ยุทธจักรวาลกิมย้ง
ตอน 9 : เส้นทางของขบถยุทธจักร (ประวัติศาสตร์ของ มังกรหยก ภาค 2)
Blockdit Originals ซีรีส์บทความพิเศษ
เอี้ยก้วยเป็นเด็กกำพร้า ไม่เคยเห็นหน้าพ่อ ส่วนแม่ตายตอนเขายังเป็นเด็ก เมื่อแม่ตาย เอี้ยก้วยก็ร่อนเร่ไปทั่ว
จนกระทั่งวันหนึ่งเขาพบสามีภรรยาคู่หนึ่งชื่อก๊วยเจ๋งกับอึ้งย้ง ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป
บทใหม่ของการผจญภัยเริ่มต้น
นี่คือผลงานหมายเลข 5 ของกิมย้ง
มังกรหยกภาค 2 / อินทรีเจ้ายุทธจักร / เอี้ยก่วยเจ้าอินทรี (神鵰俠侶 / The Return of the Condor Heroes)
ตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์หมิงเป้า 20 พฤษภาคม 1959 - 5 กรกฎาคม 1961 เป็นภาคต่อของ มังกรหยก
เรื่องนี้แปลเป็นไทยครั้งแรกโดย จำลอง พิศนาคะ ใช้ชื่อ มังกรหยก ภาค 2 ต่อมา ว. ณ เมืองลุง แปลฉบับปรับปรุง ชื่อ อินทรีเจ้ายุทธจักร และ น. นพรัตน์ แปลใช้ชื่อ เอี้ยก่วยเจ้าอินทรี
ก๊วยเจ๋งกับอึ้งย้งเดินทางท่องยุทธจักร พบเด็กชายวัยรุ่นคนหนึ่ง รูปร่างหน้าตาคล้ายเอี้ยคัง สอบถามพบว่าเป็นลูกของเอี้ยคังจริงๆ ชื่อเอี้ยก้วย
ก๊วยเจ๋งรับเอี้ยก้วยไปดูแลที่เกาะดอกท้อ เลี้ยงดูพร้อมกับลูกสาว ก๊วยพู้และสองพี่น้องตระกูลบู๊ แต่เอี้ยก้วยดูเหมือนเป็นส่วนเกินของกลุ่ม
วันหนึ่งเอี้ยก้วยเผลอทำร้ายพี่น้องตระกูลบู๊และฆ่าขอทานคนหนึ่งตาย ก๊วยเจ๋งจึงพาเอี้ยก้วยไปศึกษาในสำนักช้วนจินของคูชู่กี
เอี้ยก้วยไม่เคยพบหน้าบิดาของตนเอง เมื่อรู้ความจริงว่าบิดาเป็นคนเลว ก็รู้สึกผิดหวังรันทด
เอี้ยก้วยเป็นเด็กที่เข้ากับใครไม่ได้ ถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลา วันหนึ่งทำร้ายศิษย์สำนักช้วนจิน ตนเองบาดเจ็บ หนีไปหลบที่สำนักสุสานโบราณ ซึ่งอยู่ติดสำนักช้วนจิน เซี่ยวเล้งนึ้งเป็นเจ้าสำนัก อาศัยอยู่กับยายซุน
ยายซุนรักษาอาการบาดเจ็บให้เอี้ยก้วย เซี่ยวเล้งนึ้งไม่รับศิษย์ชาย แต่เมื่อยายซุนถูกนักพรตช้วนจินทำร้ายเสียชีวิต ก่อนตายขอให้เซี่ยวเล้งนึ้งดูแลเอี้ยก้วย นางจึงตกลง เอี้ยก้วยเรียกเซี่ยวเล้งนึ้งว่า โกวโกว (อาหญิง)
เอี้ยก้วยจึงฝึกวิชาของสำนักสุสานโบราณ และเริ่มโตเป็นหนุ่ม ความสัมพันธ์ของเขากับเซี่ยวเล้งนึ้งเป็นความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีจิตอกุศลใดๆ
วันหนึ่งลี้มกโช้ว ศิษย์ผู้พี่ของเซี่ยวเล้งนึ้งบุกมาชิงคัมภีร์สาวหยก (玉女素心劍法) วิชาของสำนักสุสานโบราณ เซี่ยวเล้งนึ้งปิดประตูตายสุสาน
เอี้ยก้วยกับเซี่ยวเล้งนึ้งพบทางออกอื่น ลี้มกโช้วตามมาได้
อาวเอี้ยงฮงมาพบเอี้ยก้วย สกัดจุดเซี่ยวเล้งนึ้ง แล้วพาเอี้ยก้วยไปฝึกวิชา เซี่ยวเล้งนึ้งถูกอี่จี้เพ้ง นักพรตช้วนจินล่วงเกิน แต่เซี่ยวเล้งนึ้งคิดว่าเป็นเอี้ยก้วย
เซี่ยวเล้งนึ้งคาดคั้นให้เอี้ยก้วยรับนางเป็นภรรยา แต่เอี้ยก้วยไม่รู้เรื่อง ยังคิดว่าเป็นอาจารย์ เซี่ยวเล้งนึ้งจึงจากไป
เอี้ยก้วยพบอั้งชิกกงกับอาวเอี้ยงฮง สู้กันจนตายไปพร้อมกันอย่างมิตร
เอี้ยก้วยไปร่วมงานชุมนุมชาวยุทธจักร เลือกผู้นำคนใหม่ มีหลวงจีนกิมลุ้นฮวบอ๋องและชาวมองโกลมาร่วม
เซี่ยวเล้งนึ้งปรากฏตัว ประลองฝีมือกับหลวงจีนกิมลุ้นฮวบอ๋อง และเอาชนะได้
เป็นครั้งแรกที่ชาวยุทธจักรพบเซี่ยวเล้งนึ้ง และตกใจเมื่อทั้งสองบอกว่าจะแต่งงานกัน เพราะตามขนบธรรมเนียมตามลัทธิขงจื้อ อาจารย์กับศิษย์แต่งงานกันไม่ได้
ทั้งสองกลายเป็นคนนอกคอก หรือ ‘ขบถ’
เส้นทางของเอี้ยก้วยขรุขระ และพลัดพรากจากเซี่ยวเล้งนึ้งหลายครั้ง
เอี้ยก้วยไปที่หุบเขาไร้รัก และพบเซี่ยวเล้งนึ้งที่นั่น กงซุนจื้อเจ้าของหุบเขาต้องการแต่งงานกับนาง
กงซุนเล็กงักลูกสาวกงซุนจื้อช่วยเอี้ยก้วย ทั้งสองตกเขา พบแม่ของกงซุนเล็กงัก นางไปปราบกงซุนจื้อ
ต่อมาเอี้ยก้วยช่วยก๊วยเซียง ลูกสาวก๊วยเจ๋ง วันหนึ่งขณะที่ป่วย เขาถูกก๊วยพู้ฟันแขนขาด
หลังจากถูกตัดแขน เอี้ยก้วยพบกับอินทรียักษ์ตัวหนึ่งที่เคยอยู่กับจอมยุทธ์นามต๊กโกวคิ้วป้าย (ชื่อแปลว่าแสวงหาความพ่ายแพ้) ฉายาอสูรกระบี่
ต๊กโกวคิ้วป้ายจารึกไว้ว่า เขาท่องยุทธจักรมาหลายสิบปี ทั่วทั้งแผ่นดินไร้คู่ต่อกร จึงเร้นกายพำนักในหุบเขา มีอินทรีเป็นเพื่อน เขานึกเศร้าใจที่ในชีวิต หาคู่มือที่เทียบเท่าตนสักคนก็มิพบพาน เป็นความอ้างว้างสุดประมาณ
เอี้ยก้วยไม่รู้ว่าต๊กโกวคิ้วป้ายเป็นยอดคนสมัยใด น่าจะเป็นคนในอดีตที่มีฝีมือสูงจนหาคู่ต่อกรไม่ได้ และเกิดความหงอยเหงาเดียวดาย เร้นกายที่นี่กับอินทรีคู่หูที่สุสานกระบี่ ฝึกวิชาร่วมกัน
เอี้ยก้วยพบว่านิสัยใจคอของต๊กโกวคิ้วป้ายคล้ายกับเขา คือสันโดษและหยิ่งทระนง
เอี้ยก้วยฝึกวิชากับนกอินทรี และใช้กระบี่เหล็กดำของต๊กโกวคิ้วป้ายเป็นอาวุธ หลังจากนั้นก็ไปต่อสู้กับพวกมองโกล และชาวบู๊ลิ้มที่รับใช้มองโกล
เนื่องจากพิษที่ได้รับจากหุบเขาไร้รัก ทำให้เส้นทางชีวิตของเอี้ยก้วยกับเซี่ยวเล้งนึ้งแยกทางกันอีกครั้ง นางตัดสินใจกระโดดผา แต่รู้ว่าเขาจะเลือกไม่มีชีวิตต่อไปคนเดียวแน่ จึงเขียนข้อความทิ้งไว้ว่า ขอนัดกันอีกสิบหกปี เพราะเชื่อว่าเวลายาวขนาดนั้น เอี้ยก้วยคงคลายโศกไปแล้ว
ช่วงสิบหกปีนั้น เอี้ยก้วยท่องยุทธจักร ด้วยแขนข้างเดียวเขาปราบคนพาล อภิบาลคนดี กลายเป็นจอมยุทธ์แขนเดียว เรียกว่าจอมยุทธ์อินทรี
ครั้นครบสิบหกปี เอี้ยก้วยก็ไปรอเซี่ยวเล้งนึ้งที่หน้าผา หลังจากรอนางอยู่นาน เขาก็เข้าใจว่าคนรักตายไปแล้วตั้งแต่สิบหกปีก่อน และกระโดดลงเหว ที่นั่นเขาได้พบกับเซี่ยวเล้งนึ้งอีกครั้ง และครองคู่กัน
มีตัวละครใดบ้างใน มังกรหยก ภาค 2 ที่เป็นบุคคลจริงในประวัติศาสตร์?
คำตอบคือหลายคน เช่น เฮ้งเตงเอี้ยง อิดเต็งไต้ซือ มองเกอ ข่าน และ กุบไล ข่าน
ตัวละครที่อิงกับตัวจริงก็คือเยลู่ฉี (เยลี่ฉี) สามีของก๊วยพู้ เป็นลูกชายของเยลี่ฉู่ไฉ
เยลี่ฉู่ไฉเป็นชาวชี่ตัน เดิมเป็นอำมาตย์แห่งอาณาจักรเหลียว เมื่อพวกต้าจินล้มอาณาจักรเหลียว ชาวชี่ตันส่วนหนึ่งหนีไปทางตะวันตกไปตายดาบหน้า ตั้งอาณาจักรใหม่คือเหลียวตะวันตก (ซีเหลียว) แต่เยลี่ฉู่ไฉไม่ไปด้วย ต่อมา เจ็งกิส ข่าน ชวนเขาไปทำงาน จัดเป็นมันสมองของมองโกล ช่วยจัดระบบของอาณาจักรมองโกล
ส่วน มองเกอ ข่าน และ กุบไล ข่าน เป็นลูกชายของโตลุย
ฉากหนึ่งในเรื่องคือก๊วยเจ๋งป้องกันเมืองเซียงหยางจากพวกมองโกล
มองโกลบุกซ่งใต้ในปี 1267 รู้ดีกว่าต้องถล่มเซียงหยางก่อน เซียงหยางเป็นปราการสำคัญที่สุดของอาณาจักรซ่งใต้ หากมันล้ม ซ่งก็ล้ม
ในนิยาย มองเกอ ข่าน และ กุบไล ข่าน นำทัพบุกเซียงหยาง ในการรบครั้งหนึ่ง มองเกอ ข่าน ถูกก๊วยเจ๋งฆ่าตาย
การที่ก๊วยเจ๋งฆ่า มองเกอ ข่าน ที่เป็นลูกชายโตลุย เพื่อนวัยเด็ก แปลว่าเมื่อต้องเลือกระหว่างคุณธรรมกับชาติ ก๊วยเจ๋งถือเรื่องแผ่นดินและชาติพันธุ์สำคัญกว่าเรื่องบุญคุณ ส่วนตัว
ทว่าในประวัติศาสตร์จริง เราไม่รู้แน่ว่า มองเกอ ข่าน ตายอย่างไร มันบันทึกฝ่ายจีนว่าเขาถูกชาวเมืองทำร้ายบาดเจ็บและเสียชีวิต บางข้อมูลว่าเขาป่วยตาย แต่กิมย้งแต่งเรื่องให้เขาตายเพราะรบที่เซียงหยาง
มองเกอ ข่าน เป็นผู้นำคนที่สี่ของอาณาจักรมองโกล เขาเป็นลูกคนโตของโตลุย ความจริงหลังจาก โอโกได ข่าน ตาย เขาก็เคยเข้าชิงตำแหน่งผู้นำ แต่แพ้คะแนนให้ กูยูค ข่าน ลูกชายของ โอโกได ข่าน
กูยูค ข่าน ไม่ใช่ข่านที่ทุกคนเคารพเพราะโหดร้ายต่อทหารของตนเอง และยังทะเลาะกับข่านคนอื่น
ครั้งที่ โอโกได ข่าน ส่งเขาไปทำศึกที่ยุโรปตะวันออกและยุโรปกลาง กูยูค ข่าน ไปรบพร้อมกับ บาตู ข่าน ลูกชายของโจชิ
ระหว่างการศึก กูยูคทะเลาะกับบาตูอย่างรุนแรง
เมื่อเรื่องไปถึงพ่อ ทั้งสองถูกเรียกตัวกลับเมืองหลวง โอโกไดโกรธลูกชายที่ทะเลาะและโหดร้ายต่อทหารของตนเอง บอกว่า “การที่รัสเซียยอมแพ้เพราะเจ้าโหดร้ายต่อคนของเจ้าหรือ เจ้าจับคนมาได้คนสองคน แล้วคิดว่าชนะสงครามแล้วหรือ? เจ้าจับไม่ได้แม้แต่ลูกแพะ”
จากนั้นก็ส่ง กูยูค ข่าน กลับไปรบต่อที่ยุโรป
เมื่อ โอโกได ข่าน ตาย บาตู ข่าน จึงไม่สนับสนุน กูยูค ข่านขึ้นเป็นผู้นำ
ข่าวโอโกไดตายไปถึง บาตู ข่าน ขณะที่เขากำลังรบในยุโรป ตามธรรมเนียมมองโกล เขาต้องเดินทางกลับเมืองหลวงไปร่วมพิธีเลือกผู้นำคนใหม่ทันที เขาลังเล ไม่คิดจะกลับไป จนแม่ทัพซูบูไตเตือนเขา จึงเดินทางกลับ
แต่ บาตู ข่าน กลับไม่เข้าร่วมสภาเกอรูไต เมื่อผลเลือกออกมาว่า กูยูค ข่าน เป็นผู้นำคนใหม่ แม้เขาจะไม่เห็นด้วยกับผลการเลือก แต่เมื่อสภาเลือกแล้ว ก็ยอมรับผล
ปี 1248 กูยูค ข่าน สั่งให้ บาตู ข่าน กลับเมืองหลวงเพื่อพบหน้า คนรอบตัวเกรงว่าเป็นคำสั่งให้จับหรือฆ่า บาตู ข่าน กลับเมืองหลวงพร้อมกองทัพใหญ่ คล้ายกับส่งสัญญาณว่า “จะจับก็มา จะฆ่าก็ต้องรบกัน”
แต่การเผชิญหน้าของสองคนนี้ไม่เกิดขึ้น กูยูค ข่าน ตายก่อนในปี 1248
อีกครั้งสภาเลือกผู้นำคนใหม่ มองเกอ ข่าน ได้เป็นผู้นำคนต่อไป
แล้วรอยปริร้าวของพวกมองโกลก็ถ่างกว้างกว่าเดิม
อย่างไร?
หลังจาก บาตู ข่าน ตาย อำนาจถูกส่งต่อให้น้องชายชื่อ เบอไก ข่าน ซึ่งขยายอำนาจของก๊กข่านกระโจมทองไปทางทิศตะวันตก
ในการเดินทางครั้งหนึ่ง เบอไกพบกองคาราวานพ่อค้ามุสลิมจากเมืองบูคอรอ หลังจากสนทนากับพ่อค้าเกี่ยวกับความเชื่อของอิสลาม เบอไก ข่าน รู้สึกศรัทธา ก็เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม ใช้ชื่อ บะรอกะฮฺ ข่าน เป็นมองโกลคนแรกที่แปลงเป็นอิสลาม
ส่วน มองเกอ ข่าน เมื่อขึ้นสู่อำนาจ ก็ส่งน้องชายสองคนไปทำสงครามคนละทิศ กุบไล ข่าน ลงใต้ไปยึดอาณาจักรซ่ง และ ฮูลากู ข่าน ไปตะวันตกเพื่อยึดครองเปอร์เซีย
แบกแดดในยุครุ่งเรืองมีประชากรราวหนึ่งล้านคน ทหารหกหมื่นคน
ปี 1258 ฮูลากู ข่าน ยกทัพ 150,000 คนยึดเมืองแบกแดด ทำลายเมืองราบเป็นหน้ากลอง แล้วก่อตั้งรัฐมองโกลในดินแดนเปอร์เซีย เรียกว่าก๊กอิลข่าน (Il-Khanate)
เมื่อทัพมองโกลเหยียบเมืองแบกแดด ปล้นสะดม ฆ่า ข่มขืน ประเมินว่ามีคนตายไปไม่น้อยกว่าสองแสนคน
ความพินาศของแบกแดดซึ่งเป็นศูนย์กลางอารยธรรมตะวันออกกลางมาหลายศตวรรษ เป็นจุดสิ้นสุดยุคทองของอิสลาม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่วิทยาการด้านวิทยาศาสตร์ เศรษฐกิจ สังคม ก้าวหน้าขีดสุดในพื้นที่เปอร์เซีย แบกแดดเป็นแหล่งของปัญญาชน นักคิด นักประดิษฐ์ วิชาทางคณิตศาสตร์ต่างๆ ก็เกิดขึ้นหรือพัฒนาในยุคนี้ เช่น เรขาคณิต ตรีโกณมิติ ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา วิศวกรรม ฯลฯ
วิชาที่ประดิษฐ์หรือวางรากฐานโดยชาวเปอร์เซียมักมีชื่อขึ้นต้นด้วย al เช่น algebra (พีชคณิต) algorithm (อัลกอริทึม)
นอกจากนี้อิสลามยังเป็นผู้ประดิษฐ์แปรงสีฟัน มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล การผ่าตัด รู้จักกาแฟหลายร้อยปีก่อนพวกยุโรป
แต่วิทยาการทั้งหลายถูกมือของ ฮูลากู ข่าน ทำลายสิ้นแทบทั้งหมดในทีเดียว ห้องสมุดแห่งแบกแดดถูกเผา ตำรา เอกสาร วิทยาการต่างๆ มอดในกองไฟ การทำลายล้างแบกแดดเป็นรอยบาปของมนุษยชาติ ทำให้โลกอิสลามไม่ฟื้นตัวในด้านวิทยาการอีกเลย เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของมนุษยชาติ
สำหรับ เบอไก ข่าน นี่เป็นเรื่องที่ให้อภัยมิได้ ต่อให้เป็นฝ่ายเดียวกัน เพราะการฆ่าหมู่ชาวเมืองมุสลิมก็เหมือนฆ่าสายเลือดของตน
เบอไก ข่าน ส่งสารไปถึง มองเกอ ข่าน ว่า “เขา (ฮูลากู) ได้ทำลายล้างเมืองทั้งหลายของมุสลิม ด้วยความช่วยเหลือจากอัลเลาะห์ ข้าฯจะคิดบัญชีกับเขาที่ทำให้เลือดคนบริสุทธิ์มากมายหลั่งไหล”
มองโกลบุกเมืองแบกแดด
สงครามระหว่าง เบอไก ข่าน แห่งก๊กกระโจมทองกับ ฮูลากู ข่าน แห่งก๊กอิลข่าน เลี่ยงไม่พ้น
หลังจากทำลายแบกแดด ฮูลากู ข่าน บุกอียิปต์ซึ่งปกครองโดยพวกมัมลุก แต่พ่ายแพ้ ส่วนหนึ่งเพราะ เบอไก ข่าน หันไปสนับสนุนพวกอียิปต์
ทว่าศึกฮูลากู-เบอไกมิใช่สงครามกลางเมืองสงครามเดียว ยังมีอีกสงครามกลางเมืองหนึ่งเกิดขึ้นพร้อมกัน ระหว่าง กุบไล ข่าน กับอาหลี่ปู้เกอ
ทั้งคู่เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน เป็นลูกของโจลุย มันเกิดขึ้นเมื่อ มองเกอ ข่าน ตายในปี 1259 ทั้งสองต้องการขึ้นมาเป็นใหญ่ เรียกว่าสงครามกลางเมืองโตลุย (The Toluid Civil War)
ฮูลากู ข่าน เป็นพันธมิตรกับ กุบไล ข่าน ดังนั้น เบอไก ข่าน จึงเป็นพันธมิตรกับอาหลี่ปู้เกอ ทั้งสองสงครามกลางเมืองก็ปะปนกัน กุบไล ข่าน ส่งกำลังไปตี เบอไก ข่าน ขณะที่อาหลี่ปู้เกอส่งกำลังไปตีก๊ก ฮูลากู ข่าน
ฮูลากู ข่าน กับ เบอไก ข่าน ตายในปีเดียวกัน ห่างกันไม่กี่เดือน
ส่วน กุบไล ข่าน ชนะสงครามกลางเมือง เป็นผู้นำคนต่อไป ตั้งราชวงศ์หยวน และเตรียมทำศึกกับซ่งใต้เป็นครั้งสุดท้าย
แต่พวกเขาพบว่ามีจอมยุทธ์คนหนึ่งยืนขวางทางอยู่
ก๊วยเจ๋ง
หมายเหตุ พวกมองโกลนำพาความพินาศไปสู่มุมต่างๆ ในโลกในระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ประเมินว่ากองทัพมองโกลน่าจะสังหารคนไปราว 30 ล้านคน
- 18
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
