19 ก.ย. 2021 เวลา 03:37 • ประวัติศาสตร์
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ อารยธรรมโลก
4
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ (IVC: Indus Valley Civilization) หรือ อารยธรรมชาวฮารัปปัน (Harappan Civilisation) นี้ถูกค้นพบจากซากของเมืองโบราณเมื่อปีพุทธศักราช 2399 โดยนักโบราณคดีค้นพบเมือง เมือง ฮารัปปา (Harappa) และ เมือง โมเฮนโจ ดาโร (Mohenjo Daro) ในเวลาใกล้เคียงเคียงหลังค้นพบเมืองแรก
11
ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ใน รัฐสินธ์ (Sindh) และ รัฐปัญจาบ (Punjab) ในประเทศปากีสถาน (Pakistan) ตามลำดับ เป็นอารยธรรมยุคสัมริด (Bronze Age) ในภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือของเอเชียใต้ ดำรงอยู่ตั้งแต่ราวก่อนพุทธศักราช 3,800 – 1,800 และมีความเจริญรุ่งเรืองที่สุดในช่วงก่อนปีพุทธศักราช 3,100 – 2,200
10
Credits Photo to Byomkesh Meher from https://unacademy.com/plus/goal/KSCGY
อารยธรรมอินเดียถือกำเนิดบริเวณลุ่มแม่น้ำสินธุ (Sindhu) เป็นอารยธรรมยุคเริ่มแรกของโลก ในช่วงเวลาเดียวกับ อารยธรรมอียิปต์โบราณ (Ancient Egypt) แห่งลุ่มแม่น้ำไนล์ (Nile) และ อารยธรรมเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) ดินแดนระหว่างแม่น้ำไทกริสกับยูเฟรทีส (Tigris-Euphrates)
11
อ้างอิง: Wright, P. Rita. The Ancient Indus: Urbanism, Economy, and Society. Cambridge University Press, 2009. p. 1.
10
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ (IVC) เจริญรุ่งเรืองช่วง 3,143 - 2,443 ก่อนปีพุทธศักราช Credits photo to https://en.wikipedia.org/wiki/Indus_Valley_Civilisation
ช่วงปี 3,300 ก่อนพุทธศักราช ชุมชนชาวฮารัปปัน ยุคแรกกลายเป็นศูนย์กลางเมืองขนาดใหญ่ โดยรวมแล้วค้นพบเมืองและการตั้งถิ่นฐานมากกว่า 1,000 แห่ง ส่วนใหญ่อยู่ในภูมิภาคทั่วไปของแม่น้ำสินธุและแม่น้ำฆักการ์-ฮาครา (Indus and Ghaggar-Hakra)
10
อ้างอิง: Morrison, Kathleen D.; Junker, Laura L. (Eds.). Forager-Traders in South and Southeast Asia: Long-Term Histories. Cambridge University Press, pp. 62–76.
10
• ภาพรวมความเป็นนครรัฐ (Cities)
2
วัฒนธรรมเมืองมีความซับซ้อนและก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชัดเจนมากขึ้น จึงเป็นศูนย์กลางเมืองแห่งแรกในภูมิภาคที่มีการวางผังเมือง แสดงให้เห็นถึงความรู้เกี่ยวกับการวางผังเมืองและเทศบาลที่มีประสิทธิภาพ โดยผังเมืองนี้รวมถึงระบบสุขาภิบาลในเมืองที่รู้จักกันเป็นแห่งแรกของโลก กำเนิดที่เมืองฮารัปปา (Harappa) และเมืองโมเฮนโจ ดาโร (Mohenjo Daro)
10
อ้างอิง: Possehl, L. Gregory. The Indus Civilization: A Contemporary Perspective. Rowman Altamira, 2002. p. 193.
10
แผนผังเมืองฮารัปปา (Harrappa) ได้รับการพูดถึงครั้งแรกเมื่อปีพุทธศักราช 2385 โดย ชาล์ส แมสสัน (Charles Masson) แต่ไม่รับการสนใจจนกระทั่งปีพุทธศักราช 2399 ถูกค้นพบโดย อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม (Alexander Cunningham) บิดาแห่งประวัติศาสตร์อินเดีย จาก https://thinkpedia.in/indus-valley-civilization
บ้านแต่ละหลังหรือกลุ่มบ้านได้รับน้ำจากบ่อน้ำ ถูกนำไปใช้ในห้องที่ดูเหมือนใช้สำหรับอาบน้ำนั้น น้ำเสียนั้นถูกส่งไปยังท่อระบายน้ำที่มีฝาปิด ซึ่งเรียงรายไปตามถนนสายหลัก
10
ระบบระบายน้ำทิ้งและการระบายน้ำทิ้งของอินเดียโบราณ งานวิศวกรรมไฮดรอลิกภายในเมืองล้ำหน้ากว่าระบบใด ๆ ที่พบในเขตเมืองร่วมสมัยในตะวันออกกลาง (Middle East) และมีประสิทธิภาพมากกว่าระบบในหลายพื้นที่ของปากีสถานและอินเดียในปัจจุบัน
5
สถาปัตยกรรมขั้นสูงของชาวฮารัปปัน (Harappans) เช่น อู่ต่อเรือ โกดัง แท่นอิฐ กำแพงขนาดใหญ่ป้องกันเมืองจากน้ำท่วม และโครงสร้างบางอย่างสันนิษฐานว่าเป็นยุ้งฉาง ยังพบโรงอาบน้ำที่สร้างขึ้นอย่างดีขนาดมหึมา (The Great Bath) ซึ่งเป็นโรงอาบน้ำสาธารณะ แม้ว่าป้อมปราการจะมีกำแพงล้อมรอบ
10
ซึ่งจุดประสงค์ของการก่อสร้างตรงกันข้ามกับอารยธรรมยุคเดียวกันอย่าง เมโสโปเตเมีย และอียิปต์โบราณอย่างชัดเจน ไม่มีการสร้างโครงสร้างอนุสาวรีย์ขนาดใหญ่ ไม่มีหลักฐานแน่ชัดของพระราชวังหรือวัด สิ่งก่อสร้างไม่ได้สร้างเฉพาะเจาะจงเพื่อกษัตริย์และเพื่อเป็นการสร้างเพื่อสาธารณชนเท่านั้น
10
อ้างอิง: Kenoyer, Jonathan Mark. Indus Civilization: Encyclopedia of Archaeology, 2008. p. 719.
6
ซากโบราณสถาน โรงอาบน้ำสาธารณะ (The Great Bath) ที่มีระบบสุขาภิบาลแห่งแรกของโลก ภาพนี้ถูกบันทึกเมื่อปีพุทธศักราช 2469 Credits photo to https://commons.m.wikimedia.org/wiki/File:Great_bath_-_Mohenjo-daro
ชาวเมืองส่วนใหญ่จะเป็นพ่อค้าหรือช่างฝีมือ ซึ่งอาศัยอยู่กับคนที่ประกอบอาชีพเดียวกันในละแวกใกล้เคียงที่กำหนดไว้ มีการใช้วัสดุจากพื้นที่ห่างไกลเพื่อสร้างตราประทับ (Seals) ลูกปัด และวัตถุอื่นๆ
10
ในบรรดาสิ่งประดิษฐ์ที่ค้นพบ คือ ลูกปัดไฟประดับที่สวยงาม ตราประทับที่ทำจากแร่หินสบู่หรือสตีตไทน์ (Steatite) มีรูปสัตว์ ผู้คน (อาจเป็นเทพเจ้า) และจารึกประเภทอื่น ๆ รวมถึงระบบการเขียนที่ยังไม่ได้ถอดรหัส ตราประทับบางส่วนถูกใช้เพื่อประทับตราดินเหนียวบนสินค้า แม้ว่าบ้านบางหลังจะมีขนาดใหญ่กว่าบ้านอื่น ๆ แต่เมืองอารยธรรมสินธุมีความโดดเด่นในเรื่องความเสมอภาค
10
อ้างอิง: Green, S. Adam. Killing the Priest-King: Addressing Egalitarianism in the Indus Civilization. Journal of Archaeological Research, 2020. pp. 153–202.
10
ตราประทับ (Stamp Seals) จารึกด้วยอักษรภาพ (Indus Script) ทำจากแร่หินสบู่หรือสตีตไทน์ (Steatite) จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์บริติช (British Museum) กรุงลอนดอน (London) Credits to https://en.wikipedia.org/wiki/Indus_Valley_Civilisation
เรียบเรียงโดย ก้องภพ ปัญญาเลิศสินไพศาล
4
#ประวัติศาสตร์อินเดีย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา