5 ต.ค. 2021 เวลา 04:13 • ไลฟ์สไตล์
🔥 อย่าเป็นคนเก่งที่เพื่อนๆ เบะปากใส่ !
ต้องบอกเลยสังคมการทำงานนั้นอยู่ยาก เพราะจะมีเพื่อนร่วมงานสาระพัดแบบ มีทั้งดี และไม่ดี ส่วนมากจะขึ้นอยู่จากพื้นฐานทางครอบครัว การอบรมเลี้ยงดู
2
การต้องอยู่กับคนที่แตกต่าง ต้องรู้จักวางตัว การทำงานแบบเก่งคนเดียวมันยากที่จะไปรอด ต้องช่วยกันไปเป็นทีม ถึงจะดี ถึงมันจะยากประหนึ่งเข็นครกขึ้นภูเขา แต่เราก็สามารถติดล้อให้ครกได้ ค่อยๆ พากันไปถึงจะดี
ทีนี้มาพูดถึงพวกที่ไม่เข้าใจข้อนี้ พวกที่มีอีโก้สูง มองคนอื่นเป็นสัตว์ สิ่งของไม่มีค่าควรจะใส่ใจ เหมือนคนๆ หนึ่งอย่างกับเขา พวกนี้อยู่ที่ไหนก็เป็นภาระ คนเก่งแต่ไม่มีใครเอา ทำงานที่ไหนก็อยู่ได้ไม่นาน เพื่อนร่วมงานเบื่อหน่าย แถมบางทีเจ้านายพูดยังไม่ฟัง
ชีวิตสไตล์นี้น่าจะรอดยากในสังคมคนทำงาน มาดูกัน คนแบบไหนที่เพื่อนไม่รักแถม ร้องยี้ใส่หน้าได้ คงทำไปแล้ว มาคะ จะเล่าให้ฟัง
1. ติดทำทุกอย่างคนเดียว
การที่คนเก่งชอบทำอะไรเองทุกอย่าง น่าจะเกี่ยวข้องมาจากข้อที่แล้วว่าชอบให้ทุกอย่างเพอร์เฟคๆ มีความไม่มั่นใจในตัวคนอื่น กลัวทำแล้วไม่ได้ดั่งใจ ยิ่งพอคนอื่นทำให้ไม่ได้ดั่งใจ ก็ยิ่งเกิดความไม่ไว้ใจหนักกว่าเดิม
เลยต้องลงมือทำทุกอย่างเพียงลำพัง ประกอบกับอยากได้ผลงานเต็ม ได้มีโอกาสโชว์ความเก่งของตัวเองแบบเน้นๆ ก็ยิ่งไม่ปล่อยให้เพื่อนร่วมงานได้ทำหน้าที่ตามที่ควรจะเป็น
คนเก่งประเภทนี้หากต้องเจองานสเกลใหญ่ที่ต้องใช้ทีมงานหมู่มากในการทำงาน รับรองว่าไปต่อไม่ได้ เพราะไม่ถนัดทีมเวิร์คนั่นเอง ทางที่ดีควรยอมรับความจริง ไม่มีใครดีหมดทุกอย่าง ต้องพยายามวางใจกลางๆ บ้างถึงจะดี
2. คนเก่งที่หลงตัวเอง
คนทำงานเก่ง มักจะได้รับคำชมบ่อยๆ และก็พอบ่อยมากเข้า ก็มักจะเกิดความภาคภูมิใจ แต่หากอาการภูมิใจในตัวเองมีมากเกินไป ก็อาจเข้าขั้นของอาการหลงตัวเองได้
โดยจะชอบคิดว่าตัวเองเก่งกว่าใครๆ ชอบให้คนมาชมเชย อยู่กับความสำเร็จเก่าๆ มั่นใจในความคิดของตัวเองมากสุดๆ จนเลยเถิดไปเป็นชอบดูถูกคนอื่นไปทั่ว ด้วยความคิดว่าไม่มีใครเก่งกว่าตัวเรา ชอบหลงตัวเองอย่างนี้ เพื่อนๆ ยี้ ไม่อยากอยู่ใกล้ แถมไม่มีใครจริงใจด้วยอย่างแน่นอน คนแบบนี้เพื่อนร่วมงานรังเกียจถึงจะเก่งแค่ไหนก็เถอะ
ทางที่ดีอย่ายึดติดกับคำชม คำชมมีมาพอให้รู้ว่าทำแบบไหนดี ก็ดำเนินชีวิตต่อไป มันมีชมได้ ก็มีตำหนิได้ ทุกอย่างไม่จีรังยั่งยืน อย่ายึดติดเป็นพอ
3. คนที่มักหลงลืมความรู้สึกคนอื่น
เมื่อคนเก่ง แต่เก่งเฉพาะเนื้องาน คนแบบนี้จะไม่สนใจความรู้สึกของคนรอบข้าง หรือไม่พยายามเข้าใจก็ตามที โดยบางครั้งพวกเขาก็หลงลืมไปว่าความสำเร็จที่ได้มานั้น อาจไม่ได้มาจากตัวเราเองล้วนๆ อาจมีหลายคนอยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้
ข้อผิดพลาดที่รุนแรงมากคือ การเผลอมองข้าม ไม่เห็นความสำคัญ ไม่ยกย่องแสดงความขอบคุณกันอย่างจริงใจกับเพื่อนร่วมงาน คนแบบนี้เมื่อถึงคราวต่อไปอาจไม่มีใครอยากช่วยเหลือเขาอีกแน่นอน
การทำงาน หรืออยู่ร่วมกันในสังคม มันคือ เรื่องของการอยู่ร่วมกันด้วยดี มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เราควรรู้จักวางตัวให้ดี ต้องรู้จักให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกัน
1
4. คนที่ไม่สนใจระบบรุ่นพี่รุ่นน้อง
3
คนเก่งก็มักจะมีอคติกับบรรดารุ่นพี่ในที่งานว่า ฉันเด็กกว่าเก่งกว่า คนเก่าคนแก่ไม่ทันยุคสมัย หรือที่แย่กว่าก็คือเลือกปฏิบัติ ทำดีเฉพาะกับผู้อาวุโสที่มีตำแหน่งใหญ่ มีสิทธิตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ นอกนั้นมองไม่เห็นหัว อย่าทำแบบนั้นดีกว่า มันไม่น่ารักเลย แถมแสดงถึงวุฒิภาวะทางความคิดของคุณได้เป็นอย่างดี มารยาทที่ดีสามารถแสดงออกทั้งจากการกระทำและคำพูด ต้องระวังข้อนี้ด้วย
เพราะอย่าลืม บนสังคมทุกที่ จะมีคนอายุต่างกันทำงานร่วมกันเสมอ คนมีอายุมากกว่าข้อดีเขาก็มี เช่น ผู้อาวุโสในบริษัท จะเป็นผู้ที่ทำงานมานาน มีประสบการณ์การทำงาน การวิเคราะห์ และรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ย่อมดีกว่าเด็กใหม่ที่ไร้ประสบการณ์ เจอปัญหาบางอย่างอาจคิดไม่รอบคอบได้ เป็นต้น
1
คุณหลีกหนีสังคมแบบนี้ไม่ได้แน่นอน ดังนั้นควรปรับตัวและยอมรับว่า สังคมไทยเรามีมารยาทในการอยู่ร่วมกันแบบพี่แบบน้อง และที่สำคัญ วันหนึ่งคุณก็จะมีอายุมากขึ้นเช่นกัน ทำอะไรก็คิดให้รอบคอบ เป็นคนรู้จักวางตัวในสังคมมันย่อมน่ารักกว่าเด็กเก่งที่ก้าวร้าวอย่างแน่นอนค่ะ
3
5. คนเก่งที่ไร้คุณธรรม
1
การเป็นคนเก่ง แต่ไม่ได้มีคุณสมบัติของการเป็นคนดี นี่เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจมากข้อหนึ่ง เพราะคุณจะอยากชนะในทุกเรื่องโดยไม่แยแสคุณธรรมใดๆ เลย ไม่มีคุณธรรมเป็นหลักในการดำเนินชีวิต กล้าทำผิดแบบตาไม่กระพริบ เพราะเป้าหมายคือ แค่ชนะเท่านั้น
คนแบบนี้ย่อมหนีไม่พ้นเรื่องร้ายๆ หรือปัญหายุ่งยากในการทำงานเสมอ จะด้วยความประมาท หรือเคยทำให้คนอื่นผูกใจเจ็บไว้มาก สุดท้ายปัญหาต่างๆ ก็จะถาโถมเข้ามา เพื่อนร่วมงานก็หนีหน้าไม่ให้ความช่วยเหลือ สุดท้ายก็ไม่เหลือใคร จะแพ้ภัยตัวเองในที่สุด
ในโลกของการทำงาน ไม่มีทางที่เราจะทำทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียว ต้องอาศัยคนทำงานในหน้าที่ต่างๆ กัน เพื่อคอยเกื้อหนุนกัน เพื่อจะได้ขับเคลื่อนให้งานเดินหน้าไปได้อยู่เสมอ
จดจำไว้ว่าไม่มีใครเก่งทุกอย่าง ตัวเราก็ไม่ได้รู้ทุกเรื่อง มองภาพรวมให้มาก อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางทุกสิ่ง เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้ การสร้างจุดสมดุลระหว่างความสุขกับความสำเร็จในการทำงานสามารถสร้างได้ ถ้าคุณยอมรับว่าคุณคือส่วนหนึ่งของสังคม แล้วคุณจะไม่ติดกับดักการเป็นคนเก่งอีกต่อไป
แหล่งข้อมูลอ้างอิง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา