4 ต.ค. 2021 เวลา 03:18 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สรุปมุมมองการเข้าซื้อกองทุนต่างประเทศ
by หนีดอย ประจำวันที่ 4 ต.ค. 2021
"ดาวโจนส์ปิดบวกเมื่อวันศุกร์ ได้แรงหนุนจากกข้อมูลเศรษฐกิจ
ของสหรัฐที่เป็นไปในเชิงบวก ขณะที่ยุโรปปิดลบต่อ
ตลาดหุ้นฮ่องกงสั่งระงับการซื้อขายหุ้นไชน่า เอเวอร์แกรนด์ในวันนี้"
5
📌 มาดูภาพรวมดัชนีจาก Investing.com
📌 ตลาดเอเชียเริ่มกันที่ ดัชนี CSI300 +0.67% ​(ที่ 4866 จุด), ดัชนี HSTECH -1.71% (ที่ 5997 จุด)
📌 ส่วนทองคำราคาอยู่ที่ 1760ขณะที่ราคาแร่เงินอยู่ที่ 22.56 USD/Oz.
(ข้อมูลจาก investing.com/indices/major-indices)
📌 สำหรับดัชนี Fear & Greed index ล่าสุดสำหรับตลาดสหรัฐอยู่ที่ 27 (Greed < Fear) (ข้อมูลจาก money.cnn.com/data/fear-and-greed/)
📌 ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (1 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่เป็นไปในเชิงบวก, ความคืบหน้าในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 และแนวโน้มการผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน
📌 ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อวันศุกร์ (1 ต.ค.) แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการประกาศเตือนเรื่องผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากภาวะชะงักงันด้านห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
📌 สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (1 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัสในวันจันทร์ที่ 4 ต.ค. และตลาดได้ปรับตัวรับการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มโอเปกพลัสจะมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันสำหรับเดือนพ.ย.
📌 สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 85 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 75.88 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2561 และปรับตัวขึ้น 2.6% ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 97 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 79.28 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้นเกือบ 2.7% ในรอบสัปดาห์นี้
 
📌 สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (1 ต.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และนักลงทุนเข้าซื้อทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลว่า เงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.4 ดอลลาร์ หรือ 0.08% ปิดที่ 1,758.4 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวขึ้น 0.4% ในรอบสัปดาห์นี้
📌ราคาหุ้นของบริษัทเมอร์ค แอนด์ โค ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยดีดตัวขึ้น 0.7% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ปิดตลาดพุ่งขึ้น 8.4% เมื่อวันศุกร์ (1 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่เมอร์คประกาศว่า ทางบริษัทเตรียมยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เพื่อขออนุมัติการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ (molnupiravir) ในกรณีฉุกเฉิน หลังการทดลองทางคลินิกได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจ
1
📌 ทั้งนี้ ยาโมลนูพิราเวียร์ เป็นยาเม็ดสำหรับรักษาโรคโควิด-19 ซึ่งเมอร์คระบุว่ามีประสิทธิภาพในการต้านไวรัสโควิด-19 ทุกสายพันธุ์ ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์เดลตาเมอร์คเปิดเผยว่า ยาโมลนูพิราเวียร์สามารถลดความเสี่ยงของผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรงในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตได้ถึง 50% ผลการทดลองในระยะที่ 3 พบว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้รับยาโมลนูพิราเวียร์จำนวนเพียง 7.3% ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลภายในเวลา 29 วัน และไม่มีผู้เสียชีวิต ขณะที่ผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอกจำนวน 14.1% ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลภายในเวลา 29 วัน และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 8 ราย
3
📌 ​ เมอร์คได้ทำการทดลองยาโมลนูพิราเวียร์ในระยะที่ 3 ในสถานที่มากกว่า 170 แห่งทั่วโลก ซึ่งรวมถึงในสหรัฐ บราซิล กัวเตมาลา อิตาลี แอฟริกาใต้ ญี่ปุ่น และไต้หวัน ขณะนี้เมอร์คกำลังทดลองยาโมลนูพิราเวียร์ร่วมกับบริษัทริดจ์แบ็ค ไบโอเทราพิวติกส์ ซึ่งเป็นการทดลองในระยะที่ 3 โดยแบ่งเป็นการทดลองสำหรับยารักษา และยาป้องกันโรคโควิด-19 เมอร์คได้เริ่มผลิตยาโมลนูพิราเวียร์แล้ว โดยคาดว่าจะสามารถผลิตได้ 10 ล้านเม็ดภายในสิ้นปีนี้ และจำนวนมากขึ้นในปีหน้า
📌 ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดปรับตัวลง โดยนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป หลังจากตลาดหุ้นฮ่องกงสั่งระงับการซื้อขายในวันนี้ เนื่องจากบริษัทผิดนัดชำระหนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เอเวอร์แกรนด์ได้ผิดนัดชำระหนี้ถึง 2 ครั้ง โดยได้ผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้วงเงิน 47.5 ล้านดอลลาร์ที่มีกำหนดชำระวันที่ 29 ก.ย. รวมทั้งผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้วงเงิน 83.5 ล้านดอลลาร์ที่มีกำหนดชำระในวันที่ 23 ก.ย.
1
📌 ทั้งนี้ เอเวอร์แกรนด์มีหนี้สินมากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 10 ล้านล้านบาท เทียบเท่ากับ 2% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีน หลังจากที่บริษัทได้ทำการกู้เงินมาเป็นเวลาหลายปีเพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน
1
📌 สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่เปิดเผยในวันศุกร์ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญนั้น พุ่งขึ้น 3.6% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2534 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.5% และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 0.2%
📌 ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นของดัชนี PCE พื้นฐานมีสาเหตุจากภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทาน และความต้องการใช้เชื้อเพลิงในระดับสูงกว่าปกติ ส่วนดัชนี PCE ทั่วไปซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 4.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี และเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2534 ขณะที่เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนส.ค.
📌 ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จากกระทรวงแรงงานสหรัฐ นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 0.7% ขณะเดียวกัน รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่วนอัตราการออมของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 9.4% สู่ระดับ 1.71 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 10.1% ในเดือนก.ค.
📌 ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดีดตัวขึ้นกว่า 100 จุดในช่วงเช้านี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐมีแนวโน้มพุ่งขึ้นต่อเนื่องจากวันศุกร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลแรงงานของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย. นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของ FactSet คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 475,000 ตำแหน่ง ซึ่งดีกว่าในเดือนส.ค.ที่เพิ่มขึ้นเพียง 235,000 ตำแหน่ง
📌 นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.65 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเล็กน้อย จากปิดตลาดเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 33.62/63 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ดอลลาร์มีแนวโน้มพักฐานหลังปรับตัวแข็งค่าไปมาก โดยที่ตลาดยังไม่มี ปัจจัยใหม่เข้ามา
2
📌 "บาทอ่อนค่าเล็กน้อยจากเย็นวันศุกร์ ค่าเงินภูมิภาคเคลื่อนไหวแบบผสม ช่วงนี้ดอลลาร์พักฐานหลังจากแข็งค่าไปมาก" นัก บริหารเงิน กล่าว นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.55 - 33.75 บาท/ดอลลาร์
1
Cr. สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ
💵Lists กองทุนใน Watchlists ทั้งหมดที่น่าสนใจ (โปรดอ่านหมายเหตุด้านล่างประกอบ)
1 ASP-DISRUPT 💵💵💵
2 ASP-EUG 💵💵💵
3 ASP-EVOCHINA 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
4 ASP-JHC
5 ASP-ROBOT 💵💵💵
6 B-Bharata
7 B-GTO 💵💵💵
8 B-INNOTECH 💵💵💵
9 BCAP-CLEAN 💵💵💵
10 BCAP-CTECH 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
11 BCARE 💵💵💵
12 K-CHANGE-A 💵💵💵
13 K-CHINA-A 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
14 K-HIT 💵💵💵
15 K-USA-A 💵💵💵
16 K-USXNDQ-A 💵💵💵
17 K-WORLDX 💵💵💵
18 KF-EUROPE 💵💵💵
19 KF-GTECH 💵💵💵
20 KF-ORTFLEX
21 KF-US 💵💵💵
22 KFCMEGA-A 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
23 KFGBRAND-A 💵💵💵
24 KFHTECH-A 💵💵💵
25 KFINFRA-A
26 KT-ASHARES-A 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
27 KT-CHINA-A 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
28 KT-EURO/K-EUSMALL 💵💵💵
29 KT-PRECIOUS 💵💵💵
30 KT-WTAI-A 💵💵💵
4
31 LHCYBER-A
32 LHESPORT-A / WE-PLAY 💵💵💵
33 LHINNO-A 💵💵💵
34 LHMOBILITY 💵💵💵
35 M-EM 💵💵💵
36 MATECH-A 💵💵💵
37 MFTECH 💵💵💵
38 ONE-DISC-RA 💵💵💵
39 ONE-GECOM 💵💵💵
40 ONE-UGG-RA 💵💵💵
41 P-CGREEN 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
42 PRINCIPAL GCLEAN-A 💵💵💵
43 PRINCIPAL GCLOUD-A
44 PRINCIPAL GHEALTH-A 💵💵💵
45 Principal VNEQ-A
46 PWIN 💵💵💵
47 SCBDJI(A) 💵💵💵
48 SCBGOLD (แบบไม่ Hedge) 💵💵💵
49 SCBGOLDH (แบบ Hedge) 💵💵💵
50 SCBKEQTG 💵💵💵
51 SCBNK225
52 SCBS&P500 💵💵💵
53 SCBSEMI 💵💵💵
54 SCBUSSM
55 T-ES-GGREEN 💵💵💵
56 T-ES-GINNO / TMB-ES-GINNO 💵💵💵
57 T-GLOBALENERGY / MRENEW 💵💵💵
58 T-Premium Brand 💵💵💵
59 TBIOTECH 💵💵💵
60 TCHCON 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
4
61 TCHTECH-A / SCBCTECHA 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
62 TCLOUD
63 TGENOME 💵💵💵
64 TGHDIGI 💵💵💵
65 TMB-ES-AUTOMATION 💵💵💵
66 TMB-ES-CHINA-A 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
67 TMB-ES-STARTECH 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
68 TMBAGLF 💵💵💵
69 TMBCOF 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
70 TMBGQG 💵💵💵
71 TNEWENGY 💵💵💵
72 TNEXTGEN / WE-CYBER 💵💵💵
73 UCHI 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
74 UCI 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
75 UEDTECH 💵💵💵
76 UEV
77 WE-CANB, MCANN 💵💵💵
78 WE-CHIG 🇨🇳🇨🇳🇨🇳
79 WE-GOLD 💵💵💵
80 WE-TENERGY / SCBCLEANA 💵💵💵
81 TMBWDEQ 💵💵💵
4
📌หมายเหตุ : หลังจากทางการจีนได้ลงดาบบริษัทกลุ่มการศึกษาในประเทศทั้งหมดที่ครอบคลุมระดับ K-12 ให้เปลี่ยนเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร และมีเงื่อนไขข้อจำกัดในการระดมทุนต่างๆ เพื่อไม่ให้เป็นผลเสียกับเด็กในระยะยาว และเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายทางบ้านที่ทำให้อัตราการเกิดของประชากรจีนน้อยลงจากค่าเรียนกวดวิชา ทำให้พื้นฐานหุ้นกลุ่มนี้เปลี่ยนไปถาวร โดยได้รับการยืนยันจากทางการในวันที่ 25 ก.ค. 2021 ยังไม่รวมถึงที่ทางการจีนเข้ามามีบทบาทการควบคุมบริษัทเทค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแง่การผูกขาด หรือ ความปลอดภัยของข้อมูลที่จัดเป็นความมั่นคงของชาติ ซึ่งส่งผลให้มีการถอดแอพไม่ให้ผู้ใช้งานใหม่สามารถ Download ได้ เช่น Didi Global ที่ทำการ Listing ในตลาดสหรัฐฯ โดยไม่มีกำหนดว่าระยะเวลาการตรวจสอบหรือคุมเข้มในหลายๆอุตสาหกรรมจะสิ้นสุดเมื่อไหร่
ภายหลังรัฐบาลจีนออกกฎเกณฑ์เพื่อควบคุมธุรกิจภาคการศึกษาในวันที่ 24 ก.ค. ได้สร้างแรงกดดันให้ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงในช่วงที่ผ่านมา โดยรายงานจาก Bloomberg เผยว่าหน่วยงานกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ในจีนจัดการประชุมด่วน ในวันที่ 28 ก.ค. 2021 หลังตลาดหุ้นจีนถูกเทขายอย่างหนัก เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางในการผ่อนคลายความกังวลที่เกิดขึ้น เกิดสัญญาณที่ดีต่อตลาดหุ้นจีนในระยะสั้น ที่เข้ามาช่วยลดความกังวลจากรัฐบาลจีนที่อาจกระจายการควบคุมไปยังอุตสาหกรรมอื่น
1
ทางผู้เขียนจึงขอแบ่งออกเป็น 3 แนวทางในการลงทุนหุ้นจีนจากนี้เป็นต้นไป ดังนี้
1. ยังคงถือต่อ เนื่องจากทางผู้จัดการกองทุนน่าจะมีการลดหุ้นกลุ่มการศึกษาหรือกลุ่มเสี่ยงออก หลังจากทุกอย่างคลี่คลาย ระยะยาวน่าจะส่งผลดี
2. ลดสัดส่วนหรือรินขายออก เนื่องจากหากมีเหตุการณ์ลงดาบแบบนี้ทำให้ธุรกิจกลุ่มนี้แทบตอกฝาโลง ก็เป็นไปได้ว่าจะมีอีกหลายธุรกิจที่จะตามมา เพื่อทำให้ค่าใช้จ่ายของประชาชนลดลง เพื่อส่งเสริมการมีบุตรให้มากขึ้นได้ในครอบครัว
3. ทยอยซื้อเพิ่ม เพราะเป็นโอกาสดีที่หุ้นพื้นฐานดี ราคาลงมาพอสมควรแล้ว และมองว่า ทางการจีนไม่น่าลงดาบหนักๆ ในอุตสาหกรรมอื่นแบบนี้
💵💵💵 คือ น่าทยอยสะสมวันนี้ หากใครอยากทยอยลงทุน
🇨🇳🇨🇳🇨🇳 คือ น่าทยอยสะสมสำหรับกลุ่มกองทุนจีนกรณีที่เราอยู่ในข้อ 3 ของหมายเหตุ
💵หรือหากใครคิดว่าการดีดขึ้นมามากในรอบนี้ จะถือโอกาสขายหรือสับเปลี่ยนกองเพื่อลดสัดส่วนหุ้นเทคฯ ก็ทำได้ตามแผนการที่เราตั้งใจไว้ได้เช่นกันครับ
📌โดยทองคำมีแนวรับที่น่าเข้าสะสมทองคำที่ระดับ 1660, 1680, 1700, หรือ 1730 เพื่อคงปริมาณทองคำอยู่ในพอร์ทการลงทุนราวๆ 5-15%
📌กรณีที่คนมีแล้วอยากจะขายรินกำไรออก ก็มีแนวต้านตั้งแต่ 1775, 1800, 1840, 1890, 1900, หรือ 1920 ครับ ที่พอทยอยขายได้
💵สำหรับทองคำผมได้ทำคลิปมุมมองทองคำเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (3 ต.ค. 2021) ในแง่ของปัจจัยทางกราฟเทคนิค และปัจจัยพื้นฐาน สำหรับใครที่อยากดูรายละเอียดคลิกได้เลยที่ https://www.blockdit.com/posts/61597aaa7097d50ca491d338
1
💵คำแนะนำการขายสำหรับคนที่ต้องการรินกำไรขายออกบ้างหรือจะขายทั้งหมดก็ตาม โดยผมใช้ RSI ที่เกิน 70 ในตัว ETF ที่เป็นกองแม่ของกองทุนนั้นๆ หรือแยกดูเป็นหุ้นรายตัว พบว่ามี RSI เกิน 70 มากกว่าครึ่ง หรือ ดัชนีอยู่ใกล้แนวต้านเดิม พบว่ามีกองที่เริ่มน่าขายรินกำไรออกได้ ได้แก่
1. กองทุนอินเดีย
2. กองทุนดัชนี Nasdaq เช่น K-USXNDQ-A
3. กองทุนดัชนี S&P 500 เช่น SCBS&P500
4. กองทุนทั่วโลก : TMBGQG/K-WORLDX, B-GTO หรือ กองทุนที่เน้นหุ้นใหญ่อย่าง Microsft, Facebook
5. UEV
6. ONE-UGG-RA, K-CHANGE-A, K-HIT (คนที่ซื้อกลางพ.ค.)
7. KFGBRAND-A
8. กองทุนหุ้นสหรัฐ Mid-small caps : SCBUSSM, ABAGS
9. กองทุน Tech เช่น B-INNOTECH, KF-GTECH, KFHTECH-A
10. กองทุนหุ้นสหรัฐ เช่น K-USA-A, KF-US, SCBUSAA
11. กองทุนยุโรป เช่น ASP-EUG, KF-EUROPE, KT-EURO/K-EUSMALL
12. Cloud computing เช่น Tcloud, Principal Gcloud-A
2
สำหรับการขายเหมาะกับคนที่ได้กำไรมาเยอะแล้ว 25% ขึ้นไป สามารถรินกำไรออกได้ครับ (ทั้งนี้แล้วแต่ผู้ลงทุนพิจารณา ไม่ต้องถึงกับ 25% ก็ได้ครับ)
📌สำหรับข้อมูลข้างต้น เหมาะกับคนอยากจับจังหวะการลงทุน หากใครมีแผนทำ DCA ซื้อทุกๆเดือนอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องดูส่วนนี้นะครับ ให้ทำตามวินัยเดิมที่ตั้งใจไว้ได้เลยครับ
1
📌หมายเหตุ ความเห็นข้างต้น เป็นการใช้กราฟเทคนิคดูจุดเข้าซื้อ ไม่ได้ยืนยันความถูกต้อง 100% เพราะซื้อแล้ว ราคาอาจย่อลงได้กว่าเดิม และการซื้อกองทุนก็ไม่ได้ราคา Real time ตามหน้าหุ้นนั้นๆครับ
🌟 มุมมองดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก By หนีดอย
DOW JONES, S&P500, NASDAQ, RUSSELL2000
CSI300, HSI, HSTECH, KOSPI
NIKKEI225, SENSEX, SET, VN30, STOXX50, STOXX600
ประจำวันที่ 2 ต.ค. 2021 https://www.blockdit.com/posts/6158613f09e7780ca863876e
🌟 Series : Review Tiger Broker โบรคเกอร์ที่ดีที่สุดสำหรับผม เมื่อต้องการลงทุนหุ้นต่างประเทศ :
🌟 Clip มุมมอง Cryptocurrency | By หนีดอย
BTC, ETH, XRP, BNB, ADA, LTC, DOGE, SOL
ประจำวันที่ 3 ต.ค. 2021 : https://www.blockdit.com/posts/6159c2933d4d760c9a618969
1
🌟 แจกตาราง “กองทุน” 622 กองทุน (อัพเดท 31 ก.ค. 2021)
ครอบคลุม SSF, RMF, PVD จัดเป็นทั้งหมด 18 กลุ่ม ดังนี้
1. Money Market
2. Healthcare
3. Global
4. China
5. US
6. Asia Ex.Japan
7. ASEAN
8. Gold & Mining
9. Commodities
10. REITs
11. Emerging Markets
12. Europe
13. Japan
14. South Korea
15. India
16. Vietnam
17. Technology
18. Oil
ปล. การจัดทำตารางนี้อาจมีไม่ครบทุกกองในประเทศไทย
2
พิเศษ!!! เพียงกด Like และกด Share โพส เปิด Public
 พร้อมแคปภาพเพื่อรับไฟล์ตารางกองทุน เป็น Excel
แล้วส่งภาพมาทาง Inbox ทาง FB Fanpage หนีดอยได้เลย...
โดยทางไฟล์จะสามารถคลิกที่ชื่อกองทุน
แล้วลิงค์ไปยังรายละเอียดกองทุนแต่ละกองได้
ติดตามหนีดอยได้ที่
📌Telegram - t.me/needoy
📌Line (openchat) - https://bit.ly/lineneedoy
📌Spotify : spoti.fi/2NLRVBK
📌Apple Podcast : apple.co/3pC8Gwh
📌 คัมภีร์หนีดอย ใน 20 ชั่วโมง ที่สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหานักลงทุนที่อยากรู้ว่าเราควรรู้อะไรในการลงทุนทุกสินทรัพย์ สามารถเลือกเรียนหัวข้อที่สนใจได้ เช่น อยากเข้าใจกราฟ เรียนแต่หัวข้อที่ 4 แต่ถ้าต้องการรู้หมดทุกศาสตร์ อยากลงทุนแบบจริงจัง 20 ชั่วโมงที่ว่านี้จะทำให้เข้าใจภาพรวมทั้งหมด
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมทั้งหมดได้ที่ www.blockdit.com/posts/60b1da0997d8a40c5a2e4809
📌 เพียง 200 บาทต่อ 1 ชั่วโมง เท่านั้น!!!
สนใจติดต่อรายละเอียดได้ที่ Line : cescassawin
โฆษณา