช้กับขนมที่มีโกโก้ หรือกาแฟ เป็นส่วนผสม เพราะทั้งโกโก้ และกาแฟต่างก็มีค่าเป็นด่าง และเบกกิ้งโซดา ก็มีค่าเป็นด่าง จึงทำให้เข้ากันได้ดี
ความแตกต่าง ระหว่าง เบกกิ้งโซดา และผงฟู
เบกกิ้งโซดา (Baking Soda) คือ โซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium bicarbonate)
ส่วน ผงฟู (Baking Powder) คือ โซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium bicarbonate) + สารที่มีฤทธิ์เป็นกรด (เช่น Cream of tartar, Disodium pyrophosphate) + แป้งข้าวโพด (Corn starch)
ทั้งเบกกิ้งโซดา และผงฟู ต่างก็เป็นสารที่ช่วยทำให้ขนมขึ้นฟูได้ แต่จะนำมาใช้ในโอกาสที่แตกต่างกัน โดยผงฟูนั้นสามารถนำมาใช้แทนเบกกิ้งโซดาได้ในบางกรณี* แต่เบกกิ้งโซดาเพียงเดี่ยว ๆ จะไม่สามารถนำมาใช้แทนผงฟูได้เลย เพราะต้องเพิ่มสารที่มีฤทธิ์เป็นกรดและแป้งข้าวโพดเข้าไปด้วย
นอกจากนี้ ผงฟูจะมีปริมาณที่จะเกิดปฏิกิริยาน้อยกว่าเบกกิ้งโซดา 4 เท่า พูดง่าย ๆ ก็คือ เบกกิ้งโซดาจะมีความเข้มข้นมากกว่าผงฟูประมาณ 4 เท่า ถ้าจะใช้ผงฟูแทนเบกกิ้งโซดาก็กะใช้ในขนาดที่เหมาะสม
ประโยชน์มหาศาลของเบกกิ้งโซดา
1. หากมีอาการเจ็บคอ ให้ผสมเบกกิ้งโซดาครึ่งช้อนชาลงในน้ำเปล่า แล้วนำมาใช้กลั้วคอทุก ๆ 4 ชั่วโมง ก็จะช่วยลดอาการเจ็บคอที่เกิดจากกรดได้
2. ใช้รักษาแผลในช่องปาก ให้ใช้เบกกิ้งโซดาครึ่งช้อนชาผสมลงในน้ำเปล่า แล้วนำมาใช้กลั้วคอทุก ๆ 4 ชั่วโมง
3. โซเดียมไบคาร์บอเนตสามารถนำมารับประทานเพื่อช่วยในการลดกรดในกระเพาะอาหารได้
4. โซเดียมไบคาร์บอเนตในรูปแบบของยาเม็ด (Sodium bicarbonate tablet) หรือ โซดามินท์ (Sodamint) จะมีสรรพคุณเป็นยาลดกรด ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ภาวะอาหารไม่ย่อย รักษาภาวะกรดจากกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย (Metabolic acidosis)
ช่วยปรับปัสสาวะให้มีสภาวะเป็นด่าง (Urinary alkalinization) ใช้ควบคุมสภาวะความเป็นกรดในเลือดของผู้ป่วยโรคไต เป็นต้น
5. ช่วยบรรเทาอาการของลมพิษ ด้วยการใช้ผงเบกกิ้งโซดานำมาผสมกับน้ำ 2-3 หยด (พอให้ได้เป็นแป้งเปียก) แล้วนำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นผื่นเพื่อช่วยลดอาการระคายเคืองและแก้อาการคัน
6. หากถูกแมลงกัดต่อย ก็ให้ใช้เบกกิ้งโวดาผสมกับน้ำ แล้วนำมาทาบริเวณที่เป็น ก็จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดได้
7. ใช้บรรเทาอาการผิวไหม้แดด ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดาผสมลงในน้ำอุ่นสำหรับอาบ แล้วนำมาอาบก็จะช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนที่เกิดจากผิวไหม้แดดได้
8. หากเป็นฮ่องกงฟุต (อาการคันตามง่ามเท้าเพราะติดเชื้อรา) ให้ใช้เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ นำมาผสมกับน้ำให้พอเหนียว แล้วนำมาทาที่เท้า
หลังจากนั้นให้ล้างเท้าและเช็ดให้แห้ง แล้วปิดท้ายด้วยการนำแป้งข้าวโพดมาทาบริเวณที่คันอีกครั้งหนึ่ง จะช่วยลดอาการคันและอาการแสบร้อนตามง่ามนิ้วเท้าได้
9. ช่วยทำให้ผิวเนียนใส ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำข้าวโอ๊ต นมสด และน้ำผึ้งนำมาขัดเบา ๆ เพื่อผิวที่สะอาดใสขึ้น โดยต้องทำให้ผิวเปียกน้ำก่อน และขัดเบา ๆ ควรทำเป็นประจำ
เครดิตภาพ: Pexels
10. ใช้ทำสครับขัดหน้าได้ดี สูตรแรกให้ใช้เบกกิ้งโซดา 2 ช้อนโต๊ะ, น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ, ข้าวโอ๊ต 1 ช้อนโต๊ะ, และน้ำสด 2 ช้อนโต๊ะ นำมาผสมรวมกันใช้ขัดผิวหน้าเบา ๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าเย็น ๆ จะช่วยทำให้หน้าใสได้
ส่วนสูตรที่ 2 ให้ใช้เบกกิ้งโซดา 3 ส่วน ผสมกับน้ำเปล่า 1 ส่วน โดยผสมกันให้ได้เปียก ๆ แล้วนำมาขัดผิวหน้าเบา ๆ จนสะอาด
11. ใช้ทำสครับขัดผิว ให้ใช้เบกกิ้งโซดา 1/2 ถ้วย, เกลือ 1/2 ถ้วย, น้ำมันทาผิว 2 ช้อนโต๊ะ, และมะนาว 1 ลูก แล้วนำมาผสมกัน ใช้ขัดผิวในระหว่างอาบน้ำ
12. ใช้ผลัดเซลล์ผิวใหม่ให้สดใสมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา 3 ส่วน และน้ำ 1 ส่วน นำมาผสมกันใช้เช็ดถูบริเวณที่ต้องการ แล้วค่อยล้างออก
เครดิตภาพ: Pexels
13. มีบางท่านใช้เบกกิ้งโซดาเพื่อกำจัดสิวเสี้ยน โดยใช้เบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำแล้วเอามาขัดเบา ๆ ที่จมูกไปเรื่อย ๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะช่วยทำให้สิวเสี้ยนจางลงได้
14. ใช้ทำน้ำยาระงับกลิ่นปาก สูตรแรกให้ใช้เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำอุ่น 1 ถ้วย แล้วนำมาใช้บ้วนปากจะช่วยดับกลิ่นปากได้ ส่วนสูตรที่สองให้ใช้เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนโต๊ะ ผสมในน้ำ 1 แก้ว จะช่วยดับกลิ่นกระเทียมได้
แต่ถ้าใช้เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำ 1 แก้ว และผสมกับเกลือ 1 ช้อนโต๊ะก็ใช้เป็นน้ำยาบ้วนปากได้เช่นกัน
เครดิตภาพ: Pexels
15. ช่วยทำให้ฟันขาว ขจัดคราบชาหรือกาแฟ ลดหินปูน ให้ใช้เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชาผสมกับน้ำมะนาว 1/2 ช้อนชา แล้วใช้แปรงสีฟันจุ่มลงไป นำมาใช้ขัดฟันเบา ๆ แล้วบ้วนน้ำเปล่าจนสะอาด จะช่วยกำจัดคราบชาหรือกาแฟได้
แต่ต้องระวัง เนื่องจากมะนาวมีความเป็นกรดสูงอาจไปทำลายเคลือบฟันได้
เครดิตภาพ: Pexels
16. ใช้ทำสปาเท้า ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา 1/2 ถ้วย, เกลือทะเล 2 ช้อนโต๊ะ, น้ำมันหอมระเหยกลิ่นมินต์, และน้ำอุ่นใส่ในกะละมังสำหรับแช่เท้า เมื่อแช่เท้าแล้วจะทำให้รู้สึกสบายเท้า ช่วยฆ่าเชื้อโรค ดับกลิ่นเท้า และความร้อนจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อเท้าได้อีกด้วย
17. ช่วยทำให้หนังหุ้มเล็บนุ่มขึ้น ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดาประมาณหนึ่งหยิบมือผสมลงในชามน้ำอุ่น แล้วแช่มือไว้ในนั้นประมาณสองสามนาที ก่อนจะล้างน้ำให้สะอาด จะช่วยให้หนังหุ้มเล็บนุ่มขึ้นได้
เครดิตภาพ: Pexels
18. ใช้ทำความสะอาดเส้นผม ด้วยการผสมเบกกิ้งโซดาหนึ่งช้อนชาเข้ากับแชมพูสระผมตามที่คุณใช้ปกติ เพื่อช่วยขจัดสารตกค้างจากผลิตภัณฑ์แต่งผม (วิธีนี้จะได้ผลดีเป็นพิเศษกับผมเส้นเล็ก)
19. ลองเปลี่ยนจากแชมพูมาใช้เบกกิ้งโซดาแทนดูสักครั้ง รับรองเลยว่าจะช่วยทำให้รังแคของคุณน้อยลงอย่างทันตาเห็น
20. ใช้หมักเนื้อหมูให้นุ่ม ให้ใส่เบกกิ้งโซดาเพียงเล็กน้อย (ใส่มากเกินไปจะมีกลิ่นของสารเคมี) แล้วหมักหมูก็จะทำให้เนื้อนุ่มได้
21. ถ้าอยากได้ไข่เจียวฟูหอมอร่อยน่ารับประทาน ก็ให้ใส่เบกกิ้งโซดาลงไปครึ่งช้อนต่อไข่ 3 ฟอง ก็จะได้ไข่เจียวที่ฟูน่ารับประทาน
เครดิตภาพ: Pexels
22. การทำขนมปังให้ฟูน่ารับประทาน จะนิยมใช้ผงฟูหรือโซเดียมไบคาร์บอเนตมาใช้ในการทำขนมปังแทนการใช้ยีสต์ เพราะเมื่อผงฟูผสมกับน้ำ ก็จะเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เช่นเดียวกับการใช้ยีสต์
แต่ผลเสียของผงฟูก็คือ หากใส่มากเกินไปก็จะทำให้มีรสเฝื่อนขม และการฟูของขนมปังก็จะหยาบกว่าการใช้ยีสต์ แต่มีข่อดีก็คือ ใช้ได้ง่ายกว่าและเก็บรักษาไว้ได้นานกว่า
เครดิตภาพ: Pexels
23. เค้กกล้วยหอมถ้าจะทำให้ฟูนุ่มน่ารับประทาน ก็ต้องใช้เบกกิ้งโซดาเป็นส่วนผสม
24. ใช้ดับไฟในกระทะ ในกรณีที่มีน้ำมันกระเด็นติดไฟในขณะทำอาหาร หรือว่าไฟติดกระทะ หากเราใช้น้ำเทลงไปบนน้ำมันที่ร้อน ๆ จะทำให้ไฟลุกมากยิ่งขึ้น (เนื่องจากน้ำมันกระจาย)
แต่ถ้าเราใช้เบกกิ้งโซดาเทลงไปตรง ๆ เบกกิ้งโซดาเมื่อถูกความร้อนก็จะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา จึงช่วยทำให้ไฟลดน้อยลงได้
เครดิตภาพ: Pexels
25. ใช้ทำความสะอาดผักและผลไม้ ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำอุ่น 4 ถ้วย (รอให้ส่วนผสมเย็น) แล้วนำมาใช้ล้างผักผลไม้ โดยนำมาแช่ทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำเปล่าอีกครั้งหนึ่ง เพียงเท่านี้ก็จะช่วยทำให้ผักผลไม้ดูสะอาดน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น
26. ใช้ทำเป็นน้ำยาล้างสารพิษจากผักผลไม้ ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำ 10 ลิตร แล้วนำผักผลไม้มาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที เสร็จแล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำเปล่าอีก 2 ครั้ง
วิธีนี้จะช่วยลดสารพิษตกค้างจากผักได้ถึง 90% (หากล้างไม่สะอาด การได้รับเบกกิ้งโซดาในปริมาณมากจนเกินไปก็อาจทะให้ท้องเสียได้)
27. ใช้ทำเป็นน้ำยาขจัดคราบในกาน้ำชาที่เป็นโลหะ ด้วยการเติมน้ำลงในกาน้ำชา แล้วเติมเบกกิ้งโซดาตามลงไป 2 ช้อนโต๊ะ และให้บีบน้ำมะนาวลงไปอีกครึ่งลูก แล้วนำไปต้มประมาณ 15 นาที เสร็จแล้วนำมาขัดและล้างให้สะอาดอีกครั้งหนึ่ง
เครดิตภาพ: Pexels
28. ใช้ทำน้ำยาทำความสะอาดเตาไมโครเวฟ ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา 4 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำอุ่นอีก 1 ลิตร แล้วนำมาผ้ามาชุบแล้วเช็ดทำความสะอาดภายในเตาไมโครเวฟ คราบสกปรกก็จะเช็ดออกได้อย่างง่ายดาย
29. ช่วยขจัดคราบไขมันที่ติดรอบท่อของอ่างล้างจาน (หากปล่อยไว้นานจะทำให้ท่ออุดตันได้) ก็ให้ใช้เกลือแกงใส่ลงไปในท่อประมาณ 2-3 ช้อน จากนั้นให้นำเบกกิ้งโซดาไปต้มกับน้ำให้เดือดแล้วเทลงไปในท่อ ไขมันที่อุดตันอยู่ก็จะหลุดออกมาหมด
30. ใช้ทำความสะอาดเขียง ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำแล้วนำมาใช้ทำความสะอาดเขียง วิธีนี้จะช่วยขัดกลิ่นคาวบนเขียงได้
31. ใช้ขจัดรอยไหม้ตามกระทะหรือหม้อ ด้วยการเอาเครื่องครัวเหล่านั้นนั้นมาแช่ด้วยน้ำอุ่นที่ผสมเบกกิ้งโซดาประมาณ 15 นาที แล้วค่อยล้างออก วิธีนี้จะช่วยทำให้รอยไหม้จางลงได้
เครดิตภาพ: Pexels
32. ใช้แก้ปัญหาท่ออุดตันด้วยคราบไขมันในอ่างล้างจาน ด้วยการใช้เกลือนำมาโรยรอบ ๆ ขอบท่อ จากนั้นให้นำน้ำยาเบกกิ้งโซดา 10 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำร้อน 1 ขวดลิตร
แล้วค่อย ๆ ลงไป เกลือและน้ำยาจะช่วยทำให้คราบไขมันหลุดออกได้โดยง่าย และให้ทำซ้ำอีกประมาณ 2-3 รอบ แล้วตามด้วยน้ำเปล่าอีกครึ่งหนึ่ง
33. ใช้ทำเป็นครีมลบรอยขูดขีดบนเครื่องครัว ด้วยการละลายเบกกิ้งโซดา 4 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำ 1 ลิตร แล้วทำความสะอาดเครื่องครัวที่ทำมาจากสแตนเลส โครเมียม พลาสติก ฟอร์ไมก้า (ยกเว้นอะลูมิเนียม) จะทำให้ริ้วรอยเลือนหายไป
34. ใช้เช็ดทำความสะอาดเตารีด ด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำผสมกับเบกกิ้งโซดาแล้วบิดให้พอหมาด หลังจากนั้นนำไปเช็ดใต้เตารีดหรือเครื่องครัวที่ทำมาจากสแตนเลส หรือโครเมียม จะช่วยทำความสะอาดได้หมดจดและไม่เกิดไม่เกิดรอยขูดขีด
เครดิตภาพ: Pexels
35. ใช้ทำความสะอาดเครื่องปิ้งขนมปัง ด้วยการใช้ผงเบกกิ้งโซดาโรยบนผ้าเปียก แล้วเอามาเช็ดตรงตะแกรง ก็จะช่วยทำให้เครื่องปิ้งขนมปังของคุณกลีบมาสะอาดได้เหมือนเดิม
36. ใช้ทำความสะอาดพื้นผิวที่มีคราบสกปรก (สำหรับพื้นผิวแข็ง ๆ เช่น พื้นครัว พื้นห้องน้ำ อ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำ) ให้ละลายเบกกิ้งโซดา 4 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำอุ่น 4 ถ้วย แล้วนำมาเช็ดทำความสะอาด แล้วค่อยล้างออกอีกครั้งหนึ่ง
37. ในกรณีที่มีคราบสกปรกที่ทำความสะอาดได้ยาก ก็ให้ผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำอุ่นในปริมาณที่เท่ากันจนข้นเป็นแป้ง แล้วนำมาพอกทิ้งไว้บริเวณที่คราบสกปรกประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วค่อยเช็ดออก
38. ใช้ทำน้ำยาดับกลิ่นพรม ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา 1/2 ถ้วย นำมาผสมกับแป้งข้าวโพด 1/2 ถ้วย แล้วหยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบลงไปประมาณ 15 หยด
จากนั้นนำมาใส่ขวดสเปรย์ใช้ก่อนนำมาใช้ฉีดบนพื้นพรมก่อนนอนทิ้งไว้จนเช้า จะช่วยทำให้กลิ่นพรมสะอาดสดชื่นขึ้น
หรืออีกวิธีให้โรยเบกกิ้งโซดาให้ทั่ว แล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วค่อยดูดออกด้วยเครื่องดูดฝุ่น
เครดิตภาพ: Pexels
39. ใช้ทำเป็นน้ำยาทำความสะอาดเครื่องสุขภัณฑ์ ด้วยการเท เบกกิ้งโซดา 1/2 กล่อง ลงในถังน้ำหลังชักโครกทิ้งไว้ 1 คืน แล้วจึงค่อยกดชักโครก จะช่วยทำให้ถังและชักโครกสะอาดและปราศจากกลิ่นได้
เครดิตภาพ: Pexels
40. หากรองเท้ามีกลิ่นเหม็นที่เกิดจากการหมักหมมมานาน ให้นำเบกกิ้งโซดามาโรยในรองเท้า แล้วนำรองเท้าคู่นั้นมาใส่ในถุงพลาสติดรัดให้แน่น แล้วนำไปแช่ในช่องแช่แข็งของตู้เย็นประมาณ 1-2 คืน แล้วค่อยนำรองเท้าออกมาทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง
หลังจากนั้นนำรองเท้าไปสลัดผงเบกกิ้งโซดาออกให้หมดแล้วนำมาสวมใส่ได้เลย แต่ถ้ายังไม่นำมาสวมใส่ทันทีก็ให้ปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นก่อนจนกว่าจะนำมาสวมใส่
หรือจะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ที่ขยำเป็นก้อน ๆ มาใส่ไว้ในรองเท้าอีกก็ได้ (หมึกของกระดาษหนังสือพิมพ์จะช่วยดูดกลิ่นและยังทำให้รองเท้าอยู่ทรงอีกด้วย)
41. ช่วยแก้ปัญหากลิ่นในรถ และกลิ่นบุหรี่ในรถ ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา นำมาโรยลงไปที่ก้นที่ใช้เขี่ยบุหรี่ในรถ เบกกิ้งโซดาจะช่วยดับกลิ่นได้ แต่ก็ต้องนำมันออกมาทำความสะอาดด้วยการเทขี้เถ้าทิ้ง แล้วให้โรยผงเบกกิ้งโซดาไว้ที่ถาดเสมอ ๆ
42. ใช้ดับกลิ่นท่อและแก้ปัญหาท่อตัน ด้วยการเทเบกกิ้งโซดาลงไปในท่อ ประมาณ 1 ถ้วยก่อน แล้วให้ใส่เกลือแกงประมาณ 1/4 ถ้วยลงไป แล้วตามด้วยน้ำร้อน จะทำให้ท่อไม่ตันและปราศจากกลิ่น
เครดิตภาพ: Pexels
43. ใช้ดับกลิ่นอับในตู้เย็น ตู้กับข้าว ตู้รองเท้า ห้องทาสีใหม่ หรือใช้ในโรงงาน เพื่อขจัดกลิ่นสี กลิ่นสารระหาย กลิ่นน้ำยาต่าง ๆ ฯลฯ ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดานำมาเปิดฝากล่องด้านบนออกให้หมดหรือเทใส่ถ้วย แล้วนำมาทิ้งไว้ด้านในสุดของตู้เย็น (เปลี่ยนทุก ๆ 3 เดือน)
เบกกิ้งโซดาจะช่วยดูดกลิ่นอับในตู้เย็นได้ แต่ถ้าเป็นตู้กับข้าว ตู้รองเท้า ห้องทาสีใหม่ ฯลฯ ก็ให้เทใส่จานหรือถาดหรือนำไปโปรยในบริเวณที่มีกลิ่นเหม็นอับ (ปิดห้อง ปิดตู้ให้สนิทด้วยละครับ) แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้มันดูดกลิ่นประมาณ 1-2 วัน
44. ใช้ดับกลิ่นแมว ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดาเทลงไปใน Litter box หรือห้องน้ำของแมว ก่อนที่จะใส่ Litter หลังจากนั้นทุกครั้งที่จะทำความสะอาด Litter box พอตักอึแมวไปแล้ว ก็ให้เอาเบกกิ้งโซดาโรยนิด ๆ ที่บ้านเพื่อเป็นการกลบกลิ่น
45. ใช้ดับกลิ่นอับของเสื้อผ้า ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดาครึ่งถ้วยหรือประมาณ 8 ช้อนโต๊ะ นำมาผสมกับผงซักฟอกชนิดน้ำในปริมาณที่จะใช้ แทนที่เราจะใช้สารฟอกขาวชนิดคลอไรด์ 1 ถ้วยเต็ม ๆ
แต่เราสามารถใช้เบกกิ้งโซดาเพียงครึ่งถ้วยเพื่อใช้แทนได้ แต่ถึงเบกกิ้งโซดาจะใช้ซักเสื้อได้ แต่มันก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่ากับผงซักฟอก เบกกิ้งโซดาจึงเป็นเพียงส่วนเสรมที่นำมาใช้ทำให้ผ้าสะอาดมากขึ้นเท่านั้น
เครดิตภาพ: Pexels
46. ใช้ทำเป็นน้ำยาซักผ้าขาว สูตรแรก ให้ใส่ผงเบกกิ้งโซดา 1/2 ถ้วย ลงในเครื่องซักผ้า พร้อมกับน้ำยาซักผ้า วิธีนี้จะช่วยทำให้ผ้าขาวและสีสดขึ้นได้
ส่วนสูตรที่สองให้ใช้ตอนซักผ้า โดยให้ใส่เบกกิ้งโซดา 1/2 ถ้วยลงไปในน้ำสุดท้ายที่กำลังจะล้างฟองออก ก็จะช่วยทำให้ผ้ามีกลิ่นสะอาดยิ่งขึ้น
เครดิตภาพ: Pexels
47. ใช้ล้างแปรงและหวี ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา นำมาผสมกับน้ำอุ่นในชามอ่างเล็ก ๆ แล้วนำแปรงหรือหวีมาแช่ทิ้งไว้ แล้วนำมาล้างอีกครั้งหนึ่ง วิธีนี้จะช่วยทำให้คราบต่าง ๆ ที่ติดอยู่ตามซอกหลุดออกมาได้โดยง่าย
48. ใช้ทำความสะอาดที่ดัดฟัน (Retainers) ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา 2 ช้อนชาผสมกับน้ำอุ่น 1 ถ้วยแล้วนำที่ดัดฟันมาแช่ทิ้งไว้สักพัก แล้วค่อยเอาแปรงขัดคราบออกอีกครั้งหนึ่ง
เครดิตภาพ: Pexels
49. ใช้ปรับสภาพของสระว่ายน้ำ หรือตู้ปลาให้มีความเป็นกลาง เนื่องจากการเติมคลอรีนมากเกินไปและทำให้สระว่ายน้ำมีความเป็นกรดมากเกินไป
อ้างอิง:
โฆษณา