17 ต.ค. 2021 เวลา 13:00 • บันเทิง

เรื่องเล่าที่ 21 : เสียงกรีดผนังจากข้างห้อง

เรื่องมีอยู่ว่า เราย้ายมาทำงานที่พัทยา เราเป็นเชฟที่ร้านอาหารเเห่งหนึ่งในเมืองพัทยา
ตอนย้ายมาใหม่ ๆ เราไม่ค่อยมีเงินเช่าห้องดี ๆ อยู่ เราเลยตัดสินใจไปเช่าห้องเเบบเเบ่งให้เช่า เเล้วข้างล่างเค้าจะทำเป็นบาร์ ข้างบนจะเเบ่งเป็นห้องเล็ก ๆ ให้คนเช่าอยู่ ราคาค่าเช่าก็ตกเดือนละ 1,500 บาท น้ำไฟฟรี เราเห็นว่ามันถูกดีเลยไปเช่าอยู่
คืนเเรกไม่มีอะไรเกิดขึ้น อาจเพราะเราทำงานมาเหนื่อยหรือป่าวก็ไม่รู้นะ คืนเเรกเลยหลับสบาย เเต่พอมาคืนที่ 2 ความสยองก็เข้ามา เราเลิกงานเที่ยงคืน กลับถึงห้องอาบน้ำเสร็จก็นอน เเต่ยังไม่หลับเพราะเสียงเพลงที่บาร์มันดังขึ้นมาข้างบนเบา ๆ เราเลยนอนเล่นมือถือ พอเล่นไปซักพักเราก็ได้ยินเสียงเล็บขูดกับฝาห้อง (เค้าใช้ไม้อัดมาเเบ่งเป็นห้อง ๆ เพื่อให้คนเช่า) เสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ เเล้วซักพักก็มีเสียงรองเท้าส้นสูงเดินไปเดินมา เราก็คิดว่าคงจะมีคนมาเช่าห้องข้าง ๆ เรามั้ง เลยเล่นมือถือต่อไม่ได้คิดอะไร
จนตี 2 บาร์ปิด เพลงทุกอย่างเงียบสงบ มีเพียงเสียงเล็บที่ขูดฝาห้อง เสียงนี้มันกลับมาอีกเเล้ว เราพยายามที่จะไม่คิดเเละพยายามหลับตา ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองหลับ เเต่ยิ่งดึก เสียงเดินไปเดินมากลับยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ มันทำให้เราเริ่มจะไม่ไหวเเล้ว
เราเลยสวดมนต์เพื่อให้จิตใจสงบ เเล้วเสียงเดินกับเสียงขูดฝาห้องก็ค่อย ๆ หายไป ในใจก็คิดว่าใช่เเน่เเล้ว เจอดีเข้าให้เเล้วเอเอ้ย เเล้วเราก็เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงเด็กมาเรียกว่า “พี่ ๆ ตื่น ๆ ไม่ไปทำงานเหรอ” เราก็สะดุ้งตื่น วันนั้นทั้งวันเราคิดอยู่เเต่เรื่องเดียว คิดกลับไปกลับมาว่าสิ่งที่เราได้ยินมันคือเสียงคนข้างห้องหรือเสียงอะไรกันเเน่
พอเลิกงาน กลับถึงห้องก็เที่ยงคืนกว่า ๆ เรารีบอาบน้ำเเล้วก็รีบเข้าห้องนอน เเต่ยังไม่หลับ เสียงเพลงจากบาร์ก็ดังลอยมาเบา ๆ เราที่นอนเล่นเกมอยู่ก็คิดในใจว่าอย่ามีอะไรผิดปกติอีกเลย เเล้วตี 2 ก็ผ่านไป เสียงเพลงก็ได้เงียบลง *ถ้าเสียงปิดประตูบาร์ดังขึ้นเเสดงว่าตอนนี้จะมีเเค่เราคนเดียว* (ทั้งตึกมีเราอาศัยอยู่เเค่คนเดียว ห้องอื่นยังไม่มีคนมาเช่า) ทุกอย่างก็ดูเงียบสงบ
เเล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงเล็บขูดกับฝาห้องดังขึ้น เรานี่ขนลุกเลย ในใจก็คิดว่าจะมาทำไม เรากลัวนะ พอความคิดได้หยุดลง ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นข้าง ๆ หูเรา เป็นเสียงที่เย็นเยือก ขนหัวเรานี่ตั้งเลย เราคิดว่าใช่ละ สิ่งที่เราคิดถูกหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสียงเดินหรือเสียงเล็บที่ขูดกับฝาห้อง เราไม่ได้คิดไปเอง เเล้วทุกครั้งที่ได้ยิน เราจะยังไม่หลับ จะมีก็เเค่เสียงเด็กที่มาปลุกตอนเที่ยง ๆ เท่านั้น
เราก็ไปทำงานตามปกติ ทำทุกอย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนวันนึงเราไม่สบาย เป็นไข้ ปวดหัวมาก เราก็กึ่งหลับกึ่งตื่น เเล้วตาก็ไปสบกับตาคู่นึง เป็นผู้หญิงผมยาว ๆ ใส่ชุดเก่า ๆ ลอยอยู่บนเพดาน เค้าลอยลงมาจนตัวเราจะติดกันอยู่เเล้ว สายตาเราก็จ้องมองกัน จนเราพูดขึ้นว่า “พี่ ๆ อย่ามาหลอกหนูเลย วันนี้หนูไม่สบาย ปวดหัวมาก หนูกลัว”
พอเราพูดจบ มือของเค้าก็มาเเตะที่หัวของเรา จากนั้นอาการปวดหัวของเราก็หายไปเฉย ๆ พร้อมกับที่เค้าก็หายไปต่อหน้าต่อตาเรา เราหลับทั้ง ๆ ที่กลัวจนเเทบหมดสติ ตื่นอีกทีก็เช้าของอีกวัน เราเลยไปใส่บาตรระลึกถึงเธอคนนั้นเพื่อให้ได้บุญที่เราทำในวันนี้
เรากลับห้องมาด้วยจิตใจที่กล้าหาญมากขึ้น เท้าเราก้าวขึ้นบันไดทีละก้าว ๆ พร้อมกับเสียงเหมือนมีคนกำลังเดินตามมาทีละขั้นบันได ตอนนี้ความกลัวได้หมดไปเเล้ว เราได้พูดขึ้นดัง ๆ ว่า “เรามาจากต่างจังหวัด เราไม่มีที่ไป เราขออยู่อาศัยหลับนอน โปรดอย่าได้มาเบียดเบียนกันเลย ให้ต่างคนต่างอยู่ อย่ามาให้เห็นเป็นตัวเลย เราจะหมั่นทำบุญไปให้ เริ่มคืนนี้นะ ขอบคุณค่ะ”
เราได้อาศัยอยู่ที่นั่นนานถึง 5 เดือน เต็ม ๆ มีอีกเยอะมากที่อยากเล่าตลอดเวลา 5 เดือน คือไม่มีวันไหนเลยที่ไม่โดนผีหลอก เเม่บอกว่าตอนเราเด็ก ๆ อายุประมาณ 8 ขวบ เราเคยเป็นไข้เลือดออก เลือดไหลออกทั้งปากเเละจมูก หัวใจหยุดเต้นไปเกือบ 1 นาที นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่เรามักจะเห็นเเละสัมผัสได้ถึงวิญญาณ เพราะหลังจากนั้นเราจะชอบพูดเสมอว่า ‘ปู่มาเเล้ว ๆ’ ทั้ง ๆ ที่ปู่ได้เสียไปเเล้ว

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา