Bluekoff Explorer : When Bluekoff visited The Accademia
สวัสดีผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน วันนี้ Bluekoff จะพาทุกท่านบินไปที่เมืองฟลอเรนซ์ประเทศอิตาลี ด้วยกันค่ะ เพราะว่าเราได้รับเกียรติจาก บริษัท La Marzocco ประเทศอิตาลี ให้เข้าเยี่ยมชม The Accademia del Caffè Espresso ซึ่งเป็นศูนย์รวมความรู้ความเข้าใจรวมถึงวัฒนธรรมต่างๆเกี่ยวกับกาแฟเอสเพรสโซเอาไว้ที่นี่เลยทีเดียว
Bluekoff Explorer : When Bluekoff visited The Accademia
เริ่มต้นจากการที่เราได้เดินทางไปยัง The Accademia del Caffè Espresso ตั้งอยู่ที่เมืองฟลอเรนซ์ (Florence) ประเทศอิตาลี ที่นี่ได้ถูกปรับปรุงพื้นที่ให้กลายเป็นสถานที่แห่งความทรงจำและการเรียนรู้ของ La Marzocco โดยจะขอเล่าภาพรวมของไอเดียและคอนเซปต์ของสถานที่แห่งนี้ไว้คร่าวๆก่อนที่เราจะเข้าไปดูรายละเอียดกัน
ความเป็นมาของสถานที่
The Accademia ตั้งอยู่ที่เมือง Pian di San Bartolo เดิมเคยถูกใช้เป็นสำนักงานแห่งใหญ่ของแบรนด์เครื่องชงกาแฟชั้นนำของโลกอย่าง La Marzocco มานับตั้งแต่ปี 1960 โดย ซึ่งในแรกเริ่มได้ถูกใช้เป็นสถานที่ทำงาน (Workshop) โดยเป็นพื้นที่ในการขับเคลื่อนการทำงานของเหล่าทีมงานมากฝีมือของ La Marzocco ให้สามารถใช้ทั้งฝีมือและไอเดียของพวกเขาผ่านสถานที่แห่งนี้ได้อย่างเต็มที่ จนกระทั่งในปี 2009 ได้ย้ายไปยังเมือง Scarperia ซึ่งใช้เป็นสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
แนวคิดและเป้าหมายของ Accademia
The Accademia นับเป็นศูนย์กลางของความก้าวหน้าและความเชี่ยวชาญด้านกาแฟเอสเพรสโซอย่างแท้จริง โดย The Accademia นั้นมีเป้าหมายในการพัฒนา เพิ่มพูนความรู้ ทักษะและประสบการณ์เกี่ยวกับเอสเพรสโซที่ได้รับได้แต่ละวันจากการจิบกาแฟของพวกเขา นอกจากนี้ The Accademia ยังถือเป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์รวมถึง พื้นที่สำหรับการส่งต่อเรื่องราวดีๆ ให้แก่กัน โดยผ่านความรู้ความเข้าใจในเรื่องของกาแฟที่สามารถมาบรรจบกันเพื่อให้เกิดวัฒนธรรมและสังคมที่ดีในเรื่องของกาแฟต่อไปในอนาคต
หลังจากที่เราได้รู้ในเรื่องของแนวคิดและเรื่องของสถานที่ต่างๆไปบ้างแล้ว ต่อไปเราจะเริ่มเข้าไปทัวร์ด้านในกันแล้วนะคะ โดยในวันที่เราเข้าชมนั้นเราได้รับเกียรติจากทีมงานของ The Accademia ในการพาชมและให้ข้อมูลต่าง ๆ กับพวกเรา
โดยเริ่มจากส่วนแรกที่เข้ามา จะเป็นโถงทางเข้า ซึ่งด้านขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์ต้อนรับ ซึ่งตรงนี้จะมีโมเดลของ The Accademia del Caffè Espresso ที่ถูกจัดวางไว้อย่างสวยงาม
ถัดมาทางด้านขวาอีกเช่นกัน จะเป็นส่วนของการแสดงนิทรรศการที่ทางทีมงานแจ้งว่า โถงนี้จะเป็นนิทรรศการหมุนเวียนไปเรื่อยๆ แต่จะมีเพียงส่วนเดียวที่ไม่เปลี่ยนเลยคือนิทรรศการของผู้ที่มีส่วนร่วมในการก่อตั้ง The Accademia del Caffè Espresso และในฝั่งตรงกันข้ามนั้นก็จะเป็นพื้นที่นิทรรศการของความเป็นมาของ The Accademia del Caffè Espresso โดยมีเรื่องราวตั้งแต่อดีตที่เคยเป็นโรงงานในการผลิตเครื่องชงกาแฟ ผ่านกาลเวลาในช่วงต่างๆมาจนปัจจุบัน
ซึ่งไฮไลท์ในส่วนนี้ก็จะเป็นเจ้าโต๊ะทำงานของช่างผู้ประกอบเครื่องชงกาแฟของ La Marzocco ที่เป็นโต๊ะทำงานที่เคยถูกใช้จริงในอดีต เรียกได้ว่ายกมาตั้งให้สัมผัสกับความคลาสสิคในงานการประกอบเครื่องอย่างใกล้ชิดกันเลยทีเดียว
1
ถัดเข้ามาอีกนิด ก็จะเห็นบาร์กาแฟในรูปแบบวินเทจผสมเรทโทรนิดๆ อยู่ทางด้านขวามือของทุกคน ในส่วนนี้ทางทีมงานบอกเราว่าเป็นบาร์ในยุคแรกของครอบครัว Bambi หรือผู้ก่อตั้ง La Mazocco นั่นเอง ตรงนี้ทุกคนจะได้เห็นเจ้า La Marzocco GS รุ่นแรก ตั้งตระหง่านต้อนรับทุกคนอยู่ และคุณก็ยังสามารถที่จะพักดื่มกาแฟที่บาร์นี้ก่อนที่จะไปต่อก็ได้
เมื่อได้ดื่มด่ำกับกาแฟเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทีมงานก็พาพวกเรามาที่ส่วนแรก เหมือนเป็นส่วนที่แสดงถึงความเป็น La Marzocco ผ่านเครื่องชงกาแฟได้อย่างดีเลยทีเดียว มีการนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมของเครื่องชงรวมถึงรายละเอียดของเครื่องชงที่ผลิต
ซึ่งในส่วนนี้จะแสดงให้เห็นถึงแนวคิดของเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาเครื่องชงให้มีความทันสมัย โดยที่ยังตั้งอยู่บนพื้นฐานของการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องชงกาแฟและบาริสต้าได้อย่างลงตัว อย่างเช่น เทคโนโลยี Straight In ที่อยู่ในเครื่องชงกาแฟ La Marzocco KB90 ไฮไลท์ในส่วนนี้ก็จะเป็นการนำเอาเจ้า Strada และ Linea Mini ออกมาแยกชิ้นส่วนในแบบที่เรียกว่าเห็นทุกชิ้นส่วนที่อยู่ภายในเครื่องกันเลยทีเดียว
และเมื่อเราออกจากห้องที่แสดงเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่มีผลในการปลูกกาแฟแล้วนั้น เราก็จะเจอกับโถงขนาดใหญ่ ที่มีบาร์กาแฟขนาดใหญ่ทอดตัวยาวอยู่ตรงหน้า โดยบนบาร์นั้นก็ประกอบไปด้วยเครื่องชงกาแฟแนวหน้าของ La Marzocco อันได้แก่ Modbar, Strada และ Leva ตั้งตระหง่านพร้อมให้ทุกท่านได้ลิ้มรสกาแฟจากฝีมือบาริสต้าจากทาง La Marzocco ที่ได้เตรียมพร้อมไว้ให้เราอย่างดีเยี่ยม
นอกจากนี้ เบื้องหลังของเคาน์เตอร์กาแฟนั้น ก็เป็นฉากหลังที่เรียกได้ว่าขนเอาเครื่องชงของ La Marzocco มาเรียงกันอย่างมากมายเลยทีเดียว โดยส่วนมากจะเป็นเครื่องในรุ่น Lenea Series ไม่ว่าจะเป็นเจ้าตัว Classic, PB และรุ่นอื่นๆในตระกูลนี้ ซึ่งห้องนี้เดิมเป็นโถงสำหรับใช้ในการประกอบเครื่องชงกาแฟของ La Marzocco นั่นเอง และเมื่อเราหันหน้าให้บาร์กาแฟ ทางด้านขวาของเราก็จะเป็นห้องที่ทาง La Marzocco กระซิบกับเราว่า ส่วนนี้จะถูกใช้เป็นห้องปฏิบัติการทางกาแฟ หรือเรียกง่ายว่าห้องแลปนั่นเอง
โดยแบ่งออกเป็นสามห้องหลักๆด้วยกันก็คือ ห้องที่ใช้สำหรับการปฏิบัติการเกี่ยวกับการคั่วกาแฟ โดยในห้องนี้เราแอบเห็นเจ้า IKAWA Pro V3 ของเราตั้งตระหง่านอยู่ในนั้นด้วย